ตอนที่แล้วตอนที่ 339 แผนบุกเบิก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 341 บ้านของเรา

ตอนที่ 340 อสังหาริมทรัพย์ราคาแพง


ตอนที่ 340 อสังหาริมทรัพย์ราคาแพง 

“ฉันได้ยินมาว่าจื่อเทาให้บัตรเชิญไปงานเทศกาลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้กับนายมาด้วยใช่ไหม?” ฉินหมางถามหลังจากหยุดคิดอยู่ชั่วขณะ

“ครับ ผมบังเอิญได้พบกับเขาในภูมิภาคดาวมฤตยู ตอนนั้นพวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อยและทำให้ผมได้พบว่าเขาคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมได้เคยพบมา แต่โชคดีที่เขากับคุณตาเป็นเพื่อนกัน ไม่อย่างนั้นผมก็อาจจะตายที่นั่นไปแล้วก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“แข็งแกร่งแล้วยังไง? เขาเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่ฉันรู้จักในชีวิตนี้แล้ว เขาได้บอกนายเรื่องฉายาของเขาหรือเปล่า?” ฉินหมางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“เขาบอกว่าฉายาของเขาคือตาสายครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริงหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าให้ถูกควรจะเรียกมันว่าไอ้สายเสมอมากกว่า!” ฉินหมางพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง จากนั้นเขาก็ได้พูดต่อไปว่า

“จื่อเทาเป็นคนขี้ลืมมาตั้งแต่เด็ก จำเอาไว้เลยว่านายไม่สามารถพึ่งพาอะไรตาแก่นี้ได้และสิ่งที่เขาสัญญาก็จะไม่มีวันกลายเป็นจริง”

เซี่ยเฟยยังคงเงียบเสียง เพราะเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในระหว่างที่ฉินหมางกำลังด่าทอสหายในวัยเยาว์

“ปกติเทศกาลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้จะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปีเท่านั้นทำให้มันเป็นงานที่พิเศษมาก ทำไมเขาถึงให้บัตรเชิญนายมาได้?”

“เขาบอกว่าถึงยังไงเขาก็คงจะไปสาย ดังนั้นการเอาบัตรเชิญไว้ที่เขาก็คงจะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เขาก็เลยให้บัตรเชิญกับผมมาครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบแผ่นโลหะที่หยูจื่อเทามอบให้เขามาจากแหวนมิติและส่งให้ฉินหมาง

“นี่คือสิ่งที่คุณตาเขาให้ผมมาครับ”

“นี่คือบัตรเชิญไปงานเทศกาลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้จริง ๆ ว่าแต่นายจะลองไปงานเทศกาลนี้ดูไหม?” ฉินหมางชำเลืองดูบัตรผ่านก่อนที่จะส่งมันคืนให้กับเซี่ยเฟย

“ผมได้ยินมาว่าในงานเทศกาลนี้ได้รวบรวมของระดับบนสุดของพันธมิตรเอาไว้ ผมอยากจะลองไปเปิดหูเปิดตาดูบ้างครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อพวกมันก็ตาม นอกจากนี้สถานที่จัดงานยังอยู่ไม่ไกลกับกลุ่มดาวนครหลวง ถึงยังไงผมก็ต้องแวะเข้าไปในนครหลวงเพื่อซื้อพื้นที่สำหรับสร้างสำนักงานใหม่อยู่แล้ว ผมก็เลยว่าจะแวะไปที่งานเทศกาลสักหน่อยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ลองไปเปิดหูเปิดตาก็ดีแล้ว บางทีที่งานอาจจะมีของที่มีประโยชน์สำหรับนายก็ได้ ฉันมีบ้านอยู่บนดาวนอกกลุ่มดาวนครหลวงพอดีเลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราค่อยออกเดินทางไปพร้อมกันก็แล้วกัน” ฉินหมางกล่าว

“คุณตาไม่อยากอยู่บนโลกแล้วเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย

“ที่โลกก็สบายดี แต่ฉันยังมีเรื่องที่ต้องกลับไปจัดการ” ฉินหมางกล่าว

3 วันต่อมาเซี่ยเฟย, ฉินหมางและอันเดร์ก็ออกเดินทางด้วยเบโอเนท โดยมีจุดมุ่งหมายคือกลุ่มดาวนครหลวง

“ฉันไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งฉันจะได้ออกมาท่องจักรวาลแบบนี้” อันเดร์มองออกไปยังทะเลดาวผ่านช่องหน้าต่างด้วยความตื่นเต้น

“ในพันธมิตรมีกฎบ้า ๆ อยู่ว่ามนุษย์ที่ไม่มีพลังพิเศษถึงระดับที่กำหนดไม่สามารถเดินทางระหว่างดวงดาวได้ แต่ตอนนี้บริษัทควอนตัมได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหารแล้ว และตราบใดก็ตามที่ใครเป็นพนักงานของเรา เขาคนนั้นก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อบังคับข้อนี้อีกต่อไป ดังนั้นหลังจากนี้ถ้าคุณต้องการคุณก็ออกเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามแต่ใจคุณเลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“สำหรับคนแก่ใกล้ตายอย่างฉันแค่ได้มีโอกาสไปกลุ่มดาวนครหลวงสักครั้งก็น่าพอใจมากแล้ว” อันเดร์กล่าว

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ คุณยังจะต้องมีชีวิตไปอีกนาน นอกจากนี้พวกชาร์ลียังจัดการเรื่องการย้ายสำนักงานอยู่บนโลก ดังนั้นเรื่องการเตรียมสำนักงานที่กลุ่มดาวนครหลวงก็คงจะต้องรบกวนคุณแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว

เซี่ยเฟยได้เตรียมแผนการย้ายสำนักงานใหญ่ของบริษัทควอนตัมจากดาวโลกไปสู่กลุ่มดาวนครหลวงเป็นเวลานานแล้ว เพราะท้ายที่สุดกลุ่มดาวนครหลวงก็เป็นศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นขนาดพื้นที่ของบริษัทในนครหลวงยังเป็นการแสดงถึงฐานะของบริษัทนั้น ๆ อีกด้วย

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขออนุญาตกลับไปฝึกฝนที่ห้องต่อแล้วนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวกับฉินหมางและอันเดร์

ทั้งฉินหมางและอันเดร์ต่างก็บอกให้เซี่ยเฟยไปฝึกฝนได้ตามสบาย ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสำรวจยานลำนี้อย่างอยากรู้อยากเห็น

“ปัจจุบันนายมีความเร็วประมาณ 10,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นความเร็วในระดับสตาร์ริเวอร์ขั้นกลางแล้ว ส่วนพลังจิตของนายก็อยู่ในระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นพื้นฐาน ทำให้นายสามารถใช้ดีม่อนแอคและฮาร์ชธันเดอร์ได้โดยไม่สร้างภาระให้กับร่างกายอีกต่อไป”

“ส่วนวิชากลอริฟายที่เป็นวิชาลับระดับ 3 ก็ยังต้องการพลังจิตที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่านายยังฝืนใช้มันในตอนนี้มันก็อาจจะทำให้ชีวิตของนายตกอยู่ในความเสี่ยงได้”

“นอกจากนี้มนตราอสูรระดับ 4 ก็มากพอที่จะจัดการกับสัตว์อสูรส่วนใหญ่ และมันยังมีวิชาเล่ห์มายาระดับ 3 ที่พวกเรายังไม่ได้ทดสอบพลังอยู่อีก” อันธกล่าวหลังจากที่พวกเขาเข้ามาพักที่ห้อง

“ฉันยังมีเล่ห์สังหารอยู่ด้วยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนี้นายเชี่ยวชาญวิชาเล่ห์สังหารแล้ว และนายก็จำเป็นจะต้องฝึกฝนเพื่อทบทวนวันละแค่เล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่ฉันอยากจะบอกนั่นก็คือ 4 ทักษะหลักที่นายจะต้องให้ความสนใจเป็นอันดับแรก” อันธกล่าว

“ฉันเข้าใจละ นายคงกำลังคิดว่าถ้าฉันฝึกฝนทักษะทุกอย่างไปพร้อม ๆ กันมันอาจจะทำให้ฉันไม่โดดเด่นอะไรขึ้นมาสักทาง แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นนะอย่างน้อยทุก ๆ อย่างฉันก็สามารถเอามาใช้ในสถานการณ์จริงได้ ดังนั้นฉันจะฝึกทักษะทุกอย่างพร้อม ๆ กันต่อไป” เซี่ยเฟยกล่าว

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่ฉันกำลังจะบอกว่านายควรฝึกทักษะใดทักษะหนึ่งในช่วงครึ่งเดือนนี้ เพื่อที่จะให้มันยกระดับก่อนที่นายจะเดินทางไปถึงกลุ่มดาวนครหลวง” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“อันนั้นนายก็พูดถูก ฉันกำลังตั้งใจที่จะฝึกพลังจิตตลอดครึ่งเดือนนี้พอดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งนอกเหนือจากเซี่ยเฟยแล้วก็ไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ประสบกับสถานการณ์อันเลวร้ายบนดาวมรดกมาตลอดทั้งปี มันก็ไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาเท่านั้น แต่เขายังได้รับพลังจิตมาในระหว่างที่เขาอยู่บนดาวเคราะห์มรดกอีกด้วย

พลังพิเศษชนิดที่ 2 นี้แตกต่างจากพลังพิเศษสายความเร็ว เพราะมันไม่ใช่พลังพิเศษต้นกำเนิดของเซี่ยเฟย แต่เป็นพลังเสริมที่เขาได้รับมา

เนื่องจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหาย จึงทำให้เขาไม่สามารถพัฒนาพลังความเร็วโดยวิธีปกติได้ แต่พลังจิตไม่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เหมือนกับพลังความเร็ว เพราะมันไม่ใช่พลังที่เกิดขึ้นมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 แต่มันเป็นพลังพิเศษที่เขาได้รับมาจากดาวมรดก

หนังสือที่เซี่ยเฟยเพิ่งหยิบออกมานี้ ไม่เพียงแต่จะบันทึกวิธีการเพิ่มพลังจิตของเขาเท่านั้น แต่มันยังบันทึกวิชาลับที่เกี่ยวกับพลังจิตเอาไว้อีกด้วย

วิชาลับของพลังจิตถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับระดับพลังจิตของผู้ฝึกฝน โดยผู้ฝึกจะสามารถใช้วิชาลับระดับ 1 ดีม่อนแอคได้หลังจากที่มีพลังจิตระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐาน และจะสามารถใช้ดีม่อนแอคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หลังจากฝึกฝนพลังจิตมาจนถึงระดับสตาร์ไลท์ขั้นสูง

เมื่อผู้ฝึกฝนมีระดับพลังจิตถึงระดับสตาร์ไลท์ขั้นสูงผู้ฝึกก็จะสามารถใช้วิชาลับระดับ 2 ฮาร์ชธันเดอร์ และเมื่อผู้ฝึกมีพลังจิตถึงระดับสตาร์เบสขั้นสูง ผู้ฝึกก็จะสามารถใช้วิชาลับระดับ 3 กลอริฟายได้ โดยมีความสัมพันธ์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงวิชาลับระดับ 9

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเซี่ยเฟยจะมีพลังจิตอยู่ในระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นพื้นฐานแล้ว และเขาก็สามารถใช้กลอริฟายออกมาได้ แต่มันก็จะยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพร่างกายของเขาอยู่ดี เขาจึงยังไม่คิดจะใช้วิชาลับนี้ก่อนที่เขาจะมีพลังจิตถึงระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นสูง

เซี่ยเฟยใช้พลังจิตในการฝึกฝนยกน้ำหนักอย่างน่าเบื่อทุกวัน ซึ่งในระหว่างการฝึกลูกเหล็กที่มีน้ำหนักมากกว่า 400 กิโลกรัมจะถูกพลังจิตของเขายกหมุนวนในอากาศอย่างรวดเร็ว

“เร่งความเร็ว!”

เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปลดปล่อยพลังจิตออกไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ลูกเหล็กไม่เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าอีกต่อไปแต่เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพติดตา

“5 นาทีสุดท้าย” อันธพูดให้กำลังใจขึ้นมาจากด้านข้าง

เซี่ยเฟยกัดฟันแน่นและพยายามที่จะประคองลูกเหล็กในอากาศเอาไว้ ซึ่งแรงกดดันที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัวราวกับสมองกำลังจะแตก

5 นาทีต่อมาลูกเหล็กก็ค่อย ๆ ร่อนลงพื้นอย่างช้า ๆ ขณะที่เซี่ยเฟยนอนแผ่ราบอยู่กับพื้น

“ยินดีด้วย ตอนนี้ระดับพลังจิตของนายได้มาถึงสตาร์ฟิลด์ขั้นสูงแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าหลังจากนี้นายจะสามารถใช้พลังจิตพยุงน้ำหนักของตัวเองได้ แล้วมันก็จะทำให้นายสามารถเคลื่อนที่บนท้องฟ้าได้อย่างอิสระ”

การบินบนท้องฟ้าถือได้ว่าเป็นความฝันของผู้ใช้พลังจิตทุกคน และเมื่อผู้ใช้พลังจิตมีพลังจนถึงระดับนี้พวกเขาก็สามารถควบคุมอาวุธจู่โจมในอากาศได้ ซึ่งมันก็จะทำให้การโจมตีของพวกเขามีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

โชคดีที่พลังพิเศษและวิชาที่เซี่ยเฟยได้ฝึกฝนต่างก็มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เช่น วิชามนตราอสูรและเล่ห์มายาต่างก็เป็นวิชาที่ต้องใช้พลังจิตเป็นพื้นฐานในระหว่างการเรียนรู้

“เอาล่ะตอนนี้นายก็สามารถใช้กลอริฟายได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่สร้างผลกระทบให้กับร่างกายของตัวเองแล้ว แต่การพยายามฝืนใช้ ‘เฟียร์ลิส’ ยังจำเป็นต้องพัฒนาพลังจิตไปมากกว่านี้อีกพอสมควร” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

ดาวไดจูเป็นดาวเคราะห์เกษตรกรรมที่อยู่ใกล้กับกลุ่มดาวนครหลวง ซึ่งผลไม้ทั้งหมดในเมืองหลวงกว่า 60% ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ที่ผลิตบนดาวดวงนี้

บ้านของฉินหมางตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาที่มีไร่ผลไม้คล้ายสตรอว์เบอร์รีสุดลูกหูลูกตา ทำให้มันสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้สมองผ่อนคลายได้มากพอสมควร

ก่อนเดินทางมาที่นี่ทูรามได้ส่งคนมาทำความสะอาดบ้านพักของฉินหมางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายชราจึงสามารถเข้าพักผ่อนได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องความสกปรก เนื่องจากว่าเขาไม่ได้เดินทางมายังบ้านพักแห่งนี้เป็นเวลานานแล้ว

หลังจากกล่าวอำลาเซี่ยเฟยก็ขับยานรบมุ่งตรงไปยังกลุ่มดาวนครหลวง ก่อนที่เขาจะฝากเบโอเนทเอาไว้ที่ท่าเทียบยานนอกกลุ่มดาวและเดินทางผ่านยานโดยสารเข้าสู่กลุ่มดาวนครหลวงไปพร้อมกับอันเดร์

“พวกเราควรจะตั้งสำนักงานใหญ่เอาไว้บนดาวดวงไหนดี? ในกลุ่มดาวนครหลวงมีดาวเคราะห์ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยถึง 23 ดวง ซึ่งถ้าหากเราได้ตัดดาวเคราะห์ของกรมทหารออกไป 6 ดวง ดาวเคราะห์ในส่วนที่เหลือต่างก็ล้วนแล้วแต่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง” อันเดร์ถาม

“ผมตัดสินใจแล้วว่าเราจะตั้งสำนักงานใหญ่เอาไว้ที่ดาววีนอล 19 ท้ายที่สุดกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทก็คือกรมทหาร ขณะที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทบิ๊กโฟร์และบริษัทผลิตเครื่องจักรอื่น ๆ ก็อยู่ในดาววีนอล 19 ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นการตั้งสำนักงานใหญ่บนดาวดวงนั้นน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพวกเรามากพอสมควรครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ยิ่งไปกว่านั้นดาววีนอล 20 ที่อยู่ใกล้ ๆ กันก็เป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจของพันธมิตร ขณะที่ดาววีนอล 17 ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งก็เป็นสถานที่ตั้งของรัฐบาล ผมคิดว่าดาววีนอล 19 น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว”

อันเดร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนที่เขาจะเปิดเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มดาวนครหลวงเพื่อสำรวจราคาอาคารที่ดินบนดาววีนอล 19

“โอ้พระเจ้า! คะแนนดัชนีอสังหาริมทรัพย์ของดาววีนอล 19 มีมากกว่า 1,800 คะแนน ทำให้มันเป็นดาวที่มีอสังหาริมทรัพย์แพงที่สุดเป็นอันดับ 6 ในกลุ่มดาวนครหลวงทั้งหมด และราคาเฉลี่ยของที่ดินก็สูงถึง 600,000 สตาร์คอยน์ต่อตารางเมตร แน่นอนว่าในย่านเศรษฐกิจมันย่อมมีราคาแพงมากกว่านั้น”

“600,000 สตาร์คอยน์ต่อตารางเมตร! นี่มันตั้งราคาหวังปล้นกันชัด ๆ” อันเดร์อุทานออกมาด้วยความตกใจหลังจากที่ได้เห็นราคาอสังหาริมทรัพย์ในดาววีนอล 19

“คุณอย่าลืมนะว่าตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในศูนย์กลางของพันธมิตร แน่นอนว่าราคาของที่ดินในกลุ่มดาวนครหลวงย่อมสูงมากเป็นปกติอยู่แล้ว ความเป็นจริงผมไม่คิดว่าที่ดินราคา 600,000 สตาร์คอยน์ต่อตารางเมตรจะซื้ออาคารที่เราต้องการได้ เพราะราคานี้ซื้อได้เพียงแค่ที่ดินที่อยู่ห่างไกลของดาวเท่านั้น”

“อย่าลืมว่าบริษัทควอนตัมคือซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร ดังนั้นพวกเราก็จำเป็นจะต้องตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นมาอย่างสง่างาม และพื้นที่ที่ผมเล็งเอาไว้ก็คือพื้นที่กลางย่านเศรษฐกิจซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีราคาที่ดินแพงมากที่สุด”

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด