ตอนที่แล้วตอนที่ 48 เตรียมพร้อมเรียบร้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 วิ่งอย่างบ้าคลั่ง

ตอนที่ 49 หมู่บ้านในภูเขา


“เหยียนชิง เหยียนติง กระบี่คู่!” สามีภรรยาคู่หนึ่งแสดงกระบี่ยาวในมือ

“ฉือเต๋อเฟิง กระบอง”

“เฝิงอวี่ ไม้เท้า!” หญิงชรากระแทกไม้เท้าในมือ

เฉินเฟยมองหญิงชราแล้วจมูกขยับเล็กน้อย จมูกได้รับกลิ่นคาวหวานซึ่งเป็นกลิ่นพิษร้ายแรง

“เฉินมู่ นักธนู!” เฉินเฟยตบคันธนูที่หลัง

“ดี นี่ก็เริ่มสายแล้ว ไปกันเลยเถอะ จากที่นี่ไปถึงเมืองซิ่งเฝิน หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจะใช้เวลาประมาณห้าวัน”

เฉียนจี้เจียงพยักหน้า เขาเดินนำหน้าไปก่อนและคนอื่นตามหลังมา

พวกเขาเป็นนักยุทธ์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความว่องไวล้วนเหนือกว่าคนธรรมดามาก แม้จะเทียบกับม้าไม่ได้แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวไม่ช้าแน่นอน

เฉินเฟยหันกลับไปมองอำเภอผิงหยิน เนื่องจากห่างมาหลายลี้แล้วจึงเห็นเพียงโครงร่างคลุมเครือเท่านั้น

อยู่ในอำเภอนี้มาหลายเดือน จากคนรับใช้ที่ไม่สามารถซื้อเนื้อกลายเป็นผู้มีความสามารถ เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกบางย่าง

เฉินเฟยมองรอยประทับบนแขน ยิ่งเขาอยู่ห่างจากอำเภอผิงหยินมากเท่าไหร่ รอยประทับก็ยิ่งจางลง

ก่อนหน้านี้เฉินเฟยยังกังวลว่ารอยประทับนี้จะดึงดูดสิ่งแปลกประหลาดทรงพลังหรือไม่ ตอนนี้ดูเหมือนว่ารอยประทับจะเพิ่มสถานะเชิงลบให้เฉินเฟยเท่านั้น

ถ้าคนธรรมดามีรอยประทับนี้พวกเขาคงแห้งเหี่ยวไปแล้ว แต่เฉินเฟยก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจึงยับยั้งมันได้

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้อีกอย่าง เมื่อเทียบกับอาหารจานใหญ่แบบอำเภอผิงหยิน เมล็ดข้าวอย่างเฉินเฟย ไม่อาจดึงดูดความสนใจของสิ่งแปลกประหลาดได้

หลังวิ่งไม่หยุดนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ทุกคนจึงหยุดพักชั่วขณะ

“ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ รีบมาแบ่งเงินได้แล้ว” ในป่าทึบ ฉือเต๋อเฟิงมองเฉียนจี้เจียงด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“จะรีบร้อนทำไม ใช่ว่าข้าจะไม่ให้เสียหน่อย”

เฉียนจี้เจียงมองฉือเต๋อเฟิงแล้วอดเยาะเย้ยไม่ได้ “ชายชราเช่นเจ้าเต็มใจที่ออกจากอำเภอผิงหยินด้วย ข้านึกว่าเจ้าจะตายอยู่ที่นี่เสียอีก”

“ภูเขาผิงหยินค่อนข้างแปลก ไม่มีใครกล้าอยู่รอหรอก”

ฉือเต๋อเฟิงรับเงินหลายร้อยตำลึงจากเฉียนจี้เจียงแล้วส่ายหน้า “โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่วันนี้ข้ามีปัญหาเรื่องกินนอนตลอด คาดเดาได้เลยว่าจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในอำเภอผิงหยิน”

สีหน้าเฉียนจี้เจียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเชื่อในสิ่งที่เพื่อนเก่าคนนี้พูด ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายสนับสนุนให้เขานำกลุ่มออกจากอำเภอผิงหยิน

“เมื่อไปถึงเมืองซิ่งเฝิน เจ้าจะเดินทางต่อหรือไม่?” เฉียนจี้เจียง

“เมื่อถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน” ฉือเต๋อเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว

ห่างไปหลายสิบหมี่ เฉินเฟยเห็นฉือเต๋อเฟิงกับเฉียนจี้เจียงกระซิบกระซาบกัน

แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่มันไม่ไกลจากเรื่องเงินแน่นอน

เดิมทีเฉินเฟยสงสัยว่าทั้งสองเป็นคนรู้จักกันเพราะตอนนั้นฉือเต๋อเฟิงส่งเงินให้ง่ายเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่คนโลภเงินอย่างเขาควรทำ

อย่างไรก็ตามเฉินเฟยไม่ได้รู้สึกเสียดายกับเงินที่จ่ายไป เมื่อเทียบกับการออกจากอำเภอผิงหยิน เงินไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ด้วยความชำนาญในวิชาหลอมโอสถ หากเฉินเฟยต้องการเงินจำนวนนี้มันเป็นเพียงการหลอมโอสถหลายเตาเท่านั้น

ทุกคนพักครู่หนึ่งก่อนออกเดินทางต่อ

ในตอนแรกยังมีถนนสายใหญ่ให้เดิน แต่เมื่อเดินต่อไปเส้นแบ่งถนนจะเลือนรางมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีกองคาราวานผ่านมานานเกินไป ถนนหลายสายจึงถูกปกคลุมด้วยวัชพืช

ทุกคนเร่งเดินทางอย่างเต็มที่และไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ในระหว่างทางได้เจอผู้ลี้ภัยหลายครั้ง แต่ทุกคนหลีกเลี่ยงไปให้ไกล

“น่าจะมีซากวิหารอยู่ใกล้ๆ พวกเราจะพักที่นั่นในตอนกลางคืน”

เฉียนจี้เจียงมองไปรอบๆเพื่อระบุทิศทาง เมื่อก่อนเฉียนจี้เจียงเป็นสมาชิกภายในของสำนักคุ้มกัน เขาได้เดินทางไปทั่วสารทิศและเพิ่งออกจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

คิดว่าตัวเองสามารถเพลิดเพลินกับวัยชราในอำเภอผิงหยินได้ แต่เพราะเจอสิ่งแปลกประหลาดมากมายจึงต้องหาที่อยู่ใหม่

เฉียนจี้เจียงพากลุ่มคนเดินไปรอบๆจนพบซากวิหารในที่สุด

เมื่อเห็นซากวิหารเฉินเฟยจึงรู้สึกประหม่า การเผชิญหน้าทั้งสองครั้งก่อนเกิดขึ้นในสถานที่แบบนี้ แต่ที่กำบังมีไว้ให้พักผ่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าไป

ซากวิหารนี้เก่าแก่และด้านในมีต่ความยุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่าไม่นานมานี้มีคนจำนวนมากมาที่นี่

จุดไฟต้มน้ำ นั่งล้อมวงกินอาหารแห้งในมือเงียบๆ เฉินเฟยมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวังแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ

มองรอยประทับที่ข้อมือแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติเช่นกัน

ตอนนี้เฉินเฟยมองเนื้อร้ายติดกระดูกเป็นที่ตรวจจับสิ่งแปลกประหลาด ส่วนใหญ่แล้วมันจะแสดงผลให้เห็น สิ่งนี้ทำให้เฉินเฟยลังเลว่าควรเก็บรอยประทับต่อไปหรือไม่เมื่อพลังภายในเขาแข็งแกร่งขึ้น

คืนนี้ปลอดภัยดีและไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เฉินเฟยถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าแม้ข้างนอกจะไม่สงบแต่ใช่ว่าทุกแห่งจะมีสิ่งแปลกประหลาด

ผ่านไปสามวันในพริบตา

เมื่อเทียบกับความสะอาดสะอ้านตอนเริ่มออกเดินทาง ตอนนี้ตัวทุกคนเต็มไปด้วยฝุ่นผง หลายคนเริ่มคุ้นเคยกันในระหว่างทาง การเดินทางที่ราบรื่นทำให้ทุกคนสงบลง

เฉียนจี้เจียงมีความสามารถในการจดจำเส้นทางดีมาก เฉินเฟยโชคดีที่ได้อยู่กับกลุ่มนี้ ไม่อย่างนั้นหากเฉินเฟยต้องด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ต่อให้ไปตามเส้นทางเขาก็หลงอยู่ดี

เมื่อถึงตอนที่อาหารในช่องมิติหมดลง เฉินเฟยคงวนเวียนหลงอยู่ในป่า

“คืนนี้เราจะค้างกันในป่า ทุกคนรีบไปเถอะ ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว”

เฉียนจี้เจียงมองท้องฟ้าและกระตุ้นทุกคน คนอื่นเร่งฝีเท้าโดยไม่พูดอะไร ทุกคนทำตามคำสั่งเฉียนจี้เจียง

“มีไฟอยู่ข้างหน้า”

ในตอนกลางคืน เหยียนชิงชี้ด้านหน้าอย่างคาดไม่ถึง ทุกคนมองไปตานิ้วและเห็นแสงริบหรี่ในระยะไกล

“มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆหรือไม่?” ฉือเต๋อเฟิงหันไปถามเฉียนจี้เจียง

“จำไม่ได้”

เฉียนจี้เจียงขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ออกมาหลายปีแล้ว จำได้เพียงเรื่องทั่วไปบางอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้

“จะค้างคืนที่หมู่บ้านหรือไม่?”

หญิงชราเฝิงอวี่ถามด้วยเสียงต่ำ หมู่บ้านนี้ปลอดภัยกว่าในป่าอย่างไม่ต้องสงสัย หากให้เลือกแน่นอนว่าต้องไปที่หมู่บ้าน

คนอื่นมองเฉียนจี้เจียงและปล่อยให้เขาตัดสินใจ

“ไม่ไป ตอนนี้ข้างนอกมีแต่ความวุ่นวาย จู่ๆมีหมู่บ้านปรากฏขึ้นที่นี่มันค่อนข้างแปลก อ้อมผ่านไปเถอะ”

เฉียนจี้เจียงส่ายหน้าเด็ดเดี่ยว คนอื่นจึงไม่คัดค้าน

ทุกคนวิ่งอ้อมผ่านไป ความเร็วพวกเขาเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าจิตใต้สำนึกจะต้องการหลีกเลี่ยงจากหมู่บ้านนั้นไปให้ไกล

“มีไฟอยู่ข้างหน้า”

ในตอนกลางคืน เหยียนชิงชี้ไปข้างหน้า ทุกคนเงยหน้าขึ้นและเห็นแสงริบหรี่ในระยะไกล

“มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆหรือไม่?” ฉือเต๋อเฟิงหันไปถามเฉียนจี้เจียง

“จำไม่ได้” เฉียนจี้เจียงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“จะค้างคืนที่หมู่บ้านหรือไม่?” หญิงชราเฝิงอวี่ถามด้วยเสียงต่ำ

เฉินเฟยฟังอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเคล็ดชำระใจเริ่มทำงานเองทำให้เฉินเฟยรู้สึกตื่นตัว จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

บทสนทนานี้ ฉากนี้ มันเพิ่งเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าต้องพูดอีกครั้ง และหมู่บ้านนั้น เมื่อครู่เพิ่งผ่านมันมาไม่ใช่หรือ!

นี่ ความจำเสื่อมหมู่หรือ?

เฉินเฟยมองไปรอบด้าน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หมอกสีขาวเริ่มแผ่กระจายมารอบๆทำให้ทัศนวิสัยต่ำลง แต่หมู่บ้านในระยะไกลกลับชัดเจนขึ้น