ตอนที่แล้วตอนที่ 367 พินัยกรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 369 ก่อนออกเดินทาง

ตอนที่ 368 การตัดสินใจของแอวริล


ตอนที่ 368 การตัดสินใจของแอวริล 

เซี่ยเฟยเป็นคนดื้อรั้นที่ไม่ชอบเดินตามเส้นทางของคนอื่น ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้เข้าไปในค่ายฝึกจัสทิสลีกเขาก็เลือกที่จะทำงานเป็นบรรณารักษ์ผู้ต่ำต้อย

ขณะเดียวกันเมื่อทางสมาพันธ์จัสทิสได้เสนอสัญญาให้เขาเข้าร่วมกับสมาพันธ์ เขาก็ปฏิเสธสัญญานั้นอย่างไร้เยื่อใยทั้ง ๆ ที่มันเป็นสัญญาที่คนส่วนใหญ่ต่างก็ใฝ่ฝัน แต่เซี่ยเฟยก็ยังเลือกที่จะสร้างฐานที่มั่นให้กับตัวเองภายในภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่อยู่ห่างไกล

คนส่วนใหญ่คิดว่าการตัดสินใจของเซี่ยเฟยเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา แต่ความจริงมันมีคนน้อยมากที่สามารถพัฒนาได้เทียบเท่าชายหนุ่มคนนี้ ทั้ง ๆ ที่เส้นทางที่เขาเลือกคือเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม เพราะมันเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครเคยเลือกเดินมายังเส้นทางสายนี้มาก่อน

การตัดสินใจของเซี่ยเฟยมักสร้างความสงสัยให้คนอื่นอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยสนใจความสงสัยของคนอื่นเลยเพียงแต่มุ่งเน้นความสนใจมายังเรื่องของตัวเองเท่านั้น

ด้วยอุปนิสัยของเซี่ยเฟยที่เป็นแบบนี้นี่เอง ตอนแรกแอวริลจึงคิดว่าชายหนุ่มน่าจะทิ้งเธอไปแล้ว

แต่ในความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกกังวลเรื่องที่เซี่ยเฟยไม่รักเธอเลย เพราะความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีให้เธอนั้นอาจจะเหนือกว่าคู่รักคนอื่น ๆ ในพันธมิตรด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาใช้วิธีการของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นวิธีการที่ไม่เหมือนใคร

เพียงแค่การที่เซี่ยเฟยแต่งตั้งเธอเป็นผู้รับมรดกทั้งหมดของเขาเพียงคนเดียวก็เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีแล้วว่าเขาจริงใจต่อเธอมากแค่ไหน ในความเป็นจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แอวริลไม่ควรรู้ แต่ทนายผู้ไม่รู้ความกลับนำเรื่องพินัยกรรมมาเปิดเผยโดยไม่รู้ตัวหลังจากที่เซี่ยเฟยได้จากไปเพียงแค่ไม่กี่วัน

ชั่วพริบตาดวงตาที่สดใสราวกับอัญมณีของแอวริลก็เต็มไปด้วยน้ำตา เพราะในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าเซี่ยเฟยไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วงเขาในระหว่างที่เขาจะต้องเดินทางไปเสี่ยงอันตราย

ความผิดพลาดเดียวของเซี่ยเฟยคือเขาทำพินัยกรรมเอาไว้โดยไม่ได้กำชับทนายความในเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ดังนั้นความพยายามที่เขาได้ปกปิดความจริงเอาไว้ในก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นเพียงแค่เรื่องที่สูญเปล่า แล้วมันกลับยิ่งทำให้แอวริลมุ่งมั่นที่จะยึดติดกับเขามากขึ้นกว่าเดิม

ไม่มีความสัมพันธ์ใดที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะไม่ว่าความสัมพันธ์ใดต่างก็มีช่วงเวลาสุขใจและทุกข์ใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งหลังจากที่ได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาอย่างมากมาย แอวริลก็ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป

เซี่ยเฟยคือคนที่คอยอยู่เคียงข้างในยามที่เธอเหงา และเขาก็พร้อมที่จะเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเธอเอาไว้ แม้กระทั่งในขณะที่เขากำลังเสี่ยงอันตรายเขาก็ยังคงเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ

หญิงสาวกัดฟันเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นเธอก็พยายามสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ และเผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าอันสดใสของเธออีกครั้ง และเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยพยายามทำหลาย ๆ อย่างเพื่อตัวของเธอแล้วเธอก็ต้องพยายามทำอะไรสักอย่างให้กับชายที่เธอรักบ้าง

“พี่ผางพวกเราไปหาคุณพ่อกัน” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ

ปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวทำให้ผางชิงผงะไปเล็กน้อย แต่เขาก็รีบเปิดประตูให้เธอด้วยความว่องไวก่อนจะเดินตามเธอไปยังห้องนั่งเล่น

หลังจากแอบก่นด่าเซี่ยเฟยในใจมาเป็นเวลานาน แต่หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องพินัยกรรมเขาก็มีความรู้สึกต่อเซี่ยเฟยเปลี่ยนไปคล้าย ๆ กับแอวริล เพียงแต่เขาแอบคิดภายในใจว่าสิ่งที่ทนายเพิ่งบอกมามันไม่ใช่พินัยกรรม แต่มันควรจะถูกเรียกว่าจดหมายรักอย่างเป็นทางการมากกว่า

ในห้องนั่งเล่นนิวแมนกับเออเนสกำลังพูดคุยบางอย่างด้วยเสียงอันแผ่วเบา และถึงแม้ว่าเออเนสจะกลับมาอาศัยอยู่ในนครหลวงแล้ว แต่นิวแมนก็ยังคงรับผิดชอบดูแลกิจการของตระกูลอยู่เหมือนเดิม

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณปู่” แอวริลกล่าวทักทายขึ้นมาเบา  ๆ

“ว่าไงสาวน้อย มานั่งข้าง ๆ ปู่สิ” เออเนสกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

แอวริลเดินไปนั่งข้าง ๆ ปู่และพ่อของเธอ ขณะที่ผางชิงเดินไปยืนอยู่ใกล้ ๆ กับผางไห่ซึ่งผันตัวไปเป็นพ่อบ้านประจำตัวของเออเนส

“ดึกแล้วทำไมถึงยังไม่พักผ่อนอีก?” นิวแมนถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“หนูมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อกับคุณปู่ก่อนค่ะ” แอวริลกล่าว

“เรื่องอะไรเหรอ?”

“หนูอยากแต่งงานกับเซี่ยเฟยค่ะ” แอวริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ห๊ะ!”

เออเนสกับนิวแมนแทบที่จะกระโดดออกจากโซฟา เพราะท้ายที่สุดการแต่งงานของทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลอย่างแอวริลย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตระกูลโดยตรง

นิวแมนกับเออเนสให้ความสำคัญกับธุรกิจของตระกูลอยู่เสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยคิดว่าแอวริลที่เป็นเด็กดีเสมอจะมาพูดเรื่องแต่งงานโดยไม่มีการไตร่ตรองมาก่อนแบบนี้

ในความเป็นจริงคนที่กำลังเกิดความสงสัยไม่ได้มีเพียงแต่เออเนสและนิวแมนเท่านั้น แต่เหล่าบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็กำลังตั้งข้อสงสัยขึ้นมาในใจ เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา

เออเนสพยายามกลับสู่ความสงบและโบกมือไล่ให้คนรับใช้ออกไปเหลือเพียงแค่พ่อลูกตระกูลผางที่อยู่ทางด้านหลัง เพราะในสายตาของเออเนสสองพ่อลูกคู่นี้ก็ไม่ต่างไปจากคนในครอบครัว

นิวแมนแอบคิดภายในใจว่าเขาจะไม่มีวันให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเรื่องความแตกต่างของฐานะเลย เพราะเพียงเรื่องที่เซี่ยเฟยสังหารน้องชายของเขาก็มากพอที่จะทำให้เขาปฏิเสธการแต่งงานระหว่างหนุ่มสาวคู่นี้แล้ว

ในความเป็นจริงนิวแมนกับเออเนสกำลังพูดคุยถึงเรื่องของเซี่ยเฟยอยู่พอดี เพราะชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปทำธุรกิจในดินแดนของเซิร์กในฐานะของพันธมิตร นิวแมนจึงวางแผนที่จะใช้โอกาสนี้ในการเกลี้ยกล่อมแอวริลอีกครั้ง

ท้ายที่สุดแผนการเดินทางของเซี่ยเฟยก็อาจจะกินระยะเวลานาน 3-5 ปี และเมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มสามารถกลับมาจากดินแดนเซิร์กได้สำเร็จ องค์กรของเขาก็จะกลายเป็นองค์กรชั้นนำในพันธมิตรได้ทันที ซึ่งในเวลานั้นนิวแมนก็คงจะไม่เหลือเหตุผลห้ามแอวริลไม่ให้แต่งงานกับเซี่ยเฟยได้อีกแล้ว

แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวของเขาจะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือ และเมื่อดูแววตาของแอวริลแล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังตั้งใจอย่างแน่วแน่

“เซี่ยเฟยว่ายังไงกับเรื่องนี้บ้าง?” นิวแมนถาม

“เซี่ยเฟยยังไม่รู้เรื่องค่ะ” แอวริลตอบพร้อมกับส่ายหัว

“นี่หลานตัดสินใจเองคนเดียวงั้นเหรอ?” เออเนสถามขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

“ใช่ค่ะ หนูอยากอยู่กับเขา” แอวริลกล่าวตอบอย่างจริงใจ

“นี่ลูกรู้ไหมว่าเซี่ยเฟยกำลังทำอะไรอยู่? หลังจากนี้เขาต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มพ่อค้าในพันธมิตรเพื่อเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนของพวกเซิร์ก พวกแมลงนั่นมันฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ เซี่ยเฟยจะกลับมาที่พันธมิตรได้ไหมมันก็ยังไม่มีใครรู้” นิวแมนเริ่มกล่าวกับลูกสาวด้วยความกระวนกระวาย

ทันทีที่กล่าวจบนิวแมนก็ตระหนักว่าคำพูดที่เขาใช้ค่อนข้างที่จะจริงจังเกินไปเล็กน้อย เขาจึงพยายามสงบสติอารมณ์และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า

“แอวริลฟังพ่อนะ ที่พ่อพูดเมื่อกี้ก็แค่เผื่อว่ามันอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างที่เซี่ยเฟยเดินทางไปทำการค้า”

“ขอโทษด้วยค่ะคุณพ่อคุณปู่ แต่วันนี้หนูมาเพื่อแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบไม่ใช่มาขอความคิดเห็นจากทุกคนค่ะ” แอวริลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซึ่งทันใดนั้นมันก็ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ

แอวริลกลายเป็นคนเด็ดขาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!

มันยากที่จะจินตนาการจริง ๆ ว่าคำพวกนี้หลุดมาจากปากของหญิงสาวที่มีอายุเพียงแค่ 17 ปี ยิ่งไปกว่านั้นแอวริลยังเคยเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอด

นิวแมนรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก แต่ผางชิงที่เลี้ยงดูแอวริลมาตั้งแต่เด็กกลับอุทานภายในใจว่า

‘ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างสง่างามแบบนี้’

“เอาล่ะในเมื่อหนูตัดสินใจแล้วปู่กับพ่อก็ยินดีด้วย แต่ตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ได้อยู่ในนครหลวง เมื่อเขากลับมาปู่กับพ่อค่อยคุยรายละเอียดในเรื่องของงานแต่งแบบนี้โอเคไหม?” เออเนสพยายามกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้แอวริลจะสามารถยืนหยัดแสดงความต้องการของตัวเองออกไปต่อหน้าพ่อกับปู่ของเธอได้ แต่เธอก็ยังคงไร้เดียงสาในเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของการเจรจาอยู่ดี การที่เออเนสตอบรับมาแบบนี้มันจึงทำให้เธอรู้สึกเขินจนหน้าแดง

หลังจากนั้นผางชิงก็ตามแอวริลไปที่ห้องเหลือเพียงนิวแมน, เออเนสและผางไห่อยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงเท่านั้น

“ไอ้หนุ่มคนนี้มันจะเจ้าเล่ห์มากเกินไปแล้ว” เออเนสกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“พวกเราจะทำยังไงดีครับพ่อ? ครั้งนี้ดูเหมือนว่าแอวริลจะเอาจริง พวกเราคงจะไม่ปล่อยให้เธอแต่งงานกับเซี่ยเฟยจริง ๆ ใช่ไหม?” นิวแมนกล่าวอย่างกระวนกระวาย

“ตอนนี้คงจะไม่มีใครสามารถเกลี้ยกล่อมแอวริลได้อีกแล้ว เราปล่อยให้เธอค่อย ๆ สงบใจเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยกลับไปพูดกับเธอใหม่” เออเนสกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“แล้วเซี่ยเฟยล่ะครับ?”

“เซี่ยเฟยเหรอ... มันคงจะเป็นการดีกับเราที่สุดที่เขาจะไม่ได้กลับมาจากดินแดนของเซิร์ก”

เซี่ยเฟยเป็นคนเจ้าแผนการมาโดยตลอด เออเนสจึงเข้าใจผิดไปว่าเหตุผลที่หลานสาวออกมาเรียกร้องให้มีการแต่งงานอย่างกะทันหันนี้เป็นกลอุบายที่ชายหนุ่มหลอกล่อแอวริลเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือทุกอย่างเซี่ยเฟยทำมาจากความจริงใจ ส่วนเรื่องพินัยกรรมที่หลุดออกมาจากปากของทนายก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น

“เซี่ยเฟยคุณนี่เป็นซัพพลายเออร์ที่เจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้เห็นมาเลย” วิลเลียมกล่าวผ่านหน้าจอสื่อสารด้วยรอยยิ้ม

“จอมพลวิลเลียมคุณก็น่าจะรู้จักผมดีอยู่แล้ว และคุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีกองกำลังนักสู้อยู่ใต้การปกครองของผมเลย ดังนั้นถ้าหากว่าผมไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากคุณ ผมก็เกรงว่ามันอาจจะทำให้กำหนดการการเดินทางเลื่อนออกไปจากเดิม”

“นอกจากนี้ผมกำลังไปทำธุรกิจให้กับทางกรมทหาร ดังนั้นการที่คุณยื่นมือเข้ามาช่วยผมมันก็ไม่ต่างไปจากการช่วยให้ภารกิจของกรมทหารสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“โอเค คุณไม่จำเป็นจะต้องใช้สำบัดสำนวนอีกต่อไปแล้ว ทางเราได้เตรียมกองยานเอาไว้ตามที่คุณร้องขอแล้ว ซึ่งยานที่ใช้ทุกลำไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมทหาร ส่วนลูกเรือทุกคนก็ถูกปิดบังตัวตนเอาไว้เป็นอย่างดี แล้วมันก็ไม่มีทางที่ใครจะสามารถเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับทางกองทัพได้”

“ผู้บัญชาการทหารที่เดินทางร่วมไปกับคุณในครั้งนี้มีชื่อว่าซ่งเฉียน ซึ่งมีผลการศึกษาในโรงเรียนทหารอย่างโดดเด่น เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลของเขาให้กับคุณ ถ้าคุณต้องการจะให้เขาทำอะไรคุณสามารถติดต่อเขาได้โดยตรง” วิลเลียมกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรและในฐานะที่ซ่งเฉียนเป็นผู้บัญชาการทหารที่มีระดับการสั่งการอยู่ในระดับเดียวกับเขา การเคลื่อนไหวของชายชราคนนี้จึงมีส่วนเกี่ยวพันกับการอยู่รอดของกองยานอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งชายหนุ่มก็ทำได้เพียงแต่แอบหวังว่าชายชราคนนี้จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะต้องลงมือถึงแม้ว่ามันจะเป็นการขัดคำสั่งที่มาจากทางกรมทหารก็ตาม

“เอาล่ะในเมื่อคุณได้รับข้อมูลวิจัยจากทางกรมทหารไปแล้ว ตอนนี้คุณพอจะประมาณการได้ไหมว่าระบบเรดาร์แบล็คแบทจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่?” วิลเลียมถาม

“ผมคิดว่าน่าจะเร็ว ๆ นี้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด