ตอนที่แล้วตอนที่ 51 พลังกลืนเมฆา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 53 นกฮูก

ตอนที่ 52 เคล็ดตระหนกกลืนกิน


“หากเรียนรู้วิชานี้ จะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่?”

เฉินเฟยถามเสียงต่ำ นิกายมากมายจะติดตามวิชายุทธ์ที่รั่วไหลออกมาโดยเฉพาะวิชาพลังภายใน ตอนอยู่ในอำเภอผิงหยินเฉินเฟยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ อย่างไรแล้วสถานที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่เล็กๆ ต่อให้เรียนรู้วิชายุทธ์ของนิกาย โอกาสที่จะถูกค้นพบนั้นมีต่ำมาก

ตอนนี้อยู่ในเมืองซิ่งเฝินและเฉินเฟยจะไปเมืองเซียนเมฆาในอนาคต ด้วยทางเลือกที่มากขึ้นเฉินเฟยจึงต้องระมัดระวัง

“วางใจได้ นิกายนั้นถูกทำลายไปแล้ว และเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ท่านเรียนรู้ตำรานี้ได้โดยไม่มีปัญหา ในทางกลับกันท่านยังช่วยสานต่อวิชายุทธ์นี้ด้วย” เจ้าของร้านพูดด้วยรอยยิ้ม

เฉินเฟยพยักหน้าเล็กน้อยหยิบตำราขึ้นมาอ่าน ผ่านไปหนึ่งเค่อ เฉินเฟยวางตำราลง

ตำรานี้มีเพียงหนึ่งในสาม แต่มันได้แสดงหลายๆอย่างให้เห็นแล้ว

เป็นธรรมดาที่จะเทียบกับพลังกระบี่ฟ้าคำรามไม่ได้ แต่มันดีกว่าพลังตระหนกล่องลอยมาก และพลังกลืนเมฆานี้มีคุณสมบัติพิเศษ หลังฝึกฝนแล้วจะสามารถกินโอสถสำหรับแต่ละวันได้มากขึ้น

พูดง่ายๆคือพลังกลืนเมฆาช่วยให้ผู้ฝึกตนดูดซับโอสถได้เร็วขึ้นโดยไม่ทำให้ร่างกายได้รับภาระ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่สิ่งนี้อย่างเดียวก็ทำให้เฉินเฟยใจเต้นแล้ว

ตอนนี้เฉินเฟยกินโอสถจิตเบาได้วันละหนึ่งเม็ดเท่านั้น หากกินมากกว่านี้เส้นเลือดจะบวมและเจ็บปวด เลือดลมในร่างกายจะเกิดความผิดปกติ

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งสองครั้งมันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากเป็นแบบนี้เป็นเวลานานมันย่อมส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นเฉินเฟยจึงทำเพียงไม่กี่ครั้งและเลือกกินโอสถจิตเบาวันละหนึ่งเม็ด

“เท่าไหร่?”

“หนึ่งพันตำลึง” รอยยิ้มเจ้าของร้านสดใสขึ้น

“ขออภัย ลาก่อน”

เฉินเฟยวางตำราในมือละหันหลังจากไป เขาดูเหมือนคนเอาเปรียบได้ง่ายหรือ?

“คอยก่อน โปรดรอก่อนคุณลูกค้า ราคาต่อรองกันได้ ในร้านยังมีโอสถกับอาวุธด้วย คุณลูกค้าเชิญดูก่อน” เจ้าของร้านรีบหยุดเฉินเฟย

“มีธนูหรือไม่?” เฉินเฟยหยุดชั่วคราวหันกลับมาถาม

“มีแน่นอน เชิญคุณลูกค้า”

เจ้าของร้านพยักหน้าและนำเฉินเฟยเข้าไปในห้องโถงด้านใน อาวุธที่วางอยู่ในนี้มีหลากหลายประเภท เจ้าของร้านพาเฉินเฟยไปที่กำแพงซึ่งวางคันธนูและหน้าไม้ต่างๆ

“ลองใช้ได้หรือไม่?”

“ได้ขอรับ” เจ้าของร้านพยักหน้า

เฉินเฟยเดินไปหยิบคันธนูยาวขึ้นดึง สีหน้าเฉินเฟยยังคงนิ่งเฉย วางคันธนูลงและหยิบคันธนูอีกอันขึ้นมา

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เฉินเฟยเดินออกจากร้าน

เวลาช่วงเช้าผ่านไป เฉินเฟยกลับมาที่โรงเตี๊ยม

ธนูยาวที่นำมาจากอำเภอผิงหยินถูกขายและแทนที่ด้วยธนูที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับธนูยาวอันเดิม ธนูใหม่นี้ทรงพลังกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย จากการประเมินของเฉินเฟย การใช้จัดการระดับหลอมกระดูกไม่ใช่ปัญหาเลย

และเฉินเฟยยังได้รู้เรื่องราคาของโอสถด้วยเช่นกัน

ราคาตลาดตามปกติของโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในอำเภอผิงหยินคือสิบสองตำลึง แต่ในเมืองซิ่งเฝินอยู่ที่แปดตำลึง โอสถจิตเบาลดลงจากสิบห้าตำลึงเป็นสิบสามตำลึง

ราคาย่อมเยากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจที่มีกองคาราวานผ่านไปมามากมาย ด้วยความแตกต่างแบบนี้ตราบใดที่มีปริมาณมากย่อมทำให้กำไรได้มาก

นอกจากนี้เฉินเฟยยังซื้อโอสถเหนือสามัญที่ขายอยู่ในเมืองซิ่งเฝินด้วย โอสถเหนือสามัญมีราคาเม็ดละสามสิบตำลึงซึ่งค่อนข้างแพง

ที่เฉินเฟยซื้อมันก็เพื่อดูว่าระดับขัดเกลากล้ามเนื้อสามารถกินโอสถเหนือสามัญในการบ่มพาะได้หรือไม่ และเฉินเฟยตั้งใจจะแกะสูตรโอสถเหนือสามัญด้วย

เมืองซิ่งเฝินไม่ได้ขายสูตรโอสถเหนือสามัญซึ่งทำให้เฉินเฟยค่อนข้างผิดหวัง สูตรโอสถจิตเบามีขาย แต่ราคาหลายพันตำลึงซึ่งไม่ถูกเลย

“ยอมรับเลยว่าไม่ว่าที่ไหนสูตรโอสถก็มีราคาสูง”

เฉินเฟยพึมพำกับตัวเองแล้วกินโอสถเหนือสามัญ หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวัง

ฤทธิ์โอสถเหนือสามัญรุนแรงมาก เฉินเฟยเจ็บปวดเส้นเลือดซึ่งมันรุนแรงกว่าการกินโอสถจิตเบาสองเม็ดติดต่อกัน

เห็นได้ชัดว่าโอสถเหนือสามัญยังคงมากเกินไปสำหรับระดับขัดเกลากล้ามเนื้อ ในเวลานี้เฉินเฟยยังทนรับมันไม่ได้

“ไม่รู้ว่าพลังกลืนเมฆาจะปรับปรุงสถานการณ์นี้ได้แบบในตำราหรือไม่”

เฉินเฟยหยิบตำราจากห่อ หลังเยี่ยมชมร้านค้ามากกว่าสิบแห่ง เฉินเฟยซื้อตำราวิชานี้จากร้านอื่นด้วยเงินสามร้อยตำลึง

ใช่แล้ว ร้านค้าขนาดใหญ่ภายในเมืองซิ่งเฝินขายตำราวิชานี้เช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นศิษย์นิกายที่ขายตำราให้ร้านค้ามากกว่าสิบแห่งหรือพ่อค้าซื้อต่อจากกัน

ร้านแรกอาจเห็นว่าเฉินเฟยหลอกง่ายจึงบอกราคานั้นไป แต่สุดท้ายก็ต้องรู้สึกหม่นหมองเพราะขายไม่ได้

เฉินเฟยใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการอ่านพลังกลืนเมฆาและลองฝึกฝน ครู่ต่อมา เฉินเฟยมองระบบ

[วิชายุทธ์: พลังกลืนเมฆา(เริ่มต้น1/100)]

“ผสาน!”

[วิชายุทธ์: เคล็ดตระหนกกลืนกิน(เริ่มต้น1/100)]

“ค้นพบวิชายุทธ์ ต้องการใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงทำให้เคล็ดตระหนกกลืนกินเป็นแบบง่ายหรือไม่?”

“เคล็ดตระหนกกลืนกินแบบง่าย...ทำให้เป็นแบบง่ายสำเร็จ...เคล็ดตระหนกกลืนกิน → พลังตระหนกล่องลอย!”

เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ขั้นต่อไปคือเพิ่มความชำนาญยกระดับเคล็ดตระหนกกลืนกินเป็นระดับรู้แจ้ง แต่ก่อนหน้านั้นเฉินเฟยต้องการดูว่าวิชาใหม่นี้มีผลในการดูดซับโอสถจริงหรือไม่

นั่งไขว่ห้างหมุนเวียนเคล็ดตระหนกกลืนกิน ครึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยลืมตาขึ้นด้วยความยินดี

ในเวลานี้เส้นเลือดที่แต่เดิมบวมและเจ็บปวดได้กลับมาเป็นปกติ ฤทธิ์โอสถที่ไม่ถูกดูดซับได้รวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์

“มีผลอย่างชัดเจน”

เฉินเฟยมองโอสถเหนือสามัญที่อยู่ด้านข้าง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือกกินโอสถจิตเบา

ฤทธิ์โอสถเพิ่งหมดไป ความรู้สึกไม่สบายเริ่มปรากฏในเส้นเลือด เฉินเฟยใช้เคล็ดตระหนกกลืนกินทันที เลือดลมในร่างกายเฉินเฟยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกไม่สบายบรรเทาลงและจางหายไป

คิ้วที่ขมวดของเฉินเฟยคลายออก เคล็ดตระหนกกลืนกินหมุนเวียนในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ฤทธิ์โอสถถูกดูดซับอย่างรวดเร็วและป้อนกลับเข้าไปในเลือดเนื้อ

หนึ่งก้านธูปต่อมา เฉินเฟยลืมตาขึ้นหายใจออกช้าๆ เขาไม่อาจปิดบังสีหน้ามีความสุขได้อีกต่อไป

“ถึงขีดจำกัดแล้ว โอสถเหนือสามัญหนึ่งเม็ดกับโอสถจิตเบาหนึ่งเม็ด พลังภายในเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลามากกว่าเก้าเดือนในการทะลวงระดับหลอมกระดูก ตอนนี้คงใช้เวลามากกว่าสี่เดือนเท่านั้น”

เฉินเฟยพึมพำกับตัวเองและคำนวณเวลาในการเพิ่มระดับ

“นอกจากนี้ข้ายังฝึกวิชาเคล็ดตระหนกกลืนกินไม่ถึงระดับรู้แจ้ง เมื่อถึงตอนนั้นโอสถที่กินได้ในแต่ละวันคงเพิ่มขึ้นอีก”

เฉินเฟยกำหมัดโดยไม่รู้ตัว เมื่อเทียบกับคนอื่น อัตราเติบโตของเฉินเฟยนั้นไม่ได้ช้า แต่ถ้าเลือกได้ ใครบ้างที่ไม่ต้องการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะต้องอยู่ในโลกที่อันตรายแบบนี้

“นิกายเดิมซึ่งเป็นเจ้าของวิชายุทธ์นี้จะไม่ยากจนหรือ?” ทันใดนั้นความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเฉินเฟย

ตกกลางคืน เฉินเฟยกำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองซิ่งเฝิน เมื่อเทียบกับอำเภอผิงหยิน เมืองซิ่งเฝินมีชีวิตชีวามากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

มองควันไฟที่อยู่รอบด้าน เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะสงบลง หากเลือกได้ เฉินเฟยหวังว่าจะมีชีวิตที่เงียบสงบเช่นนี้

แต่น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีโอกาสให้เลือก หลายสิ่งอย่างจะบีบบังคับคุณ อย่างเช่นภัยอันตราย

เฉินเฟยเดินผ่านถนนที่คนพลุกพล่านและเลี้ยวเข้าซอย เมื่อเทียบกับด้านนอก ซอยนี้เงียบกว่ามาก ตรงท้ายซอยมีร้านค้าเปิดอยู่

แสงไฟสลัวๆจากร้านค้าส่องไปที่ผนังตรอกราวกับกำลังยิ้ม