ตอนที่แล้วตอนที่ 19 : ท้ายที่สุด ก็ประเมินจิตใจคนในวันสิ้นโลก ต่ำเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 : เตรียมตัว

ตอนที่ 20 : สร้างปิศาจด้วยมือตัวเอง  


ตอนที่ 20 : สร้างปิศาจด้วยมือตัวเอง

เพี๊ยะ !

เสียงฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเทียนดังลั่นบ้าน

ลุงหนานตัวสั่นและชี้หน้าเสี่ยวเทียนด้วยความโกรธ “ฉันมีลูกเลว ๆ แบบแกได้ยังไง ?”

เสี่ยวเทียนก้มหน้าพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก

“พ่อ ! พ่อยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้อีกหรือ ? หากเราอยากจะอยู่รอด เราต้องพึ่งตัวเอง !”

“แก...” ลุงหนานกุมอกพร้อมกับนั่งลงไปที่เตียง

“พ่อ ผมห่วงชีวิตของเราสองคน อย่าด่าผมเลย” เสี่ยวเทียนไม่กล้าจะมองเข้าไปในดวงตาของลุงหนาน เขากัดฟันแน่น แล้วเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง

….

10 ชั่วโมงต่อมา

หน้าประตูบริษัทยาเทียนหรุน

เสี่ยวเทียนที่อยู่ในเสื้อกันหนาว ได้บอกกับยามด้านนอกว่า “ฉันอยากเจอหัวหน้าของนาย ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา !”

ยามมองไปที่เสี่ยวเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่เกิดหายนะขึ้นมา มีคนมากมายที่คิดจะพยายามเข้าไปในตึกเพื่อขอความช่วยเหลือ

ซึ่งเขาเคยเห็นคนแบบนี้มาเยอะ ดังนั้นเขาจึงพูดไล่ออกไป “แกเนี่ยนะจะมาคุยกับหัวหน้าของฉัน ? ออกไปจากที่นี่ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้ !”

“15 ชั่วโมงก่อนฉันกินผลไม้มีพิษเข้าไป   อาการแย่จนถูกส่งกลับไปตายที่บ้าน โรงพยาบาลรายงานอาการของฉันแล้ว หากไม่เชื่อแกก็ไปตรวจสอบได้เลย” เสี่ยวเทียนพูดออกมา

“แต่ตอนนี้ฉันกลับยืนตรงหน้าแกได้ แกคงรู้แล้วสินะว่าฉันความหมายว่ายังไง ?”

เมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวนี้ ยามก็ตัวแข็งทื่อไป

“ฉันคือคนแรกที่รอดจากอาหารเป็นพิษ” เสี่ยวเทียนจับคอเสื้อของยามและพูดขึ้นทีละคำ

“ตอนนี้ฉันมีสิทธิ์จะไปพบหัวหน้าของแกหรือยัง ?”

ยามเบิกตากว้าง ถ้านี่เป็นความจริง เขาคงไม่อาจจะแบกรับความรับผิดชอบเรื่องนี้ไหว

“ถ้าแกกล้าหลอกฉัน แกก็รู้ไว้เลยว่า แกจะได้นอนกองตรงนี้แน่ !” ยามเตือนเสี่ยวเทียนขึ้นมา ก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อน

“แกดูแลที่นี่ก่อน ฉันจะพาเขาไปหาคุณเหลียง !”

จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในตึก

ส่วนยามอีกคนก็คอยดูแลหน้าตึกแทน

5 นาทีต่อมา

มีชายร่างกำยำ 4 คน ที่ท่าทีเย็นชาเดินออกมาจากห้องโถง พวกเขาคือคนคุ้มกันของเหลียงเทียนหยู ซึ่งพวกเขาต่างจากพนักงานทั่วไป โดยมีคนที่ชื่อ เฉินหนาน เดินนำหน้ามา !

“มีคนเห็นเขาหรือเปล่า ?” เฉินหนานถามขึ้นมา

“ไม่มีครับ !” ยามตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“จากนี้ไปนายต้องส่งเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดมา เราจะจัดที่อยู่ให้นาย และนายห้ามติดต่อกับโลกภายนอกเป็นอันขาดระหว่างนี้ !” เฉินหนานมองไปที่ยามด้วยสีหน้าเฉยเมย

“ถ้าเรารู้ว่านายคิดจะติดต่อกับคนอื่น นายคงรู้ว่าผลกระทบจะเป็นยังไง”

ยามได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา และรู้สึกว่าตัวเองได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว

...

ปัจจุบัน

หลี่เทียนเทียนมองไปที่เฉินหนานและอดไม่ได้ที่จะฮึดฮัดออกมา

เขาเคยได้ยินชื่อบริษัทยาเทียนหรุนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งคนเมืองทางใต้ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้ แต่ไม่ได้ประทับใจกับบริษัทนี้เท่าไหร่นัก

บริษัทยาเทียนหรุนตั้งอยู่ในเขตหนานเชิงมากว่า 3 ปี ทว่าพวกเขาไม่ได้มีประวัติที่ดีนัก

ซึ่งเป็นบริษัทที่พวกคนท้องถิ่นร่วมกันเปิดขึ้นมา ด้วยเส้นสายและชื่อเสียงของผู้ถือหุ้น จึงทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วภายในเวลา 3 ปีมานี้ ไม่นานก็กลายเป็นบริษัทแนวหน้าได้

ในขณะที่บริษัทกำลังเติบโตนั้น เหลียงเทียนหยูผู้จัดการก็ได้ร่วมมือกับคนนอกสร้างปัญหาให้กับผู้ถือหุ้นจนอีกฝ่ายโดนไล่ออกจากหุ้นส่วนไป !

แน่นอนว่าการกระทำนี้ ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เพราะเขาเคยช่วยเหลียงเทียนหยูเอาไว้มาก แต่สุดท้ายเขาก็หัวใจวายและโดนส่งไปที่ห้องฉุกเฉิน

ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีคนสนใจเท่าไหร่นัก แต่เรื่องที่ทำให้บริษัทนี้โด่งดังนั่นก็คือ เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นเพราะอากาศร้อนมากทำให้เกิดไข้หวัดแพร่ระบาด และคนในเมืองก็ติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าโรงพยาบาลหรือคลินิกต่างก็มีคนไข้อยู่เต็มไปหมด

ตอนนั้นเองที่บริษัทเทียนหรุนได้ออกประกาศว่าวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาได้ขาดตลาด ทำให้ต้องหยุดผลิตยาชั่วคราว ส่วนยาที่เหลือนั้นจะขายในราคาที่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า

นี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา !

แต่ทุกคนก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นยาในเขตหนานเชิงเหมือนอยู่ในกำมือของบริษัทเทียนหรุน และต้องใช้เวลานานกว่าจะสั่งยามาจากที่อื่น สุดท้ายคนไข้ทุกคนในเขตก็กัดฟันแน่และยอมเสียเงินมากกว่าเดิมถึง 10 เท่าเพื่อที่จะซื้อยาจากบริษัทเทียนหรุน

จากนั้นไม่นานราคาของยาก็เพิ่มขึ้นมาเกือบ 100 เท่า

หลังจากที่สิ้นสุดโรคระบาดไป ด้วยเหตุบังเอิญที่ผู้บริหารของบริษัทเทียนหรุน ได้ดื่มเหล้าเขาเมาแล้วบอกความจริงเรื่องนี้ออกมา ว่าไม่ได้มีการขาดแคลนวัตถุดิบ ! บริษัทเทียนหรุนเพียงต้องการที่จะสร้างข่าวลือเพื่อเพิ่มราคายา !

หลังจากนั้นมารายรับของบริษัทก็เพิ่มขึ้น มูลค่าในตลาดก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ในใจของประชาชนในหนานเชิงนั้น ชื่อเสียงของบริษัทนี้ตกต่ำอย่างมาก

นี่คือสิ่งที่ทุกคนจดจำได้เกี่ยวกับบริษัทเทียนหรุน  !

และตอนนี้หลี่เทียนเทียนกำลังเผชิญหน้ากับคนพวกนี้อยู่ !

หลี่เทียนเทียนแสดงสายตาเย็นชาออกมา เขาไม่มีทางให้ผักผลไม้ระดับยากับคนอื่นเป็นอันขาด นี่ไม่ต้องนับบริษัทใจดำแบบนี้เลย !

หากเขาเชื่อคำพูดอีกฝ่าย และร่วมมือด้วย อีกไม่นานเขาคงกลายเป็นลิงในกรงของพวกมัน !

“ฉันได้มันมาเพราะความบังเอิญ...ซึ่งฉันมีแค่อันเดียว และได้ใช้มันกับเสี่ยวเทียนไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ฉันไม่เหลือมันแล้ว” หลี่เทียนเทียนตบไหล่เสี่ยวเทียนและพูดขึ้น

“ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้พวกนายต้องเสียเวลา !”

“หือ ? แค่อันเดียวงั้นหรือ ?” เฉินหนานหัวเราะออกมา และพูดขึ้น

“ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ได้ ! ฉันจะคอยให้แกพูดความจริงออกมา”

หลังจากที่พูดจบ เฉินหนานก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ต่อหน้าหลี่เทียนเทียน ก่อนจะพูดขึ้น

“อยู่หน้าฟาร์มสินะ ? จับเด็กผู้หญิงมา เอาผลไม้พิษป้อนให้เธอกิน !”

เฉินหนานเงยหน้ามองไปที่หลี่เทียนเทียน และยิ้มออกมา

“ฉันอยากเห็นว่าที่แกพูดจะเป็นความจริงหรือเปล่า !”

ทันทีที่เฉินหนานพูดจบนั้น หลี่เทียนเทียนก็เผยสีหน้าที่ดุร้ายออกมา สายตาของเขาราวกับสิงโตที่พร้อมจะกินคน

สายตาของเฉินหนานและหลี่เทียนเทียนปะทะกัน เฉินหนานที่ชินกับเรื่องการฆ่าฟันและต่อสู้มาโดยตลอดถึงกับอดไม่ได้ที่จะผงะถอยกลับไป

ใครจะมีสายตาที่น่ากลัวแบบนี้ได้ ?

“ทำไมพวกแกถึงต้องบังคับฉัน ?” หลี่เทียนเทียนกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา

“ฉันอยากใช้ชีวิตกับน้องสาวของฉันอย่างสงบสุข แต่ทำไมพวกแกต้องมารบกวนฉันด้วย ?”

“ความอ่อนแอถือว่าเป็นบาป” เฉินหนานเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมา

“แกพูดถูก ความอ่อนแอคือบาป” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองไปที่เฉินหนานกับเสี่ยวเทียนแล้วพูดขึ้น

“งั้นจากวันนี้ไปฉันจะเป็นปิศาจที่โหดร้าย ! พวกแกจำไว้ว่าพวกแกทำให้ฉันเป็นแบบนี้เอง !”

เฉินหนานมองไปที่หลี่เทียนเทียน และรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา

...

ในขณะเดียวกัน ที่ประตูฟาร์มก็มีชายรูปร่างกำยำจำนวน 8 คนกำลังจะบุกเข้ามาในฟาร์ม

หลี่ฮานที่นั่งเท้าคางก็มองไปที่ประตูพร้อมกับถอนหายใจออกมา

หลี่ฮานอายุแค่ 7 ขวบ เธอชอบกินและดูทีวีเป็นชีวิตจิตใจ แต่ตอนนั้นเธอกลับไม่สนใจสตรอเบอรี่ตรงหน้า หรือแม้แต่การ์ตูนก็ไม่อาจทำให้เธอสนใจได้

เมื่อหลี่เทียนเทียนไม่อยู่บ้าน สตรอเบอรี่ก็เหมือนไร้รสชาติไป การ์ตูนก็ไม่น่าสนใจ แม้แต่พวกหุ่นยนต์รอบ ๆ ก็ไม่อาจจะทำให้เธอสนุกได้

แท่งเหล็กพวกนี้จะเทียบกับหลี่เทียนเทียนได้ยังไง ?

หลี่ฮานมีงานอดิเรกคือ...กอดหลี่เทียนเทียน และหลี่เทียนเทียนก็มักจะกอดเธอเอาไว้ตอนที่เธอดูทีวี

หรือจะบอกว่าสิ่งที่เธอชอบที่สุด ก็คือหลี่เทียนเทียน

ตั้งแต่ที่หลี่เทียนเทียนไม่อยู่ เธอก็ดูนาฬิกามา 17 รอบแล้ว แต่หลี่เทียนเทียนก็ยังไม่กลับมา มันจึงทำให้เธอสับสนในใจ

แต่ตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านนอก และเสียงสตาร์ทรถด้วย

สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นแล้วตะโกนออกมา “น่ารำคาญ !”

เสี่ยวเฮยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แลบลิ้นออกมาเลียขาของเธอ

“พบการบุกรุก กำลังตอบโต้กลับ !” หุ่นยนต์สองตัวยืนอยู่ด้านหลังของหลี่ฮาน พูดขึ้นมา

“พวกนี้เป็นคนเลวงั้นหรือ ?” หลี่ฮานชี้ไปที่ประตูแล้วพูดขึ้น

“งั้นทำให้พวกนี้เงียบได้ไหม ? ระเบิดหัวเลย”

“รับคำสั่งจากเจ้านายตัวน้อย ! ปรับวิธีฆ่าผู้บุกรุก ! ทำลายสมองของผู้บุกรุก !”

จากนั้นหุ่นยนต์นักรบที่อยู่ด้านหลังก็ยกปืนในมือขึ้น แล้วยิงออกไปทันที

ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นมา  พร้อมกับชายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้วร่วงลงไปกับพื้น !

“ทำตามคำสั่งเจ้านายตัวน้อยแล้ว หัวของผู้บุกรุกถูกระเบิดแล้ว !” เสียงหุ่นยนต์รายงานผลลัพธ์

หลี่ฮานเอามือกุมปากและกอดเสี่ยวเฮยไว้แน่นและพูดขึ้น

“เสี่ยวเฮย ฮานฮานเหมือนทำบางอย่างผิดไป ! อย่าบอกพี่เทียนเรื่องนี้นะ ! ไม่งั้นแล้วพี่เทียนต้องคิดว่าฮานฮานเป็นเด็กชอบความรุนแรง...คนพวกนี้ต่างหากที่มาทำให้ฮานฮานรำคาญก่อน !”

3 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด