ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 30 - ถังพลังงาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 32 - แผนการร้าย

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 31 - เดวิดผู้ไร้ยางอาย


แต่สิ่งที่เดวิดไม่ได้ทันสังเกตเลยก็คือ ตอนที่เขากล่าวคำว่า ‘คนแก่’ ออกไป กลุ่มของผู้ช่วยที่ยืนอยู่ตรงนั้น พากันสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างพร้อมเพรียง ขยับปากขมุบขมิบเหมือนต้องการจะพูดอะไร แต่ทุกคนก็อดกลั้นเอาไว้ได้ แม้ว่าบางคน จะต้องใช้มือปิดปากตัวเองเอาไว้เลยก็ตาม

พวกเขาต่างจ้องหน้ากันไปมา พยายามจะซ่อนความตกใจเอาไว้ เพราะทุกคนในสถาบันรู้ดีว่า ท่านศาสตราจารย์คนนี้ ไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าเป็นคนแก่

ชายชราก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองเดวิด ที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเบิกบาน และกำลังจะเดินผ่านเพื่อออกจากประตูห้องทดลองไป

มันเป็นความจริง ที่เขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าเป็นคนแก่ โดยเฉพาะยิ่งเป็นเด็กนักเรียนด้วยแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเพราะเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่ ความจริงแล้ว เขายังไม่แก่เลยต่างหาก อายุจริง ๆ ของเขานั้นยังไม่ได้มากเหมือนรูปร่างหน้าตาเลย

การที่จะมีความแข็งแกร่ง และพลังที่สูงสุดยอดได้นั้น มันต้องจ่ายกลับเป็นค่าตอบแทนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ผ่านสภาวะ ‘สไปร์’ มาได้แล้ว ผู้ที่ยิ่งสามารถหมุนเวียนโลหิตของตัวเองได้เร็วมากขึ้นเท่าไร ก็จะเพิ่มโอกาศในการปลูกถ่ายยีนที่ทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น และถึงแม้ว่า มันยังต้องการระยะเวลาที่คนผู้นั้นสามารถทนอยู่ในสภาวะตื่นตัว หรือสภาวะที่ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนได้นานเท่าไรด้วย แต่ปัจจัยหลักก็ยังเป็นความเร็วของการหมุนเวียนโลหิตอยู่ดี

ชายผมขาวที่นั่งอยู่ตรงนี้ เคยเป็นนักเรียนพรสวรรค์ระดับ 4 ดาว เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนของสถาบันแห่งนี้ เขาผ่านพ้นระยะสไปร์มาได้ ด้วยอัตราการหมุนเวียนโลหิต 299 รอบต่อนาที เป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์สูงสุด และไร้เทียมทานในหมู่นักเรียนรุ่นเดียวกับเขา และยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองสูงขึ้นไปอีก เมื่อเขาสามารถทนอยู่ในสภาวะตื่นตัว สภาพที่ร่างกายหมุนเวียนเลือดด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง ได้นานกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันถึง 2 เท่า

ด้วยความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เขาเลือกที่จะปลูกถ่าย และประสานตัวเองเข้ากับพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากชนิดหนึ่ง ที่ต้องการสไปรเยอร์ที่มีอัตราการหมุนเวียนเลือดอย่างต่ำ 300 รอบต่อนาที แม้ว่าจะได้รับการตักเตือนและคำแนะนำผู้นำของสถาบันในตอนนั้น รวมถึงการห้ามปรามของเหล่าครูฝึกเกือบทุกคน เพราะความเสี่ยงในการปลูกถ่ายยีนที่ทรงพลังมากแบบนั้น ถ้าไม่มีการเตรียมตัวที่ดี หรือมีความแข็งแกร่งมากพอ คนที่เข้ารับการปลูกถ่ายอาจสูญเสียการควบคุมตัวเองไปได้ แต่เขาที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ก็ยังตัดสินใจแบบเดิม

จากการคำนวณเป็นอย่างดีของเขาในตอนนั้น โอกาสล้มเหลวจนถึงเสียชีวิตคือ 10 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นโอกาสในการสูญเสียการควบคุมตัวเอง และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ แต่ก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ในท้ายที่สุด เขาประสบความสำเร็จในการปลูกถ่าย และสามารถผสานเข้ากับพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ที่เขาไม่เคยคำนวณเอาไว้เลย ก็คือโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ขึ้นมา

เขาประสบความสำเร็จอย่างค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับผลข้างเคียงอันค่อนข้างที่จะร้ายแรงไม่น้อย จนทำให้เส้นผม และคิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวไปทั้งหมด

ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในกระบวนการ เขาเกือบจะล้มเหลวอยู่แล้ว เพราะสภาวะตื่นตัวของเขา อยู่นานกว่าที่ได้คำนวณเอาไว้ 2.5 วินาที เนื่องจากความยากในการผสานพันธุกรรม นั่นทำให้ยีนที่ทรงพลังนั้น ดูดซับพลังชีวิตส่วนหนึ่งของเขาไป เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน หลังจากที่เขาหมดพลังลงไปก่อนที่กระบวนการจะสำเร็จ ทำให้ผิวหนังของเขานั้นเหี่ยวย่น ผมเปลี่ยนเป็นสีขาว หรือกล่าวง่าย ๆ ว่า รูปลักษณ์ของเขากลายเป็นคนแก่ไปในชั่วพริบตา

แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ของคนอายุมากขนาดนี้ เขาก็ยังเป็นศาสตราจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน ถ้าเกิดว่ามีคนสงสัยว่ามันคุ้มค่ากันหรือไม่ ที่ต้องแลกพลังชีวิตของตัวเองเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งระดับนี้มา และให้โอกาสตัดสินใจใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็ยังคงจะเลือกตัดสินใจผสานเข้ากับพันธุกรรมนี้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

ถ้ามีคนตั้งใจมองเขาใกล้ ๆ จะยังคงเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันจะถูกปิดบังไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจำนวนมากเท่านั้นเอง

แล้วความคิดของศาสตราจารย์ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นมาในตอนนั้นเอง เสียงของผู้ช่วยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะดังขึ้น ก่อนที่เดวิดจะได้ก้าวเท้าออกจากประตูไป

“เดี๋ยวก่อน นายยังไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้ถังพลังงานเลย!”

พอได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเดวิดเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันหน้ากลับมามองทางต้นเสียง

“ที่คุณพูด หมายถึงผมอย่างนั้นหรือ?” เขาเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับชี้มือมาที่ตัวเอง

ผู้ช่วยคนที่กล่าวออกมา น่าจะมีอายุไม่ถึง 20 ปีดีนัก มีผมสีน้ำตาลอ่อนที่ตัดเอาไว้เกือบสั้นเกรียน หน้าตาค่อนข้างที่จะดูดี และกำลังยิ้มกว้างออกมา แต่นั่นไม่ได้ทำให้เดวิดรู้สึกสบายใจเลย รอยยิ้มนั่นซ่อนเจตนาที่ไม่ดีบางอย่างเอาไว้ เขารับรู้มันได้ ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงพูดนี้ดังขึ้นแล้ว

สภาพร่างกายของเดวิดในตอนนี้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่กล้ามเนื้อกลับอยู่ในสภาวะที่เตรียมพร้อม มันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าเลยทีเดียว

และก่อนที่เขาจะเข้าไปอยู่ในโหมดเตรียมต่อสู้อย่างเต็มที่ เขาก็หยุดมันเอาในทันที เพราะความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง ว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ เขาน่าจะสามารถรับมือคนรุ่นใกล้ ๆ กันได้อย่างแน่นอน

ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ เขาจะไม่สามารถหยุดการตอบสนองของร่างกาย ที่มีต่อสิ่งคุกคาม หรือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองได้เลย ต้องปล่อยให้สัญชาตญาณ ทำหน้าที่ของมันไปจนสมบูรณ์ เขาเคยพยายามลองแล้ว แต่ก็ไม่เคยสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย การควบคุมร่างกาย และสัญชาตญาณของตัวเองก็ดูเหมือนจะดีขึ้นด้วย

รอยยิ้มของผู้ช่วยหนุ่มคนนั้นหุบลงทันที สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม เมื่อได้ยินคำตอบกลับของเดวิด ก้าวเท้ายาว ๆ ตรงมาหาเขา มันไม่เร็วนัก แต่ทุกก้าวเต็มไปด้วยพลังที่แฝงเอาไว้เต็มที่ “ใช่ ฉันกำลังหมายถึงนายนั่นแหละ!” เขากล่าวขึ้น เมื่อมาหยุดยืนอยู่ห่างจากเดวิดประมาณ 1 เมตร จ้องหน้าเดวิดอยู่เขม็ง

“โอ้! อย่างนั้นรึ? แล้วผมจะจ่ายเงินให้กับสิ่งที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลยได้ยังไงกัน?”

“ผมไม่รู้ว่าถังพลังงานที่คุณกล่าวถึงคืออะไร แต่ผมสาบานให้ตกนรกได้เลยว่า ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง”

“ดังนั้น! ถ้าจะมีคนที่ต้องจ่ายเงิน คน ๆ นั้นก็ควรจะเป็นคนที่พาผมมาที่นี่ต่างหากล่ะ” เดวิดตอบโต้กลับไปด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ ก่อนที่จะหันตัวกลับไป พร้อมที่จะก้าวเท้าออกนอกประตูอีกครั้ง เขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ยินดีเป็นอย่างมาก เพราะพลังของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ เขาไม่อยากให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ มาทำลายอารมณ์ที่กำลังเบิกบานของเขาไป

และแน่นอน คำตอบของเขาทำให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ได้แต่ยืนอึ้ง เขาไม่เคยได้ยินใครกล่าวคำพูดที่ไร้ยางอายแบบนี้ออกมา ด้วยท่าทีที่เชื่อมั่นในความถูกต้อง และสีหน้าที่ใสซื่อได้ขนาดนี้มาก่อนเลย

แถมคน ๆ นั้นได้ประโยชน์ไปจากถังพลังงานอย่างมหาศาล แค่ฟังจากเสียงหัวเราะอันเบิกบานก่อนหน้านี้ ก็แน่ใจในเรื่องนี้ได้แล้ว แต่! ยังมีหน้ามาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินอีกอย่างนั้นหรือ!? ระหว่างที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ในขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรออกไป หางตาก็เหลือบไปเห็น ว่าศาสตราจารย์กำลังจ้องมาทางนี้ ดังนั้น เขาจึงรีบหุบปากของตัวเองเอาไว้ทันที แล้วรีบเดินกลับไปยืนประจำอยู่ที่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางเคารพเหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านั้น เขายังจ้องมองหน้าเดวิดอีกครั้ง เพื่อที่จะจำหน้าของคนไร้ยางอายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เดวิดหัวเราะออกมาเบา ๆ และเริ่มก้าวเท้าออกไปยังประตูอีกครั้ง เขาอยากจะรีบออกไป ก่อนที่จะถูกเรียกให้จ่ายค่าธรรมเนียมการใช้งานเจ้าถังอะไรนี่อีก

แต่ก็ไม่สำเร็จ! ความจริงมันช่างโหดร้าย มีเสียงแหบ ๆ ดังขึ้นมาจากด้านใน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด