ตอนที่แล้วตอนที่ 65 ลั่วหยางกระดาษแพง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 67 กระบี่ฟ้าคำราม

ตอนที่ 66 ประตูกระบี่เซียนเมฆา


“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการปล่อยให้ท่านในราคาถูก แต่ช่วงนี้มีคนมากมายเข้าเมืองเซียนเมฆา หากท่านรั้งรออีกสองสามวันเกรงว่าลานบ้านแห่งนี้คงถูกเช่าไป” นายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม

สุดท้ายเฉินเฟยยังคงเช่าลานบ้านและราคาลดเหลือหนึ่งพันเก้าร้อยตำลึงต่อปี แม้จะปล่อยให้ฉือเต๋อเฟิงออกโรงแต่ก็ไม่อาจลดค่าเช่าได้มากกว่านี้

ทั้งสองซื้อเครื่องเรือนที่เรียบง่ายและย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองเซียนเมฆา ฉือเต๋อเฟิงถามเรื่องสมุนไพรเพื่อเตรียมสำหรับการหลอมโอสถหลังจากนี้

เฉินเฟยเดินชมร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ นอกจากได้รู้ราคาโอสถภายในเมืองเซียนเมฆาเขายังถามเรื่องเข้าเป็นศิษย์สำนักกระบี่เซียนเมฆาด้วย

ครึ่งวันต่อมา เฉินเฟยกลับมาที่ลานบ้านพร้อมคิ้วขมวด

“มีปัญหาอะไรหรือ?” ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งรู้ว่าข้อกำหนดรับศิษย์ของสำนักกระบี่เซียนเมฆาเปลี่ยนไป” เฉินเฟยพูดเสียงต่ำ

เขาได้ยินข้อกำหนดจากชายชราในกองคาราวาน แต่แท้จริงแล้วมันเป็นข้อมูลเมื่อหลายปีก่อน

หลังผ่านไปหลายปี เมื่อมีผู้คนมากมายแห่กันมาเมืองเซียนเมฆาข้อกำหนดการรับศิษย์ของสำนักกระบี่เซียนเมฆาจึงเปลี่ยนแปลงทุกเดือน แต่เงื่อนไขยังค่อนข้างคล้ายกัน

“เปลี่ยนเป็นอย่างไร?” ฉือเต๋อเฟิงถามด้วยความสงสัย

ครั้งก่อนตอนอยู่ในรถม้า ฉือเต๋อเฟิงถึงกับตกใจเมื่อได้ยินว่าระดับขัดเกลาไขกระดูกในอายุต่ำกว่ายี่สิบปี เขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต ตอนนี้หยุดอยู่ที่ระดับหลอมกระดูกและยังไม่เห็นแม้แต่เงาระดับขัดเกลาไขกระดูกเลยด้วยซ้ำ

แต่ผลลัพธ์คือเบื้องต้นต้องมีระดับขัดเกลาไขกระดูก สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อคนมากมายจนจิตใจฟกช้ำ

“สองเดือนก่อนมีข้อกำหนดใหม่ หากยังไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก่อนอายุสิบสาม เมื่อผ่านการทดสอบฐานกระดูกและความเข้าใจจะสามารถเข้าสำนักได้เลย เมื่อเป็นศิษย์แล้วจะต้องเข้าระดับหลอมกระดูกตอนอายุสิบห้า และเข้าระดับขัดเกลาไขกระดูกตอนอายุสิบแปด”

ฉือเต๋อเฟิงตะลึงไปชั่วขณะโดยคิดว่าได้ยินผิดไป จากนั้นเขาก็ยิ้มแห้ง ข้อกำหนดเดิมก็บิดเบี้ยวมากแล้ว เยี่ยมจริงๆ ตอนนี้ได้รู้ว่าตัวเองต่ำต้อยและมีคนที่วิปริตยิ่งกว่า

“ระดับขัดเกลาไขกระดูกก่อนอายุสิบแปด แม้แต่สภาพแวดล้อมเช่นเมืองเซียนเมฆายังเป็นเรื่องยาก” ฉือเต๋อเฟิงอดไม่ได้ที่จะพูด

การประสบความสำเร็จในเส้นทางยุทธ นอกจากพื้นฐานครอบครัวแล้ว หากบิดามารดาเป็นนักยุทธ์ด้วยจะได้สืบทอดพรสวรรค์ส่วนหนึ่ง อย่างเช่นในเมืองเซียนเมฆาแห่งนี้ นักยุทธ์อัจฉริยะจะดีกว่านักยุทธ์ธรรมดามาก

ปรับแต่งร่างกายมีห้าระดับ การบรรลุระดับขัดเกลาไขกระดูกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

“อืม ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมสำนักกระบี่เซียนเมฆาจึงเป็นคนอายุน้อย”

เฉินเฟยพยักหน้า “ท้ายที่สุดแล้วเมื่อได้รับการปลูกฟังไม่ว่าจะเป็นความภักดีหรือจิตใจ การเป็นศิษย์ย่อมดีกว่า!”

“เร็วๆนี้สำนักกระบี่เซียนเมฆาเปิดรับคำจำนวนมากหรือ?” ฉือเต๋อเฟิงถามเงื่อนไขเนื่องจากมีคนจำนวนมาก

“อืม มีคนจำนวนมากลี้ภัยมาที่นี่”

เฉินเฟยพยักหน้าและถอนหายใจ เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายสำนักกระบี่เซียนเมฆาจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ตามข่าวลือที่ได้ยินมา ในเดือนนี้อาจมีการเปลี่ยนข้อกำหนดอีกครั้ง

แม้สำนักกระบี่เซียนเมฆาจะเป็นยักษ์ใหญ่ แต่ยังจำเป็นต้องจัดสรรทรัพยากรและคนสั่งสอนศิษย์ในสำนัก สำนักกระบี่เซียนเมฆาอ้วนจริงๆ เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมดแรงเสียแล้ว

มันก็เป็นเช่นนั้น แต่สำหรับนักนักยุทธ์รุ่นเก่าอย่างเฉินเฟย ความหวังในการเข้าร่วมสำนักกระบี่เซียนเมฆานั้นน้อยนิดมาก

ช่วงเวลาที่สำนักกระบี่เซียนเมฆาจะเปิดรับศิษย์คือห้าวันต่อจากนี้ มีข่าวลืออีกอย่างว่าต่อจากนี้สำนักกระบี่เซียนเมฆาจะไม่เปิดรับทุกเดือนอีกต่อไปและเปลี่ยนเป็นเปิดรับทุกสามเดือนหรืออาจเปิดทุกครึ่งปี

สองวันนี้เฉินเฟยทั้งสองค้นหาข้อมูลต่างๆในเมืองเซียนเมฆา ในที่สุดฉือเต๋อเฟิงพบแหล่งสมุนไพรที่ดี ในขณะเดียวกันเฉินเฟยเดินผ่านภายในเมืองเซียเมฆามากกว่าครึ่งโดยเฉพาะสถานที่ที่มีร้านค้า

ราคาโอสถลดลงเมื่อเทียบกับเมืองซิ่งเฝิน ในเมืองเซียนเมฆาราคาปกติของโอสถจิตเบาคือสิบตำลึงเงิน โอสถเหนือสามัญคือยี่สิบห้าตำลึง และราคาโอสถทะยานเนินเขาคือเก้าสิบห้าตำลึง

โอสถทะยานเนินเขาลดลงน้อยที่สุด ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นโอสถที่ใช้ในระดับขัดเกลาอวัยวะภายในและมีฤทธิ์แรงมากที่สุด น่าเสียดายที่เฉินเฟยยังหลอมมันไม่ได้

ในด้านสูตรโอสถ เมืองเซียนเมฆามีขายอยู่หลายประเภทแม้แต่โอสถจิตเบายังมีราคาไม่แพงมาก ส่วนโอสถเหนือสามัญยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ

ถ้าต้องการเรียนรู้จำเป็นต้องเข้าร่วมศูนย์การแพทย์หรือร้านโอสถและเซ็นสัญญาระยะยาว เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสอนให้เอง แน่นอนว่าข้อกำหนดโอสถทะยานเนินเขาเข้มงวดยิ่งกว่า

เมืองเซียนเมฆามีถนนที่ผู้คนตั้งแผงขายของกระจัดกระจาย เมื่อเทียบกับเมืองซิ่งเฝินแล้วขนาดจะใหญ่และดูมีชีวิตชีวากว่ามาก มีขายสิ่งแปลกๆมากมาย มีคนขายโอสถมากกว่ายี่สิบเจ้าซึ่งแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง

นอกจากนี้ยังเห็นได้ว่าคนมีความสามารถมากมายจากที่อื่นมารวมตัวที่เมืองเซียนเมฆา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ขายโอสถล้วนเป็นนักหลอมโอสถเก่งกาจ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงโดนกำจัดไปนานแล้ว

ในเช้าตรู่ของวันที่สาม ฉือเต๋อเฟิงนำห่อสมุนพไรมาให้เฉินเฟย ในห่อนี้เป็นสมุนไพรของโอสถจิตเบาทั้งหมด

ด้วยการทำให้โอสถเหนือสามัญเป็นแบบง่าย ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาการหลอมโอสถจิตเบาเพื่อเพิ่มความชำนาญ

ตอนนี้ความชำนาญใกล้ถึงระดับสมบูรณ์ เฉินเฟยคำนวนได้ว่าหากหลอมโอสถจิตเบาด้วยแรงทั้งหมดที่มีจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการทำให้ความชำนาญโอสถเหนือสามัญอยู่ในระดับรู้แจ้ง

นอกจากนี้ในฐานะผู้มาใหม่ของเมืองเซียนเมฆา การขายโอสถจิตเบาก่อนย่อมปลอดภัยและเหมาะสมกว่า

โอสถจิตเบามีขายทั่วไปในเมืองเซียนเมฆา ต่อให้ทำเงินได้เยอะก็คงไม่โดนอิจฉา ท้ายที่สุดแล้วโครงสร้างเมืองยังคงแตกต่างกัน

ตราบใดที่ควบคุมปริมาณได้ดีจะสามารถทดสอบตลาดได้

แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากมีพื้นหลังยิ่งใหญ่เช่นสำนักกระบี่เซียนเมฆา แต่ด้วยข้อกำหนดรับศิษย์ของสำนักกระบี่เซียนเมฆา เฉินเฟยเลยไม่มั้นใจว่าจะเข้าสำนักได้หรือไม่

ในเช้าวันที่สี่ เฉินเฟยมอบโอสถจิตเบาให้ฉือเต๋อเฟิงหนึ่งร้อยเม็ดซึ่งบางส่วนเฉินเฟยหลอมไว้ตั้งแต่อยู่ในเมืองซิ่งเฝินและเก็บไว้ในช่องมิติ

ในช่องมิติ อาหารบางส่วนจากอำเภอผิงหยินยังคงถูกเก็บไว้อยู่ เฉินเฟยไม่ได้กินมันและเก็บไว้เป็นความทรงจำ

ตอนเที่ยง ฉือเต๋อเฟิงกลับมา เฉินเฟยมองฉือเต๋อเฟิงอย่างแปลกใจ

“เมืองใหญ่แห่งนี้ต่างออกไป มีคนใช้เข็มเจาะโอสถจิตเบาจากนั้นขอเหมาทั้งหมดด้วยราคาหนึ่งเม็ดแปดตำลึง”

ฉือเต๋อเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจากนั้นมอบตั๋วเงินที่แบ่งแล้วให้เฉินเฟย เฉินเฟยประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าเมืองเซียนเมฆาจะก้าวหน้าเรื่องทดสอบโอสถมากขนาดนี้

ในช่วงบ่าย เฉินเฟยหลอมโอสถและฝึกฝนกระบี่กับธนู พรุ่งนี้เขาจะไปสำนักกระบี่เซียนเมฆา หากบอกว่าไม่กังวลคงเป็นเรื่องโกหก ตราบเท่าที่เข้าร่วมได้เส้นทางยุทธของเฉินเฟยถือได้ว่าผ่านไปครึ่งทาง

แต่พอนึกถึงข้อกำหนดของสำนักกระบี่เซียนเมฆา เฉินเฟยก็รู้สึกปวดฟันอีกครั้ง มันช่างยากเย็นเหลือเกิน

ในวันที่ห้า เฉินเฟยตื่นแต่เช้า ทักทายฉือเต๋อเฟิงและออกไปทันที สำหรับเฉินเฟย คนตื่นเช้าแบบเฉินเฟยยังมีอีกมากในเมืองเซียนเมฆา

สำนักกระบี่เซียนเมฆาไม่ได้อยู่ในเมือง หลังจากเดินทางครึ่งชั่วยามเฉินเฟยมาถึงเชิงเขาสำนักกระบี่เซียนเมฆา แต่ในเวลานี้ได้มีคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันที่นี่

ทุกคนดูตื่นเต้น ผู้คนที่คุ้นเคยกำลังพูดคุยกัน สายตาของพวกเขามองที่ประตูสำนักกระบี่เซียนเมฆาเป็นครั้งคราว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา