ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 37 - วิธีที่ใช้ในการฝึกฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 39 - ท่าเท้า 3 ชั้น

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 38 - มด


“การฝึกของที่นี่เป็นยังไงบ้าง? ถ้าเทียบกับการฝึกของตระกูลเรา?”

เสียงของชายที่เกือบจะสูงวัยคนหนึ่งถามออกมา เขาแต่งกายอยู่ในชุดที่สะอาดตา นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ดูหรูหราราคาแพงในห้อง

ฟิลลิดานึกอยู่สักพัก ก่อนจะกล่าวออกมาตามตรง “หนูยังไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ นักเรียนใหม่ยังไม่ได้เรียนอะไรที่จับต้องได้เลย แต่เท่าที่รู้สึกในตอนนี้ การฝึกฝนของทางสถาบัน น่าจะหนักพอสมควรแน่ ๆ” คำตอบของเธอนั้นชัดถ้อยชัดคำ และเต็มไปด้วยความเคารพ บุคคลที่นั่งอยู่ข้างหน้าของเธอนี้ เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลของเธอ

ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างชื่นชม “มุมมองยังคงยอดเยี่ยมเช่นเคย ในตอนนี้ คงจะไม่มีใครสามารถคุกคามเจ้าได้อย่างแน่นอน ต้องใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่า พยายามพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นให้ได้”

ฟิลลิดาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “หนูจะทำตามคำแนะนำเป็นอย่างดีค่ะ”

“ดีมาก!” ผู้อาวุโสของตระกูลกล่าวเสียงดังออกมา ก่อนที่จะถามต่อ “แล้วมดที่อยู่ตรงมุมนั่น เจ้าสังเกตอะไรจากมันได้บ้าง?”

ฟิลลิดาผงะไปกับคำถามนั้นในตอนแรก เธอไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสคนนี้กำลังพูดเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตาของเธอก็เป็นประกาย ก่อนจะตอบออกมา “มดหางแมงป่องนั้นอ่อนแอมาก เหมือนกับมดตัวอื่น ๆ ไม่มีผิด ดูเหมือนว่ามันจะมีความสามารถพิเศษอยู่บ้าง ที่สามารถรับรู้อันตรายที่เข้ามาใกล้ตัวได้ แต่ก็เพียงเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย ดูเหมือนว่าจะระมัดระวังตัวมาก ไม่ค่อยสุงสิงกับมดตัวอื่นเท่าไรนัก สัตว์เลี้ยงอย่างนี้ หนูไม่ค่อยชอบมันเท่าไรเลย ผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่แจ้งกลับไปทางตระกูล ให้ส่งตัวอื่นมาให้หนูเลือกใหม่ล่ะ?” ในช่วงสุดท้าย เสียงของเธอนั่นคร่ำครวญออกมาอย่างไม่พอใจนัก เหมือนกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ของเล่นดังใจ เม้มปากสีชมพูของตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเบิกกว้างเป็นประกาย ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้น ยิ่งดูน่ารักน่าถนุถนอมมากขึ้นไปอีก และมันน่าจะเพียงพอให้ทุกคนที่เห็นอดใจสั่นไม่ได้

แต่ผู้อาวุโสคนนั้น ไม่มีแม้แต่การกระพริบตาออกมาเลยด้วยซ้ำ เขาแค่เอ่ยออกมาเรียบ ๆ “พยายามทำตัวให้สนิทกับมันเข้าไว้ เข้าใจมั้ย? ฉันจะต้องกลับก่อนแล้ว ไม่ต้องตามออกไปส่งนะ ฉันเดินออกไปเองจะดีกว่า อ้อ! เธอรู้อยู่แล้วใช่มั้ย ว่าจะต้องเลือกคู่มือการฝึกฝนแบบไหน?” เขากำลังจะก้าวออกนอกห้องไปแล้ว ตอนที่หันกลับมาถามอีกครั้ง

ฟิลลิดาพยักหน้าให้เขา “ค่ะ!”

“ดีมาก!” แล้วชายคนนั้นก็เดินจากไปทันที

.........

“ช่างเป็นเด็กที่ฉลาดจริง ๆ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ให้คำแนะนำเขาไปเอง แม้แต่ฉันก็คงคิดว่าเธอกำลังพูดถึงมดหางแมงป่องอยู่จริง ๆ นะนั่น หึหึ! แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว”

มู่เฉินหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะใช้มือบีบโฮโลแกรมที่บรรจุข้อความเสียงเอาไว้อย่างเต็มแรง ทำให้มันแตกกระจายกลายเป็นเส้นแสงเล็ก ๆ แล้วก็จางหายไป นี่เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะใช้ลบข้อมูลในระบบโฮโลแกรมส่วนตัว มันเป็นวิธีที่สะดวกไม่น้อยเลยทีเดียว

............

เดวิดยืนจ้องอาคารหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกที่ทั้งทึ่ง และตกใจ ตั้งแต่เขาย้ายข้ามมายังโลกใบนี้ นี่เป็นอาคารหลังแรก ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั่นต่ำต้อยมาก

ความสูงของอาคารหลังนี้ไม่อาจวัดได้เลยแม้แต่น้อย มันเป็นตึกสูงที่ตั้งตระหง่าน ยอดตึกนั้นทะลุสูงขึ้นไปในหมู่เมฆ สามารถเรียกได้ว่าเป็นตึกสูงเสียดฟ้าออกมาอย่างเต็มปาก มันน่าจะสูงจนถึงสุดขอบฟ้าได้จริง ๆ

ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ ผนังภายนอกของตึกกำลังสะท้อนแสงออกมาแวววับ สีสันต่าง ๆ ที่ปรากฏออกมานั้น สะท้อนให้รู้สึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิตได้เลย

ไม่ใช่เพียงแค่เดวิดเท่านั้นที่ยืนจ้องตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น แม้แต่ไนฮุน ที่เพิ่งมายังหอสมุดแห่งนี้เป็นครั้งแรก ก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน ทั้งคู่ไม่เคยเห็นอาคารที่ใหญ่โตอลังการแบบนี้มาก่อนในชีวิต

หลังจากที่ทั้ง 2 คนสงบจิตสงบใจได้แล้ว ก็พากันเดินเข้าไปในตึกพร้อมกับคนอื่น ๆ มีนักเรียนและเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังเดินผ่านเข้าออกจากประตูทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของทั้งคู่ยังคงตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

หลังจากเข้ามาในตัวอาคารได้ เดวิดก็ได้เห็นชั้นจำนวนมาก วางอยู่เรียงรายเป็นแถว ๆ ดูแล้วไม่ต่างจากห้องสมุดในโลกเก่าของเขาเลย แต่ที่มันแตกต่างกันเป็นอย่างมาก คือบนชั้นเหล่านี้ มันมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ช่องว่างที่ควรจะวางหนังสือประเภทต่าง ๆ เอาไว้ กลับไม่มีอะไรอยู่เลย และที่ทำให้เดวิดยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก คือการที่เห็นนักเรียนบางคนกำลังยื่นมือออกมาข้างหน้า ทำท่าคล้าย ๆ กับการถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ บางคนทำท่าเหมือนกับเปิดหนังสืออยู่ด้วยซ้ำ

แม้ว่าเขาจะยังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ยืนนิ่งอยู่เป็นเวลาเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลังจากที่เขาตั้งสติได้ ก็หันไปกล่าวกับไนฮุน “พวกเราไปถามเจ้าหน้าที่กันก่อนดีกว่า!” มือก็ชี้ไปทางเคาน์เตอร์ที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ไม่น้อย

ที่หลังเคาน์เตอร์ มีหญิงสาวคนหนึ่งที่น่าจะอายุ 20 ปีต้น ๆ ยืนอยู่ แม้ว่าที่เคาน์เตอร์นั้นจะดูว่างเปล่า แต่เธอก็กำลังทำท่าเปิดหนังสือ และก้มลงอ่านความว่างเปล่าข้างหน้าอย่างตั้งใจ

หลังจากที่เดินมายืนอยู่เบื้องหน้าของเธอแล้ว เดวิดก็กล่าวสอบถามออกไปทันที “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าพวกเราจะขอความช่วยเหลือหน่อยได้หรือไม่” เขากล่าวออกไปอย่างสุภาพเต็มที่

เธอเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่มองไม่เห็นนั้นทันที หันมองมาทางคนที่มารบกวนความสุขในการอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว

“โอ้! สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้ช่วยเรื่องอะไรคะ?” เธอกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่เดวิดสาบานได้เลยว่า นี่เป็นการเสแสร้งที่แย่มาก ๆ เขาไม่เคยเห็นใครยิ้มได้ปลอม ๆ แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ไนฮุนถึงกับขนลุกเมื่อได้เผชิญหน้ากับรอยยิ้มนั้น

เดวิดได้แต่กระพริบตาถี่ ก่อนจะจะกล่าวออกไป “พวกผมอยากจะเลือกคู่มือในการฝึกฝน อยากจะให้ช่วยแนะนำหน่อยว่า พวกเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง พอดีว่า พวกเราเป็นนักเรียนใหม่นะครับ” เขายังสุภาพมาก

แต่พอได้ยินความต้องการที่เดวิดกล่าวออกไปแล้ว หญิงสาวเริ่มกลอกตาของเธอไปมา มองทั้งเดวิดและไนฮุนอย่างสังเกต และเมื่อเธอสรุปได้อย่างชัดเจนแล้ว รอยยิ้มจอมปลอมนั้นก็หายไปจากใบหน้า ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้เลย “อ้อ! พวกเธอทั้งคู่เป็นนักเรียนใหม่อย่างนั้นใช่มั้ย?”

แม้ว่าเดวิดจะงงกับท่าทีของเธอ แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับ แล้วก็พบว่า ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ได้สนใจเขาอีกแล้ว เธอก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่ออย่างตั้งใจ และกำลังทำท่าพลิกหนังสือไปหน้าต่อไปอยู่

นั้นทำให้พวกเขาพากันอึ้ง ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปอีก จนในที่สุด ก็ตัดสินใจเรียกเธอออกไปอีกครั้ง “อืม! ขอโทษครับ!”

“อย่ามากวนฉัน! เดินไปใส่รหัสตรงนั้น แล้วจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับหอสมุดได้” สายตาที่เธอเงยขึ้นมามองพวกเขาทั้งคู่ เต็มไปด้วยความดุดัน “ถ้ายังมารบกวนฉันอีก ฉันจะทำให้แน่ใจว่ากระดูกของพวกเธอทุกชิ้นหัก ก่อนที่จะจับโยนออกไปข้างนอกโน่น เข้าใจมั้ย?!” หลังจากยื่นคำขู่เสร็จ เธอก็ก้มหน้าลงไปให้ความสนใจกับหนังสือที่มองไม่เห็นนั่นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพึมพำ “หึ! ฉันก็นึกว่ามีหัวหน้าที่ไหนมา ชิชิชิ! กลายเป็นว่าเด็กใหม่โชคดีได้เห็นการยิ้ม ที่ฉันอุตส่าห์ฝึกมาตั้งหลายอาทิตย์ไปจนได้’

ส่วนเดวิดตอนนี้อึ้งหนักไปกว่าเดิมแล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่ดุร้ายมากที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอมาเลย ทำไมเขาจะต้องมาเจอกับเธอเข้าด้วยนะ โชคร้ายจริง ๆ เขาต้องสั่นหัวตัวเองอย่างแรง พยายามที่จะรวมรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปลากตัวของไนฮุน ที่ตกอยู่ในอาการช็อกเหมือนกัน ให้เดินออกมาจากตรงนั้นก่อน

เดวิดหันมองไปทางที่ผู้หญิงคนนั้นชี้นิ้วมาก่อนหน้า และพบว่ามันมีป้ายประกาศอะไรบางอย่างอยู่ เขาลากไนฮุนเดินตรงไปที่นั่น และพบว่ามันมีรหัสของหอสมุดติดอยู่ จึงได้เรียกหน้าต่างของโฮโลแกรมส่วนตัวออกมา และใส่รหัสบนนั้นเข้าไป

ในวินาทีที่กรอกรหัสเข้าไปอย่างสมบูรณ์ โลกก็เหมือนถูกกลับตาลปัตรทันที ชั้นวางที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยหนังสือต่าง ๆ มากมาย พื้นที่ในหอสมุดกลายเป็นมีสีสันขึ้นมาจากแสงสีต่าง ๆ ที่กระพริบอยู่เป็นระยะเหมือนหิ่งห้อย เป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างมาก

และหลังจากมองไปรอบ ๆ อย่างตั้งใจ ในที่สุดเดวิดก็เจอกับสิ่งที่ตัวเองตามหา ป้ายขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเคร่งขรึม เป็นทางการ เขียนบอกเอาไว้ตัวโตว่า คู่มือการฝึก มันอยู่ลึกเข้าไปด้านในของหอสมุดไม่น้อย

ทั้ง 2 คนชวนกันไปที่นั่นอย่างตื่นเต้น ในที่สุดพวกเขาก็จะได้มีวิธีการฝึกฝนของตัวเองเสียที

เมื่อไปถึง ก็พบกับป้ายเตือนขนาดใหญ่เด่นเข้าตาเป็นสิ่งแรก ‘ห้ามแตะต้องเด็ดขาด! การแตะต้อง หมายถึงเลือกคู่มือแล้ว!!”

นั่นทำให้ดวงตาของเดวิดมีแววแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นมาในทันที ถ้าไม่ได้เปิดอ่านรายละเอียดดูก่อน เขาจะรู้ได้อย่างไร ว่าการฝึกนั้นเหมาะสมกับพวกเขาหรือไม่? เมื่อหันไปมองไนฮุน ก็พบว่า เขากำลังสงสัยแบบเดียวกันอยู่พอดี

แต่เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้กับชั้นหนังสือมากขึ้น ชื่อหนังสือก็ผุดขึ้นมาจู่โจมสายตาของพวกเขาทันที จากชื่อที่ปรากฏออกมา มันมีการฝึกฝนแบบต่าง ๆ มากมาย ที่เขียนออกมาเป็นคู่มือวางอยู่ที่นี่

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด