ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 23 - ระบบสร้างพลัง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 25 - ไม่ธรรมดา

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 24 - การเปลี่ยนแปลงของเลือด หัวใจ และร่างกาย


ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่าย เซรั่มวิวัฒนาการถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น คือการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นอย่างฉับพลัน โดยมันจะมีผลกระตุ้นหัวใจให้สั่นอย่างแรง ซึ่งจะส่งผลทางตรงต่ออัตราการเต้นของหัวใจอีกต่อหนึ่ง และเมื่อหัวใจเต้นแรงขึ้น อัตราการสูบฉีดโลหิตก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

ในร่างกายของผู้ปลูกถ่าย การไหลเวียนของเลือดจะถูกเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ก่อนที่เลือดสีแดงซึ่งถูกปั้มออกจากหัวใจ จะไหลเวียนออกไปทั่วร่างกาย มันจะผ่านเข้าไปในชิ้นส่วนจีโนม ที่ได้รับมาจากกระบวนการซีโนกราฟก่อน และเลือดที่ออกมาจาก ‘หัวใจดวงที่ 2’ นี้ จะไม่เหมือนกับตอนที่มันเพิ่งไหลเข้าไปแล้ว

เลือดที่ถูกส่งออกมา จะถูกแต่งแต้มด้วยสีดำ จนทำให้เลือดกลายเป็นสีแดงเข้มจัด ถ้านำเลือดที่ไหลออกมาจากหัวใจดวงที่ 2 ไปส่งดูใต้กล้องจุลทรรศน์ จะพบว่าองค์ประกอบของมันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว

และหลังจากนั้น เลือดสีแดงเข้มเหล่านั้น จะถูกไหลเวียนไปตามเส้นเลือด ตามระบบปกติเดิมของร่างกาย เพียงแต่ว่า ไม่ว่ามันจะผ่านไปถึงส่วนใดของร่างกาย มันจะช่วยให้ส่วนนั้นแข็งแกร่งมากขึ้น เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจุดชีพจรต่าง ๆ หลอดเลือด เนื้อเยื่อต่าง ๆ กล้ามเนื้อ กระดูก และแม้แต่เซลล์ขนาดเล็ก ทุกอย่างในร่างกายของผู้ได้รับการปลูกถ่ายจะถูกปรับปรุงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถรองรับแรงดันโลหิตได้มาขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

โดยปกติทั่วไป เลือดของคนธรรมดาจะสามารถไหลเวียนจนทั่วร่างกายได้ 3 รอบ ในเวลา 1 นาที นี่เป็นขีดจำกัดของกล้ามเนื้อหัวใจ และความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์คนหนึ่งจะรับได้ไหวแล้ว

และขีดจำกัดของหัวใจมนุษย์ ที่ไม่ได้มีการช่วยเหลือจากชิ้นส่วนจีโนม หรือมีการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นมาก่อน จะสามารถเต้นเพื่อสูบฉีดเลือดเข้าสู่ระบบได้ประมาณ 3 ครั้ง ใน 1 วินาทีเท่านั้น

แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการปลูกถ่าย ในช่วงแรกที่ร่างกายเพิ่งจะสามารถยอมรับชิ้นส่วนจีโนมได้นั้น หัวใจของพวกเขาจะสามารถสูบฉีดโลหิต เพื่อให้เลือดสามารถหมุนเวียนจนทั่วร่างกายได้ถึง 5 รอบ ในเวลา 1 นาที ทั้ง ๆ ที่หัวใจดวงที่ 2 เพิ่งจะเริ่มทำงาน และส่งผลเปลี่ยนแปลงร่างกายออกมาได้ไม่นานนัก

การเพิ่มจำนวนรอบของการหมุนเวียนโลหิตจนทั่วร่างกาย สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่ต้องทำกิจกรรมที่ให้ร่างกายต้องออกแรงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเท่านั้น แม้แต่การวิ่งธรรมดา ก็สามารถเพิ่มอัตราการหมุนเวียนโลหิตได้ ตราบใดที่วิ่งเร็ว และมากพอที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นได้ นั่นหมายความว่า สไปรเยอร์หน้าใหม่ สามารถทำให้อัตราการหมุนเวียนโลหิตสูงถึง 5 รอบต่อวินาที ซึ่งเกือบจะเป็น 2 เท่าของคนธรรมดาได้ ภายในเวลาไม่ถึงนาที และนั่น ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป โดยไม่ต้องมีการฝึกฝนอะไรเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ว่า หลังจากกระบวนการซีโนกราฟแล้ว พวกเขาต้องได้รับสิ่งกระตุ้นจากภายนอก เพื่อให้ยอมรับชิ้นส่วนแปลกปลอมในร่างกายให้ได้เสียก่อน แม้ว่าจะเป็นด้วยการบังคับร่างกายของตัวเองก็ตาม

ซึ่งทางสถาบันจะจัดการให้เกิดการกระตุ้นนี้ขึ้น เพื่อให้นักเรียน ‘เริ่มต้น’ การเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ รวมถึงเป็นการทดสอบนักเรียนไปด้วยในตัว

และทางสถาบันจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับครูฝึกของวิชาทักษะการต่อสู้ ให้เป็นคนสร้างสิ่งกระตุ้นภายนอกนี้ขึ้นมา ในกรณีของครูฝึกในชั้นเรียนของเดวิด เธอเลือกที่จะใช้ความกลัว มาเป็นตัวกระตุ้นนักเรียนทั้งหมดในชั้นเรียนนี้พร้อมกัน

ในตอนนี้ ครูฝึกเอลล่ากำลังยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ สายตากำลังกวาดมองนักเรียนของตัวเองไปอย่างทั่วถึง ใบหน้าของนักเรียนเกือบทุกคน ปรากฏสีหน้าแห่งความหวาดกลัว และความกังวลขึ้น สายตาของพวกเขากำลังจ้องอยู่ที่ส่วนล่างของร่างกายตัวเอง สลับกับเงยหน้าขึ้นมามองที่ครูฝึก

“เอาล่ะ พวกลูกแมวน้อยทั้งหลาย ฟังทางนี้! การโจมตีของฉันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น พวกเธอตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตา ตั้งแต่ตอนที่จ้องที่ดวงตาของฉันในตอนแรก นับตั้งแต่ตอนนั้น ภาพลวงตาก็เริ่มทำงานของมันแล้ว” เอลล่าเอ่ยปากอธิบายให้เหล่านักเรียนฟัง

ถึงแม้ว่าภาพลวงตาในครั้งนี้จะไม่สมบูรณ์แบบมากนัก เพราะว่าเธอต้องทำให้พวกเขาจ้องเข้ามาในดวงตาของตัวเองด้วยเวลาที่จำกัด แต่เธอก็ยังสามารถดึงความสนใจของนักเรียนใหม่เอาไว้ได้ ด้วยการสร้างฉากที่พวกเขาต้องหันมามองอย่างแน่นอนให้เกิดขึ้น แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ เธอก็ต้องลงแรงไปไม่น้อย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นักเรียนใหม่เล่านี้ เกิดความสงสัยขึ้นในใจได้ ซึ่งมันจะทำให้ภาพลวงตาของเธอนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และมันอาจจะเกิดเป็นข้อด่างพร้อยในชื่อเสียงภายหลังได้

เมื่อกล่าวออกมาอย่างนี้ นั่นหมายถึงว่า การกระโดดขึ้นไปกลางอากาศสูง 15 เมตรนั้นเป็นเรื่องจริง การปล่อยดาบกระดูกสีเงินออกมาจากแขนของตัวเองก็เป็นเรื่องจริง และแม้แต่การที่เธอฟันดาบนั้นเข้าใส่นักเรียนของตัวเองก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

มีเพียงคมดาบอากาศเท่านั้น ที่เป็นภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้นมา เพราะด้วยระดับความสามารถของเธอในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะทำให้อากาศกลายเป็นคมดาบที่มีขนาดใหญ่ และจู่โจมได้ครอบคลุมบริเวณกว้างขนาดนี้

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ นักเรียนทุกคนก็สูดหายใจลึกอย่างโล่งใจ ทุกคนรู้อย่างแน่ชัดแล้ว ว่าพวกเขานั้นยังไม่ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดวิด ผู้ที่ซึ่งเพิ่งจะได้ข้ามมาสู่โลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงแห่งนี้ เขายังเพิ่งจะได้เห็นโลกแห่งนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ได้เห็นอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย ยังไม่ได้ชิมอาหารเลิศรส ยังไม่ได้ขับรถไฮเทคเท่ห์ ๆ เลยสักครั้ง เขานั้นไม่ได้รีบร้อยที่จะจากไปเลย ไม่ใช่ตอนนี้ และถ้าจะให้ดี ไม่ใช่ตลอดไปเลยด้วย!

ถ้าเขาต้องตาย หลังจากที่มาถึงโลกนี้ได้เพียงไม่กี่วัน มันจะน่าเสียใจขนาดไหนกัน?

เขายังคิดบ่นตัวเองอยู่ในใจ ที่ไม่ยอมฆ่าตัวตายตั้งนานแล้ว จะได้มาโลกนี้เร็วขึ้นกว่านี้อีก และในเวลาเดียวกันกับตอนที่เดวิดคิดเรื่องพวกนี้อยู่ สายตาของเขาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยพร้อมกัน

แล้วเขาก็สังเกตได้ว่า ไม่ได้มีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีความรู้สึกกลัวตายเป็นอย่างมาก นักเรียนคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ตัว ก็มีสีหน้าผ่อนคลาย เมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

ในขณะที่นักเรียนที่แข็งแกร่งบางคน แม้ว่าจะโล่งใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ยอมที่จะเผยมันออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย พยายามอดกลั้นเอาไว้ และแสดงออกมาให้เห็นว่า แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นตาย พวกเขาก็ยังไม่หวาดหวั่นอะไรเลย แต่การทำอย่างนั้น ไม่สามารถปิดบังสายตาของครูฝึกเอลล่าได้เลย

ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนคนหนึ่งที่พยายามทำให้สีหน้าของตัวเองเรียบเฉย ยืนกอดอกอยู่อย่างนิ่ง ๆ แต่มือของเขากลับสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะพยายามซ่อนมันเอาไว้ด้วยการนำมือไปกอดไว้ที่อกของตัวเองแล้ว แต่มันก็ยังเด่นชัดอยู่ไม่น้อย

ยังมีอีกหลายคน ที่พยายามจะปกปิดความกลัวของตัวเองด้วยการขยับเท้าไปมา ใช้การเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนคลายอาการหวาดกลัวให้ลดลง นักเรียนที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ จะเลือกใช้วิธีนี้กัน

และหลังจากที่เดวิดตั้งสติได้ดีพอแล้ว ก็เริ่มคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ตัวเองทำในตอนก่อนหน้านี้ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้มาก่อนในชีวิตนี้เลย ดวงตาของเขาค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ตามความทรงจำที่เริ่มเด่นชัดขึ้น การกระโดดถอยหลัง เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนก็ทำได้ แต่ความคล่องแคล่วที่เขาแสดงออกมาหลังจากนั้นล่ะ?

การบิดตัวอย่างแรง เหมือนกับว่าตัวเองมีร่างกายเป็นยาง การสปริงตัวกลับมาอย่างกะทันหัน และสามารถกระโดดได้ทั้งไกล และรวดเร็ว นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด