ตอนที่แล้วตอนที่ 384 การเจริญเติบโตของขนอุย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 386 หาของ?

ตอนที่ 385 พัฒนาอย่างว่องไว


ตอนที่ 385 พัฒนาอย่างว่องไว

เซี่ยเฟยไม่ทันสังเกตเห็นเลยสักนิดว่าขนอุยได้เติบโตขึ้นจากขนาดเท่าไข่กลายมามีขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลแล้ว ซึ่งการเจริญเติบโตในรอบนี้ได้ทำให้มันมีขนาดร่างกายขยายขึ้นมามากกว่าเดิมเกือบ 10 เท่า

ดูเหมือนว่าการเจริญเติบโตของขนอุยจะเป็นการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อมันสามารถสะสมพลังงานได้ในระดับหนึ่ง

น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะเจริญเติบโตขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม แต่นิสัยประจบสอพลอของขนอุยยังคงอยู่เหมือนเดิม

“นี่แกคือขนอุยจริง ๆ เหรอ?” ชายหนุ่มมองไปยังขนอุยที่กำลังใช้ลิ้นเลียขาของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ มันคือขนอุยจริง ๆ ในระหว่างที่นายกำลังนอนหลับร่างของมันก็โป่งพองออกราวกับลูกโป่งที่ถูกสูบลมเข้าไปด้านใน” อันธกล่าว

เซี่ยเฟยดึงแก้มทั้งสองข้างของขนอุยออกจากกัน ซึ่งเจ้าก้อนก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันแต่มันก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน

“เมื่อก่อนมันยังเด็กฉันเลยไม่ได้ใช้วิชามนตราอสูรกับมัน แต่ในตอนนี้ขนาดเปลวไฟวิญญาณของมันขยายมากขึ้นกว่าเดิมนับ 10 เท่าแล้ว ฉันควรสำรวจจิตสำนึกมันหน่อยดีไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากได้ใช้เนตรมนตราในการตรวจสอบไฟอสูรในร่างของขนอุย

อันธพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

วิชาเนตรมนตราสามารถใช้มองเปลวไฟวิญญาณในร่างของสัตว์อสูรได้ โดยสีของเปลวไฟของสัตว์อสูรแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติสัตว์อสูรที่รักสงบจะมีเปลวไฟวิญญาณสีเขียวหรือสีฟ้าซึ่งเป็นสีโทนเย็น ๆ ขณะที่สัตว์อสูรที่ดุร้ายจะมีเปลวไฟสีส้ม, สีแดงหรือสีโทนร้อน

ยิ่งไปกว่านั้นขนาดและความสว่างของเปลวไฟก็สามารถใช้วัดระดับของสัตว์อสูรได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในตอนนี้ขนอุยก็เติบโตขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว และมันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ศึกษาเรื่องของเจ้าก้อนมากกว่าเดิมเสียที

เซี่ยเฟยรู้อยู่เสมอว่าขนอุยเป็นสัตว์อสูรที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ แต่เนื่องจากว่ามันยังเด็กมากเขาจึงยอมถอยให้มันอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าถ้าหากเจ้าหนูนี่เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม มันจะยังคงยอมรับคำสั่งของเขาอย่างเชื่อฟังหรือไม่

ข้อเท็จจริงจากเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าขนอุยไม่ใช่สัตว์อสูรระดับธรรมดา และชายหนุ่มก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับสัตว์อสูรที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงวางขนอุยเอาไว้บนพื้นพร้อมกับย้ายกระแสจิตผ่านวิชาเนตรมนตราเข้าไปในร่างของเจ้าตัวน้อยด้านหน้าอย่างระมัดระวัง

ในตอนแรกขนอุยขยับตัวไปมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี คล้ายกับว่ามันเข้าใจว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามเล่นสนุกกับมันอยู่ แต่เมื่อกระแสจิตของทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ แววตาของขนอุยก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างกะทันหัน ซึ่งทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่กำลังดึงกระชากกระแสจิตของเขาเข้าไปอย่างรุนแรง

เซี่ยเฟยไม่เคยคิดเลยว่าจิตสำนึกของขนอุยจะมีการป้องกันที่หนาแน่นแบบนี้ และความแข็งแกร่งทางจิตของเจ้าตัวน้อยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังจิตของตัวเขาเอง!

นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ขนอุยเกิดขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่มันกลับมีกระแสจิตที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซี่ยเฟยที่ฝึกฝนพลังจิตมาเป็นเวลานาน

เป็นไปได้ไหมว่ามันคือสัตว์อสูรในตำนาน เพราะสัตว์อสูรโดยทั่วไปไม่มีทางที่จะครอบครองความแข็งแกร่งเช่นนี้เลย

ทุกคนทราบกันดีว่าการพยายามใช้กระแสจิตเข้าไปสอดแนมสิ่งมีชีวิตที่มีกระแสจิตแข็งแกร่งกว่าตัวเองเป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก เพราะถ้าหากกระแสจิตเกิดการตีกลับมันจะสร้างความเสียหายให้กับกระแสจิตของคนคนนั้นอย่างรุนแรง ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายที่สุดผู้ส่งกระแสจิตอาจจะได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ความตาย และในกรณีที่โชคดีขึ้นมาหน่อยเขาก็อาจจะกลายเป็นผู้บกพร่องทางด้านสติปัญญา

เหตุการณ์นี้ทำให้ใบหน้าของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ และเขาก็พยายามดึงกระแสจิตของตัวเองกลับมาโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย

เมื่อกระแสจิตของเซี่ยเฟยถูกดึงกลับออกมาแล้วท่าทางของขนอุยก็กลับมาประจบสอพลอชายหนุ่มอีกครั้ง คล้ายกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นการป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ และมันก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายกระแสจิตของเซี่ยเฟยเลย

“เกิดอะไรขึ้น?” อันธถามพร้อมกับมองไปทางชายหนุ่มอย่างสับสน

“กระแสจิตของขนอุยแข็งแกร่งมาก ฉันไม่สามารถใช้กระแสจิตเข้าไปสอดแนมหาข้อมูลของมันได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

“อะไรนะ?!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ขนอุยเป็นเพียงสัตว์อสูรเกิดใหม่ได้เพียงแค่ไม่นาน แต่มันกลับมีกระแสจิตที่รุนแรงมากพอจนสามารถขับไล่กระแสจิตของเซี่ยเฟยออกมาได้

อย่าลืมว่าเซี่ยเฟยคือผู้ฝึกวิชามนตราอสูรจนถึงระดับที่ 4 แล้ว ซึ่งวิชามนตราอสูรในระดับนี้มันก็มากพอที่จะจัดการกับสัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ทั่วทั้งจักรวาล แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยกลับบอกว่าเขาไม่สามารถใช้กระแสจิตบุกเข้าไปในจิตสำนึกของขนอุยได้จริง ๆ

“ฉันคิดว่าขนอุยไม่น่าจะอยู่ในระดับของสัตว์อสูรส่วนใหญ่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสองเงียบเสียงไปอยู่ครู่หนึ่ง และถึงแม้ว่าในปัจจุบันขนอุยจะยังคงประจบสอพลอเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตมันจะเติบโตขึ้นไปเป็นตัวอะไร

“ตอนนี้มีวิธีเดียวแล้วล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าว

“วิธีอะไร?”

“ฉันต้องทะลวงผ่านวิชามนตราอสูรขั้นที่ 6 ไปให้ได้ จากนั้นฉันต้องพยายามบังคับสร้างพันธสัญญากับไอ้ก้อน”

เมื่อเขาสามารถฝึกวิชามนตราอสูรได้จนถึงขั้นที่ 6 มันจะทำให้เขาสามารถสร้างพันธสัญญากับสัตว์อสูรในจักรวาลได้ แต่เนื่องมาจากในตอนนี้เขายังสามารถฝึกฝนวิชามนตราอสูรได้เพียงแค่ขั้นที่ 4 เท่านั้น ซึ่งมันยังห่างไกลจากการสร้างพันธสัญญากับสัตว์อสูร

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับขนอุยได้ด้วยวิชามนตราอสูรขั้นที่ 4 แต่สถานการณ์มันก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงถ้าหากเขาสำเร็จวิชามนตราอสูรขั้นที่ 6 นอกจากนี้เขายังจำเป็นจะต้องเซ็นสัญญากับขนอุยตั้งแต่เด็ก เพราะถ้าหากพวกเขารอให้มันเติบโตไปมากกว่านี้เขาก็อาจจะไม่สามารถบังคับให้มันสร้างพันธสัญญากับเขาได้อีกแล้ว

“นี่นายบ้าไปแล้วหรือเปล่า? อย่าลืมนะว่านายต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะพัฒนาวิชามนตราอสูรมาจนถึงขั้นนี้ แต่นายกลับบอกว่าจะพัฒนาวิชามนตราอสูร 2 ขั้นในคราวเดียวเนี่ยนะ! นายคิดว่านายจะสามารถทะลวงระดับ 2 ด่านได้ในระยะเวลาสั้น ๆ จริง ๆ เหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อก่อนฉันเป็นแค่เด็กปั่นจักรยานส่งของแล้วดูฉันในตอนนี้สิว่าฉันได้เติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว นอกจากนี้ฉันยังสะสมพลังจิตเอาไว้ในสมองเยอะมาก ดังนั้นมันก็น่าจะมีโอกาสที่พอจะเป็นไปได้อยู่บ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น

หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็เหลือบสายตามองไปยังขนอุยด้วยแววตาที่ดุร้าย แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวน้อยจะสัมพันธ์ได้ถึงเจตนาร้ายอันซ่อนเร้น ตัวของมันจึงสั่นขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจพร้อมกับพยายามจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาที่ออดอ้อน

ยิ่งขนอุยพยายามทำตัวแบบนี้มันยิ่งทำให้เซี่ยเฟยมุ่งมั่นจะสร้างพันธสัญญากับมันให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะมันมีแนวโน้มสูงมากที่ขนอุยจะเติบโตขึ้นไปเป็นสัตว์อสูรที่เจ้าเล่ห์ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องปราบปรามมันตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่เขาจะต้องกลายเป็นศัตรูกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองในอนาคต

“เอาล่ะฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเริ่มทำการฝึกฝนตั้งแต่ตอนนี้เลย!” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น ก่อนที่เขาจะนั่งลงเพื่อทำการฝึกฝนภายในห้องบัญชาการของยานเซิร์กโบราณลำนี้

แม้ว่าด้านนอกจะมีผู้นำเผ่าทูรอนทั้งแปดรอคอยเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่กลัวผู้นำพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาได้ปลูกฝังความกลัวเข้าไปในจิตใจของเผ่าทูรอนทั้งเผ่าพันธุ์ ดังนั้นถึงแม้พวกผู้นำจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกสัก 10 เท่า แต่พวกเขาก็ไม่มีทางกล้าเข้ามาสอดแนมด้านในยานลำนี้อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์ดวงนี้ยังตั้งอยู่ในสถานที่อันห่างไกล มันจึงกลายเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมที่จะให้เขาทำการนั่งฝึกฝน เพราะท้ายที่สุดการพยายามเลื่อนระดับวิชามนตราอสูร 2 ขั้นในคราวเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องหาสถานที่อันปลอดภัยแบบนี้เพื่อทำการเก็บตัวฝึกฝนเพียงลำพัง

เซี่ยเฟยหายใจเข้าออกอย่างมั่นคงพร้อมกับนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ซึ่งในระหว่างนั้นขนอุยก็กลิ้งตัวมาด้านข้างของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน และแสดงท่าทางเหมือนกับว่ามันต้องการจะดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีม่วง

“ช่วงนี้นายรอไปก่อนได้ไหม ตราบใดที่พวกเราสร้างพันธสัญญากันเสร็จฉันจะยอมให้นายกินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ใจนายต้องการเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวขนอุยเบา ๆ

เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยเคยดุด่าขนอุยมาโดยตลอดว่าทำไมมันถึงไม่ยอมโตขึ้นมาสักที แต่เมื่อมันได้เติบโตขึ้นมาจริง ๆ เขากลับรู้สึกกลัวว่ามันจะเติบโตขึ้นทั้ง ๆ ที่พวกเขายังไม่ได้สร้างพันธสัญญาซึ่งกันและกัน

กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและโดยปกติยิ่งระดับของวิชามนตราอสูรเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีความยากลำบากในการฝึกฝนมากขึ้นไปเท่านั้น

วิชามนตราอสูรที่ชายหนุ่มได้รับมามีเนื้อหาถูกระบุเอาไว้อยู่เพียงแค่ 6 ขั้นจาก 9 ขั้นเท่านั้น ซึ่งตามบันทึกที่มีอยู่ในหนังสือ วิชามนตราอสูรขั้นที่ 9 จะทำให้เขาสามารถปราบปรามสัตว์อสูรทั่วทั้งจักรวาลได้อย่างง่ายดาย แล้วมันก็จะทำให้เขาสามารถสร้างกองทัพสัตว์อสูรที่ซื่อสัตย์ได้ตามที่เขาต้องการ

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถครอบครองพลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้ เพราะเขาไม่มีวิธีการฝึกวิชามนตราอสูรขั้นที่ 7 ถึงขั้นที่ 9 ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาจำเป็นจะต้องเซ็นสัญญากับขนอุย ไม่อย่างนั้นถ้ามันเติบโตขึ้นไปมากกว่าเดิม ชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจับมันมาสร้างพันธสัญญากับเขาได้จริง ๆ

ค้างคาวเงาดาราในเขตดาววิลเดอร์เนสเป็นราชาสัตว์อสูรที่สามารถกวาดล้างกองยานได้เพียงลำพัง ขณะเดียวกันขนอุยที่โตเต็มวัยก็คงจะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าค้างคาวเงาดาราอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงพยายามจะสร้างพันธสัญญากับขนอุยให้ได้ และเชื่อว่าในวันหนึ่งมันจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีในระหว่างที่เขาผจญภัยไปทั่วทั้งจักรวาล

เมื่อได้คิดถึงเรื่องพวกนี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันจะมีสักกี่คนในจักรวาลที่จะมีราชาสัตว์อสูรเป็นคู่หูร่วมรบอยู่ข้างกาย

หลังจากพัฒนาวิชามนตราอสูรมาจนถึงขั้นที่ 5 ชายหนุ่มก็ยังคงฝึกฝนวิชาขั้นที่ 6 ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

กระแสพลังปริมาณมหาศาลที่ถูกเก็บไว้ในสมองช่วยเซี่ยเฟยได้เป็นอย่างมาก มันจึงทำให้เขาสามารถฝึกฝนอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่จำเป็นจะต้องพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่ามันจะเป็นเส้นทางที่สามารถก้าวพ้นไปได้อย่างยากลำบาก แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ส่วนอันธที่คอยลุ้นอยู่ข้าง ๆ ก็กำลังมองชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นเช่นเดียวกัน เพราะอัตราการพัฒนาของเซี่ยเฟยไม่ต่างจากรถถังที่บุกฝ่าเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม

อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายหนุ่มจะทะลุผ่านขั้นที่ 6 ของวิชามนตราอสูร เขากลับรู้สึกเหมือนได้พบกับภูเขาที่สูงตระหง่านทะลุเมฆจนไม่สามารถที่จะมองเห็นยอดเขาที่อยู่ตรงหน้าได้

ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้พยายามปีนภูเขาขึ้นมาเป็นเวลา 5 วัน 5 คืนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นเงาของยอดเขาเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าภูเขาลูกนี้มันมียอดเขาอยู่จริง ๆ หรือเปล่า

การฝึกฝนวิชามนตราอสูรเต็มไปด้วยอุปสรรคอย่างมากมาย และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะสามารถพัฒนาจนมาถึงขั้นที่ 5 ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่การพยายามบุกผ่านขั้นที่ 6 กลับให้ความรู้สึกที่ยากมากกว่าการพยายามบุกผ่านวิชาขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 5 อีกครั้งหนึ่งเสียอีก

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ให้กับอุปสรรคใด ๆ อยู่แล้ว และของรางวัลของการบุกฝ่าอุปสรรคในการครั้งนี้คือการสร้างพันธสัญญากับขนอุยที่จะเติบโตกลายไปเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง ดังนั้นไม่ว่าอุปสรรคที่ขัดขวางจะทำให้รู้สึกยากลำบากมากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็จะฝ่าฟันอุปสรรคพวกนั้นไปให้ได้โดยมีจุดมุ่งหมายคือการสร้างพันธสัญญากับไอ้ก้อน

ในที่สุดเวลาก็ผ่านพ้นไปอีก 5 วัน ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบจะเป็นลม เพราะท้ายที่สุดพลังจิตที่ถูกสำรองเอาไว้ก็กำลังใกล้จะหมดลง มันจึงทำให้เขาใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดมากขึ้นทุกที

********************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด