ตอนที่แล้วตอนที่ 1190 นี่.. คุณก็ชอบดูฟุตบอลเหมือนกันเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1192 บอกผมมาทีว่าทําไมคุณถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ล่ะ?

ตอนที่ 1191 ลําบากทุกคนแล้ว..


ในเกมการแข่งขันอุ่นเครื่องทั้งสามเกม ทีมหยุนเฉิง ก็ชนะมาได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับ ทีมรุ่นเก๋าอย่างทีมเจียงซู ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูงใน ไชน่า ซุปเปอร์ลีก แต่ ทีมหยุนเฉิง ก็ยังคงเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความได้เปรียบอยู่สองประตู

3 ต่อ 1!

พอกลายมาเป็นเช่นนี้.. เรื่องนี้มันเลยถูกลิขิตให้เป็นตำนานที่ผู้คนจะต้องพูดถึง

ในคืนที่ ทีมหยุนเฉิง ชนะ โลกอินเทอร์เน็ตก็แทบจะระเบิด

“ให้ตาย.. ทีมหยุนเฉิง เอาชนะทีมเจียงซู ได้จริงๆ… เดี๋ยวก่อนนะนี่มันเกิดขึ้นจริง ..หรือฉันกำลังฝันอยู่!”

“ใช่.. ฉันเองก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน แต่ว่า… นี่มันคือเรื่องจริงโว้ย!”

“ทีมหยุนเฉิง มีความสามารถนี้จริงๆ ฉันไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว!”

“แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทําไม แต่ตอนนี้ ทีมหยุนเฉิง ก็ได้เกิดใหม่แล้วจริงๆ!”

“หลี่ อี้, เจิ้ง จื้อ และซุน จี้ไห่ ผู้เล่นอายุน้อยเหล่านี้.. ยอดเยี่ยมมาก และฉันก็เห็นมันในตัวพวกเขา ...ความหวังของ ทีมฟุตบอลชาติ!”

“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเป็นแฟนคลับไร้สมองของพวกเขา!”

“ไม่.. ไม่ไม่ ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะเป็นแฟนคลับไร้สมองของ ทีมหยุนเฉิง ส่วนคนอื่นๆ ก็เร่งรีบตามฉันมา!”

ชาวเน็ตนับไม่ถ้วน ต่างแสดงความคลั่งไคล้ พร้อมแสดงอารมณ์ตื่นเต้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ด้วยชัยชนะในเกมอุ่นเครื่องทั้ง 3 นัด ทีมหยุนเฉิง ได้อาศัยความแข็งแกร่ง และด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของเหล่าผู้เล่นในสนาม ลบล้างชื่อเสียงของทีมขยะไปได้ในชั่วข้ามคืน ทั้งยังดึงดูดแฟนคลับนับไม่ถ้วนให้เข้ามาได้

แฟนๆ บางคนได้นึกจำการเยาะเย้ยทีมหยุนเฉิง ของ ลู่ตง ในตอนนั้นได้ และต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาใน เวยป๋อ ของ ลู่ตง และพากันเยาะเย้ย แซวอีกฝ่ายอย่างสนุก

“หลานชายตง.. หน้าเจ้าบวมแล้ว!”

“นี่ยังคิดว่า ทีมหยุนเฉิง ..อาศัยโชคอยู่อีกหรือ?”

“พี่ตง.. หายไปไหน รีบๆ ออกมาขายหน้าหน่อยเร็ว…”

เมื่อเห็นคอมเมนต์เหล่านี้ ลู่ตง กลับโพสต์ลงไปใน เว่ยป๋อ ในเวลาต่อมาว่า : “ฮ่าฮ่า.. ทีมหยุนเฉิง มีแฟนคลับที่พิการทางสมองเยอะขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ต้องมาคอมเมนต์ฉัน ฉันยังคงเป็นประโยคเดิม วันที่โชคจะหมดไปมันยังมีอยู่เสมอ ยังไงก็รอดูกันต่อไป!”

ดูเหมือนว่า ลู่ตง ได้ตั้งใจจะแบกหน้ารับจนถึงที่สุด

เวยป๋อ ของเขาไม่น่าแปลกใจที่ถูกชาวเน็ตเขามาเยาะเย้ยอย่างกว้างขวาง… และมันเป็นไปได้ยังไงที่เขามีเวลานี้อยู่ เขาที่ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้วิจารณ์ฟุตบอลที่มีอำนาจ แต่ดูความคิดเห็นเหล่านี้สิ.. เขาดูเหมือนจะกลายเป็นตัวตลก

อย่างไรก็ตาม.. เรื่องที่ ลู่ตง ถูกตระกูลเว่ย ซื้อตัวนั้น ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย ตอนนี้ ลู่ตง ก็แค่ถูกเยาะเย้ยเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเสียชื่อเสียง ดังนั้น ลู่ตง จึงยังคงกล้ากระโดดออกมา

ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็เป็นไปอย่างคึกคักมาก แต่แล้วในครั้งล่าสุด ..ทุกคนก็ได้ถูก หลินฟาน พิชิตอีกครั้ง

“คุณหลิน เขาเป็นคนศักดิ์สิทธิ์แบบไหนอะไรกันแน่ เขารับช่วงต่อ ทีมหยุนเฉิง แต่ในช่วงเวลาอันสั้นขนาดนี้ เขาก็กลับทําให้ ทีมหยุนเฉิง เกิดใหม่ขึ้นมาได้!”

“อนาคตของ ทีมหยุนเฉิง สามารถคาดหวังได้ และมูลค่าของทีมนี้จะเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืน ในฐานะนักลงทุน ฉันยอมรับว่าฉัน ..อิจฉา แล้ว!”

“คุณหลิน หาผู้เล่นที่โดดเด่น และยอดเยี่ยมเหล่านี้ มาจากไหนกัน ฉันอยากจะรู้จริง!”

“อย่าว่าแต่คุณ.. ฉันเองก็อยากรู้ แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่กล้าสงสัยวิสัยทัศน์การลงทุนของ คุณหลิน อีกแล้ว…”

“การเปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติ มันคืออะไร.. และนี่แหละมันคือการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นสมบัติได้อย่างแท้จริง!”

“คุณหลิน นับได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง จริงๆ!”

การกล่าวยกย่อง หลินฟาน และการมองโลกในแง่ดีต่อ ทีมหยุนเฉิง ได้เริ่มกลายมาเป็นเสียงกระแสหลักในชั่วขณะหนึ่ง

ผลตอบรับที่ดีแบบนี้ ..ก็ยังปรากฏให้เห็นในตลาดหุ้น ในช่วงของวันที่สองเช่นกัน ราคาหุ้นของ หยงจิ่ว กรุ๊ป เมื่อเปิดตลาดก็ได้เพิ่มเกินขีดจำกัด มีขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ้าง

สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ..มีความสุข

ติดตาม คุณหลิน ย่อมมีเนื้อให้กิน จนคำนี้แทบจะกลายเป็นคำติดปากของเหล่านักลงทุน… ไปแล้ว

เมื่อมองทั้งหมดนี้ ดวงตาของ พ่อลูก ตระกูลเว่ย ก็กลับกลายเป็นดําคล้ำ และพวกเขาก็แทบจะมีอาหารหัวใจวาย ตาย…

“หลินฟาน ..ตัวน้อย ไอ้… หลินฟาน ตัวน้อย ไอ้เด็กหลินฟานตัวน้อยบัดซบนี่!” เว่ย เทียนเฉิง ได้ตบโต๊ะ และตะโกนออกมาสามครั้งติดต่อกัน

เขารู้สึกไม่เต็มใจ เขาพยายามทำให้ไอ้เด็กน้อย หลินฟาน มันสะดุด มาครั้งแล้วครั้งเล่า.. แต่ทั้งหมดก็กลับจบลงไปด้วยความล้มเหลว การทุ่มเทพยายามของเขา มันกลับไร้ซึ่งประโยชน์ หลินฟาน.. มันกลับแก้ไขสลายแผนการของเขา.. โดยที่มันมองไม่เห็น โดยที่มันไม่รู้ตัวได้ แบบนี้.. มันก็มีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่มั่วยุ่งจนเหมือนตัวตลก!

แต่สำหรับ… หลินฟาน แล้ว เขาถึงกับอยากที่จะขอบคุณพวกเขา เพราะในก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ได้ช่วย ทีมหยุนเฉิง ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบย้อนกลับ ทําให้ ทีมหยุนเฉิง ได้รับความสนใจอย่างมาก

จากนั้น ทีมหยุนเฉิง ก็ได้อาศัยความแข็งแกร่ง ในการพลิกผู้ชมเหล่านี้ที่อยากดูเรื่องตลก ให้กลายมาเป็นแฟนบอลของทีม ..หยุนเฉิง

ยิ่งทุกครั้งที่ พ่อลูก ตระกูลเว่ย ขุดคุ้ย ผลลัพธ์ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นความช่วยเหลือเขามากขึ้น สิ่งนี้.. เว่ย เทียนเฉิง จะไม่โกรธ และไม่รู้สึกหดหู่ใจได้หรือ!

“พ่อครับ ดูเหมือนว่า จิน จิ่วฟู่ จะพูดถูก ทีมหยุนเฉิง มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจริงๆ มิฉะนั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถเอาชนะทีมเจียงซู ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เลาจิน ก็เคยเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และเขาก็ย่อมต้องมีสายตาที่เฉียบคม! กุญแจสําคัญในการทําให้ ทีมหยุนเฉิง แข็งแกร่งขึ้นได้ ก็คือ อู๋ ต๋า เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้เล่น หรือในฐานะโค้ช!” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้พูดวิเคราะห์

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “แกมันกำลังหมายความว่า… ถ้าไม่มี อู๋ ต๋า ก็ไม่มี ทีมหยุนเฉิง ในปัจจุบันงั้นเหรอ?”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ใช่ครับ มันเป็นที่ทราบกันดีว่า หลินฟาน ตัวน้อยนี่มัน ..ไม่เข้าใจฟุตบอล อย่างมากเขาก็รู้จักแค่เรื่องใช้คนก็เท่านั้น ผมเองก็ได้ให้ จิน จิ่วฟู่ ตรวจสอบแล้ว ผู้เล่นหลายคนที่ได้รับความนิยมในทีมหยุนเฉิง เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่ว่า หลี่ อี้, เจิ้ง จื้อ และซุน จี้ไห่ ทุกคนถูกค้นพบโดย อู๋ ต๋า ผู้ชายคนนี้ได้ทําเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้ว่าจะยากจน แต่ก็ต้องบอกว่าเพราะเหตุนี้จึงทําให้เขาเป็น…. ไอไอ คือก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนไร้ประโยชน์มาก่อน แล้วนับตั้งแต่ หลินฟาน เริ่มใช้งาน อู๋ ต๋า ผู้เล่นเหล่านี้ ก็ได้ถูกคัดเลือกมาโดย อู๋ ต๋า และเข้าสู่ทีมหยุนเฉิงครับ”

เว่ย เทียนเฉิง ได้ใจเย็นลงแล้ว และเขาได้กล่าวว่า : “หากแกพูดแบบนี้แล้ว งั้น.. ถ้าเราอยากทําให้ ทีมหยุนเฉิง อ่อนแอลง ก็ต้องเริ่มจาก อู๋ ต๋า และผู้เล่นเหล่านี้…”

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า : “ผมได้ให้ จิน จิ่วฟู่ ไปทําแล้วครับ ตอนนี้ จิน จิ่วฟู่ อยู่บนเรือลําเดียวกันกับเรา เขากับ อู๋ ต๋า เป็นศัตรูกัน และเขาก็ไม่ต้องการเห็น อู๋ ต๋า มีความสุข ตราบใดที่เราสามารถเอาผู้เล่นคนหนึ่งของพวกเขาออกไปได้ ทีมหยุนเฉิง ก็จะต้องวุ่นวาย!”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “ในส่วนของ อู๋ ต๋า ล่ะ ..ฉันไม่ต้องการอยากเห็นเขาสอนอยู่ในทีมหยุนเฉิง อีกต่อไป!”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ถ้าในเรื่องของ อู๋ ต๋า ผมเองกําลังหาโอกาสอยู่ อู๋ ต๋า ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของ ทีมหยุนเฉิง ถ้าเขาหายตัวไป ทีมหยุนเฉิง จะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน!”

มีแสงแห่งความชั่วร้ายวาววับออกมาจากดวงตาของ เว่ย เทียนเฉิง : “...งั้นก็ทำให้เขาหายๆ ไปซะ!”

สโมสรฟุตบอลหยุนเฉิง…

หลังจากเอาชนะทีมเจียงซู มาได้แล้ว ทีมหยุนเฉิง ก็ได้นั่งเครื่องบินกลับมาที่สโมสร

ทันทีที่พวกเขากลับมาถึง.. ก็พบว่าสโมสรได้ดูเปลี่ยนไป และบรรยากาศก็เป็นไปอย่างรื่นเริง และมัน.. ก็กลายเป็นการต้อนรับพวกเขา ทั้งมันยังเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของพวกเขา

และนี่ก็ยังเป็นความคิดของ หลินฟาน หลินฟาน ก็ยังคงมาด้วยตัวเอง

“ลําบากทุกคนแล้ว..” หลินฟาน ได้ยิ้มทักทายทุกคนอย่างสนิทสนม

สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้เล่นรู้สึกปลื้มใจมาก เจ้านายของพวกเขาอบอุ่นเกินไปแล้ว

หลินฟาน กล่าวว่า : “วันนี้จะให้ทุกคนหยุดหนึ่งวัน ทุกคนสามารถไปพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางสโมสรจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง พอพวกคุณกลับมาขอเงินคืนกลับไปได้เลย และนอกจากนี้ ตามนโยบายรางวัลที่กําหนดไว้ก่อนหน้านี้ พวกคุณได้ชนะสามเกมติดต่อกัน โบนัสจะถูกส่งมอบให้กับพวกคุณก่อนในวันพรุ่งนี้ หวังว่าทุกคนจะทํางานหนักมากขึ้น และเดินหน้าต่อไปในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ!”

ผู้เล่นแต่ละคนตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดลอยบินขึ้นไปบนฟ้า และสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นขนาดนี้ได้ มันจะไปมีอะไรมากกว่าการได้รับเงิน!

“เจ้านายจงเจริญ!”

“ผมขอคุกเข่าให้กับเจ้านาย!”

“เจ้านาย ผมจะพยายามทําประตูให้ได้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเลยครับ!” **(บอกตามตรงขำไปจริงๆ)

ทุกคนในตอนนี้ได้พากันคุกเข่าลง

อู๋ ต๋า เขาก็ได้หลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติอยู่ข้างๆ เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว และในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงความฝันของเขา เขาได้ผลิต และนำพาทีมที่มีคุณภาพออกมา และเขาก็สามารถทำตามความคาดหวังของ หลินฟาน ได้!

เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อ หลินฟาน และถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของ เจ้านาย.. คนนี้ เขาเองก็คงไม่มีวันนี้ ไม่ได้มายืนอยู่ในจุดนี้ …ในชีวิต

ขณะนี้เองก็ได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง เดินเข้ามาหา อู๋ ต๋า แล้วพูดว่า : “ลุงต๋า มีชายหนุ่มคนหนึ่ง อยู่ข้างนอก เขาได้ร้องไห้ และได้พยายามอ้อนวอนขอจะพบคุณ ฉันเองก็ได้บอกให้เข้ากลับไป แต่เขาก็บอกว่าหากไม่ได้เจอคุณ เขาก็จะยืนอยู่ตรงนั้นไปตลอด”

อู๋ ต๋า ได้ถามว่า : “แล้วคุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พูดว่า : “เขาบอกว่าเขาชื่อ หวู่ เหลย”

พอ อู๋ ต๋า ได้ยินชื่นนี้ เขาก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที เขาได้เดินเข้าไปหา หลินฟาน แล้วพูดว่า : “เจ้านาย จําได้ไหมว่า ..ฉันเคยบอกคุณว่ามีเด็กอัจฉริยะคนหนึ่ง?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณกำลังหมายถึง หวู่ เหลย ที่ทางบ้านเขานั้นไม่ยอมให้เขามา?”

อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “อืม.. ใช่แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด