ตอนที่แล้วMartial Peak ตอนที่ 2176 ดอกบัวมหาสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMartial Peak ตอนที่ 2178 วิชาปราณลับสมานกำลังสูงสุด

Martial Peak ตอนที่ 2177 วิชาจักจั่นลอกคราบ


เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนนี้อยู่ใกล้มากและมาที่นี่เพราะปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติจากการถือกำเนิดของดอกบัวมหาสมบัติ

หนึ่งในนั้นมีร่างกายกำยำพร้อมสีหน้าที่ดูเย็นชาและเฉยเมย เขาเป็นจอมยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม ชายอีกคนมีผมสั้นและแววตาดุจหัวขโมยราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ตลอด ระดับยุทธของเขาไม่สูงไม่ต่ำเกินไปและอยู่เขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สอง สองคนสุดท้ายเป็นคู่ชายหญิง ฝ่ายหญิงดูตัวเล็กและบอบบางในขณะที่ฝ่ายชายดูอ่อนโยน เมื่อมองแวบแรกจะเห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่และศิษย์น้องหญิงคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก ทั้งคู่เป็นจอมยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สองเท่ากัน

ในตอนนี้เอง ทั้งสี่แสดงท่าทางประหลาดใจขณะจ้องมองไปยังดอกบัวมหาสมบัติ ความโลภผุดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในแววตา

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หยางไคจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา

เขารู้ว่าปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดชที่เกิดขึ้นจากดอกบัวมหาสมบัตินี้ย่อมดึงดูดจอมยุทธมามากมายอย่างแน่นอน แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาถึงเร็วขนาดนี้

แถมยังมาทีเดียวถึงสี่คน…

ดูเหมือนว่าจะมีผู้ฝึกยุทธจำนวนเล็กน้อยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หาไม่แล้ว พวงเขาคงไม่มาถึงได้เร็วขนาดนี้

“ศิษย์พี่เหอ… นั่นคือสมุนไพรอะไรกัน?” หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวจึงหันไปถามชายที่อยู่ข้างๆเพราะนางไม่รู้จักดอกไม้วิญญาณประหลาดอันนี้ รู้แต่เพียงว่ามันคงหายากและล้ำค่ามากเท่านั้น

ศิษย์พี่เหอได้ยินคำถามของนาง แต่เขาก็ต้องส่ายหน้าช้าๆ “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

ขณะพูด เขาได้เลียริมฝีปากแห้งๆอย่างไม่รู้ตัวพร้อมสีหน้าที่ดูเหมือนว่าอยากจะกระโจนเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับไปไหน น่าจะเป็นเพราะรู้สึกหวั่นๆชายร่างกำยำนั่น นี่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะชายร่างกำยำมีระดับยุทธสูงสุดในนี้ เขาจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการแย่งชิงดอกไม้วิญญาณดอกนี้

“พี่เฉิงไท่ ท่านรู้จักดอกไม้วิญญาณนี้รึไม่?” ในขณะนั้น ชายหนุ่มสายตาเจ้าเล่ห์ก็ถามชายร่างกำยำ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รู้จักกันดี

“ข้าไม่รู้” ชายที่มีนามว่าเฉิงไท่ตอบห้วนๆขณะเหลือบมองชายหนุ่มที่ดูเหมือนหัวขโมย “แม้แต่พี่เปาเองก็ไม่รู้จักรึ?”

ขอกำลังใจจากเจ้าสักนิด ช่วยแวะไปที่ mynovel.co ขอรับ

เปาเผิงยิ้มและตอบกลับ “เปาคนนี้จะไปรู้จักสิ่งที่พี่เฉิงไท่ไม่รู้จักได้อย่างไร? ท่านประเมิณข้าสูงเกินไปแล้ว”

“หึ” เฉิงไท่แค่นเสียงเย็นชาก่อนจะหันไปหาคู่ชายหญิงและถามออกมาเสียงดัง “พวกเจ้าทั้งสองที่มาจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งนั่นน่ะ รู้จักสิ่งนี้รึไม่?”

ศิษย์พี่เหอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามและส่ายหน้าช้าๆ ศิษย์น้องของเขาก็ทำเช่นเดียวกัน

เฉิงไท่หันไปมองหยางไคเป็นคนสุดท้ายแล้วตะโกนออกไป “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่ก่อน ดอกไม้วิญญาณนี้คืออะไรกันแน่? รีบบอกมาซะ”

“ข้า…ข้าไม่รู้” หยางไคพูดตะกุกตะกักและแสร้งทำหน้างุนงงขณะอธิบายเสริม “ข้าแค่ถูกปรากฏการณ์ที่มันสร้างขึ้นดึงดูดเข้ามา…”

“ไร้ประโยชน์!” เฉิงไท่อดไม่ได้ที่จะสบถก่อนหยางไคจะพูดจบเสียอีก “พวกเจ้าไม่รู้จักมันเลยแต่ยังกล้ารีบมาที่นี่อีกรึ?!”

แค่ประโยคเดียวก็จาบจ้วงทุกคนที่นี่ได้พร้อมกัน

ศิษย์พี่เหอแห่งสำนักกระบี่หลิวหยิ่งและหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ขณะที่เปาเผิงผู้คุ้นเคยกับอารมณ์ร้อนของเฉิงไท่นั้นดูไม่แยแสคำพูดเท่าไหร่

เฉิงไท่ตะโกนต่อไปอีก “ไม่ว่าดอกไม้วิญญาณนี้คืออะไร เฉิงคนนี้ต้องการมัน หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็รีบไสหัวไปซะ มิเช่นนั้นอย่าได้โทษว่าเฉิงคนนี้โหดเหี้ยม!”

เปาเผิงได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงคิ้วกระตุกแต่เขาก็ยังพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่เฉิง เรื่องนี้… มันเหมาะสมแล้วรึ?”

“รึว่าเจ้ามีข้อโต้แย้ง?” เฉิงไท่มองไปที่เปาเผิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและแค่นเสียงเย็นชา “หากเจ้ามีข้อโต้แย้งก็พูดออกมาและรอรับผลที่ตามมาด้วย!”

เปาเฉิงรีบยกมือขึ้นและหลังจากถอยหลังไปสองสามก้าว เขาก็พูดต่อ “พี่เฉิงไท่อย่าได้เข้าใจผิดไป หากท่านต้องการสิ่งนี้จริงๆ เปาคนนี้จะคัดค้านได้อย่างไร? แต่ทั้งสองท่านจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งอาจไม่เห็นด้วยนัก ใช่รึไม่? เมื่อดอกไม้วิญญาณหายากปรากฏขึ้น ท้ายสุดแล้ว ผู้ที่ชิงมันไปได้ก็จะถือว่าเป็นเจ้าของ…”

ได้ยินแบบนั้นแล้วศิษย์พี่เหอจึงพยักหน้า “ใช่แล้ว สมบัติย่อมเป็นของผู้ที่เก็บได้ หากสหายต้องการมัน สหายก็ต้องใช้ความสามารถเพื่อชิงมันไป!”

แม้เฉิงไท่จะเป็นจอมยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม แต่ศิษย์พี่เหอนั้นมีศิษย์น้องหญิงอยู่เคียงข้าง ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอีกฝ่ายมากนัก ยิ่งกว่านั้น สมบัติหายากปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้วเขาจะยอมแพ้โดยที่ไม่พยายามทำอะไรเลยได้อย่างไร?

“พวกเจ้าทั้งสองคิดจะต่อต้านข้ารึ?” เฉิงไท่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มชั่วร้าย “ข้าได้ยินมาว่าเพลงกระบี่ของสำนักกระบี่หลิวหยิ่งนั้นงดงามและคาดเดาไม่ได้ สงสัยเหลือเกินว่าจริงแค่ไหน… ดี วันนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะ เฉิงคนนี้คงต้องขอให้พวกเจ้าทั้งสองสาธิตให้ดูหน่อย”

พอสิ้นเสียง ปราณต้นกำเนิดของเฉิงไท่ก็พุ่งสูงขึ้นขณะที่ร่างซึ่งดูกำยำอยู่แล้วก็ยิ่งแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้แรงกดดันแผ่ออกมาในทันที

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ เขาก็ร้องออกมา “เจ้าทั้งสองอย่าทำให้เฉิงคนนี้ผิดหวังเสียล่ะ!”

เฉิงไท่ถีบพื้นและพุ่งตัวออกไปหาคู่หญิงจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งราวกับดาวตก

เขาต้องการโจมตีตรงๆ!

"ระวังตัวด้วย!" ศิษย์พี่เหอตะโกนขณะที่ร่างเริ่มสั่นไหวและถอยหลังกลับไปหลายสิบจั้งพร้อมกับศิษย์น้องหญิง

*ชิ้ง* *ชิ้ง*

เสียงโลหะสองชิ้นดังขึ้นขณะที่แสงกระบี่ลอดผ่านออกมา

เมื่อกระบี่ถูกชักออก จิตสังหารก็พวยพุ่งไปในอากาศ

---------------

สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel

---------------

ทั้งศิษย์พี่เหอและศิษย์น้องหญิงถือกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างนั้นทำเป็นรูปผนึก พอตั้งท่าแปลกๆเสร็จแล้ว ปราณกระบี่จึงเริ่มพวยพุ่งออกมา

“จะดูถูกคนอื่นก็ควรมีขอบเขตบ้าง!” ศิษย์พี่เหอร้องบอก การโจมตีแบบไม่บอกกล่าวของเฉิงไท่ทำให้ศิษย์พี่เหอโกรธมาก ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารขณะร้องบอกหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “ศิษย์น้องหญิง เริ่มกันได้เลย ไม่ต้องปราณี!”

“วางใจเถอะ ศิษย์น้องหญิงคนนี้จะให้เขาได้ลิ้มลองเพลงกระบี่หลิวหยิ่งของเรา!” หญิงสาวร้องตอบเมื่อนางสะบัดกระบี่และปลดปล่อยแสงดาบอันเจิดจ้าเข้าใส่เฉิงไท่

ในขณะเดียวกัน ศิษย์พี่เหอก็ใช้กระบวนท่าคล้ายกันเพื่อโจมตีประสานเข้ากับศิษย์น้องหญิง

เฉิงไท่เป็นยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม แม้ต้องเผชิญกับการโจมตีประสานครั้งนี้ เขาก็ยังไม่ถอยกลับง่ายๆ เขาส่งชุดฝ่ามือออกไปและทำให้พลังฟ้าดินรอบๆเกิดความปั่นป่วนขณะเข้าสู้แบบสองต่อหนึ่งโดยไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสามติดพันอยู่กับการต่อสู้ในชั่วพริบตา ปราณกระบี่และรอยฝ่ามือซัดหินดินทรายที่อยู่รอบๆยอดเขาจนป่นปี้หมด

ในขณะเดียวกัน เปาเผิงผู้เป็นคนเริ่มเรื่องกลับยืนเงียบและเฝ้ามองโดยไม่คิดจะแทรกแซง เขาแสดงท่าทางครุ่นคิดเป็นครั้งคราวราวกับได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการต่อสู้ครั้งนี้ไปด้วย

“เห้อ…” ทันใดนั้นหยางไคก็ถอนหายใจขณะหันไปมองทิศทางหนึ่ง “ดอกไม้วิญญาณยังโตไม่เต็มที่ หากเก็บเกี่ยวไปตอนนี้… อาจเป็นความคิดที่ไม่ดีนักเพราะจะทำให้มันเสียหายได้…”

เป็นเรื่องแปลกเพราะจุดที่เขามองไปนั้นไม่มีผู้ใดอยู่เลย

ทั้งสามที่กำลังต่อสู้กันอยู่ได้ยินหยางไคพูดก็ตกใจพร้อมกัน พวกเขารีบถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็วและหันมามองหยางไคด้วยความสงสัย

เฉิงไท่เหลือบมองไปที่เปาเผิงและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ข้าก็บอกไปแล้วว่าจะผลีผลามเก็บมันขึ้นมาไม่ได้… สหายคนนี้ไม่เข้าใจงั้นรึ?” หยางไคตะโกนสุดเสียงขณะที่เขาปล่อยหมัดออกไป

เมื่อแรงกดดันจากหมัดของหยางไคพุ่งออกไป ร่างๆหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าพร้อมสีหน้าตื่นตกใจ ตอนนี้ร่างดังกล่าวอยู่ห่างจากดอกบัวมหาสมบัติเพียงสิบก้าวเท่านั้น จากทั้งท่าทางและตำแหน่ง เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามจะขโมยมันในระหว่างที่คนอื่นๆไม่ทันสนใจ

“เปาเผิง!” หลังจากเห็นใบหน้าของร่างลึกลับ เฉิงไท่ก็อดตะคอกขึ้นมาไม่ได้

ทันใดนั้นเอง เปาเผิงอีกคนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ก็กลายเป็นแสงระยิบระยับและสลายหายไป!

มันเป็นเพียงภาพติดตาที่เหมือนจริงมาก…

เห็นได้ชัดว่าเปาเผิงตัวจริงใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อแอบเข้าใกล้ดอกบัวมหาสมบัติอย่างลับๆ

“นี่เจ้า…” เปาเผิงถูกหมัดของหยางไคเปิดโปงจนแผนพังไม่เป็นท่า เขาจึงโมโหจัดและตะโกนอย่างโกรธแค้น “ไอ้หนู เจ้าช่างรนหาที่นัก!”

ตามความคิดของเขา หากไม่ใช่เพราะหยางไคเข้ามาขวาง เขาคงคว้าดอกไม้วิญญาณประหลาดและหนีออกไปได้แล้ว

เขาทั้งหงุดหงิดและโกรธจัด!

“ขออภัยด้วย…” หยางไคเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ “หากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากเปิดเผยแผนการนี้เท่าไหร่ แต่พฤติกรรมของท่าน… มันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน!”

คนอื่นๆอาจมองว่านี่เป็นการดูหมิ่น แต่หยางไคไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย เขาเพียงรู้สึกโกรธที่เปาเผิงกำลังจะทำลายดอกบัวมหาสมบัติ

ดอกบัวมหาสมบัติยังโตไม่เต็มที่ แล้วหยางไคจะปล่อยให้มันถูกเก็บเกี่ยวไปก่อนได้อย่างไร? เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้และอ่อนแอโดยหวังจะซื้อเวลาเพิ่ม แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนนี้จะไม่ได้ผลเสียแล้ว

"เป็นเช่นนั้นจริงๆ!" เฉิงไท่ตะโกนเสียงดัง “ข้าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายปีนะเปาเผิง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไร้ยางอายเหมือนเช่นเคย! แม้เฉิงคนนี้จะระมัดระวังตัวตลอดแต่ก็ยังเกือบถูกเจ้าหลอกเสียแล้ว!”

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะต่อสู้กับคู่ชายหญิงจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่ง แต่เฉิงไท่ก็ไม่ได้ทุ่มสุดตัวและแบ่งสมาธิเพื่อจับตาดูเปาเผิงเอาไว้ ทว่าจากมุมมองของเฉิงไท่นั้น เปาเผิงแค่ยืนดูอยู่เฉยๆ ดังนั้นเขาจึงกลับมาสนใจเรื่องการต่อสู้ให้มากขึ้นแทน

เฉิงไท่ไม่คาดคิดเลยว่าเปาเผิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเป็นเพียงภาพลวงตา!

ใบหน้าของศิษย์ทั้งสองจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งในขณะนี้นั้นแลดูไม่สู้ดีนัก แต่พวกเขารู้สึกสงสัยหน่อยๆเพราะไม่มีใครมองวิชาของเปาเผิงออกเลย เว้นก็แต่หยางไค…

หากสัมผัสไม่ได้ว่าระดับยุทธของหยางไคนั้นคือเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่ง พวกเขาคงคิดว่าอีกฝ่ายปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่นอน

“พี่เฉิง ใจเย็นก่อน…” เปาเผิงยังส่งสายตาประจบสอพลอไปทางเฉิงไท่ “ใช่ว่าข้าทำสำเร็จซะเมื่อไหร่…”

“นั่นคงเป็นเพราะเจ้าโชคไม่ดีเท่านั้น!” เฉิงไท่แค่นเสียงเย็นชา “หากโชคดีพอ เจ้าคงหนีไปพร้อมกับดอกไม้วิญญาณนั่นแล้วไม่ใช่รึ?”

“มันไม่เกี่ยวกับโชค…” เปาเผิงจ้องมองหยางไคอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิ่งที่เปาคนนี้เพิ่งแสดงออกไปคือวิชาจักจั่นลอกคราบของสำนักหวู่ยุ่น เป็นผลงานชิ้นเอกอันไร้ที่ติ มันคือวิชาลับชั้นยอดที่เอาไว้หนีเอาตัวรอดและหลบหลีกโดยไม่ให้ใครตรวจจับได้…”

“เป็นวิชาลับจักจั่นลอกคราบนี่เอง!” เฉิงไท่พึมพำ เห็นได้ชัดเขาว่าคุ้นเคยกับวิชาลับดังกล่าว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เขาแสดงความคิดเห็น “นึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักฉินจะยอมสอนวิชาลับนี้กับเจ้าด้วย!”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ” เปาเผิงจ้องไปที่หยางไคขณะพูดต่อ “เปาคนนี้กังวลเรื่องที่ไอ้ขยะเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่งมองมันออกซะมากกว่า…”

---------------

อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation

ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด