ตอนที่แล้วบทที่ 35
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37

บทที่ 36


วันนี้ลง 36 37

บทที่ 36

ณ ขณะนี้ เสี่ยวชุ่ยถือชุดกาน้ำชาที่ต้มแล้วมาวางไว้ข้างๆ แล้วหันหลังกลับออกไป

สวี่ล่ายเห็นว่ามีชาให้ดื่ม สองตาเปล่งประกาย แต่เนื่องจากหลานซินนั่งอยู่ในห้องด้วย เขาเลยต้องรักษาหน้าบ้าง ไม่ยกกาขึ้นเทกรอกปากเหมือนครั้งก่อนๆ แต่รินลงในถ้วยชาใบเล็กแทน จากนั้นจิบใส่ปากแล้วลิ้มรสอย่างพิถีพิถัน

เมื่อชาเข้าปาก กลิ่นชาเข้มข้นที่ให้ความสดชื่นและหอมหวานก็อบอวลในปากเขา เมื่อชาไหลลงท้อง ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น จากนั้นมันก็กลายเป็นปราณบริสุทธิ์เพื่อเติมเต็มตันเถียนที่กำลังจะแห้งเหือดอย่างช้าๆ

“อืม ชาดี! ชาที่ดี!”

สวี่ล่ายทางหนึ่งเอ่ยชมชา ทางหนึ่งไม่รอช้า รีบเทใส่ถ้วยต่อไป ถ้วยแล้วถ้วยเล่าเทผ่านไป

...

หลังจากใช้เวลานานพอสมควร หลานซินเสร็จสิ้นการประเมินหินประสานค่ายกลทั้งหมด ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ฮู้~! คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายสวี่จะมีหินประสานค่ายกลดีๆมากมายอยู่ในมือ” หลานซินปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตัวเอง เอื้อมมือไปหยิบกาน้ำชาขึ้นมา ตั้งใจจะรินชาให้ชุ่มคอ

อย่างไรก็ตาม...

“หืม? เสี่ยวชุย ข้าบอกให้เจ้าชงชา เหตุใดในกาถึงว่างเปล่า?” หลานซินคิ้วขมวดเล็กน้อย เกิดความไม่พอใจลึกๆในใจ

ณ ขณะนี้ เสี่ยวชุ่ยได้ยินเสียงเรียกจึงหันมา  กระพริบตาและพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “พี่สาวหลานซิน ข้า...... ข้าเพิ่งยกกาใหม่มา อา ... แต่มันหมดอีกแล้ว!”

“อะไรนะ!?”

“อะแฮ่ม พี่สาวหลานซิน ขอโทษที พอดีข้ากระหายน้ำนิดหน่อย เลยดื่มจนหมดแล้ว”

หลานซินอ้าปากค้าง ก่อนยิ้มกระอักกระอ่วน แก้มกระตุกสองสามครั้งอย่างช่วยไม่ได้ “อา ... ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณชายสวี่ชอบ เสี่ยวชุ่ย รีบไปต้มมาอีกหนึ่งกาเร็วเข้า”

“เจ้าค่ะ พี่สาวหลานซิน” เสี่ยวชุ่ยรับคำ หันหลังกลับและออกไป

“อะแฮ่ม คุณชายสวี่ หินประสานค่ายกลของท่าน ข้าประเมินเสร็จสิ้นหมดแล้ว มีเก้าก้อนในประเภทการโจมตีระดับ 1 , สี่ก้อนเป็นประเภทปิดล้อม , ห้าก้อนเป็นประเภทป้องกัน”

“นอกจากนี้ยังมีห้าก้อนในประเภทโจมตีระดับ 2 , หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณอีกสามก้อน หนึ่งคือหมาป่ายักษ์ระดับ 1 ชั้นยอด , อีกหนึ่งคือเม่นหางลูกศรระดับ 1 ขั้นสูง และแรดฟันฉลามระดับ 2 ขั้นกลาง สุดท้ายคือหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณขั้น 2 อีกก้อนหนึ่ง”

หลานซินรายงานหินประสานค่ายกลที่ได้รับการประเมินให้สวี่ล่ายฟังทีละก้อน

“พี่สาวหลานซิน แล้วหินประสานค่ายกลพวกนี้สามารถนำไปประมูลได้หินดวงดาวประมาณกี่ก้อนกัน?” สวี่ล่ายอยากรู้มูลค่าของหินเหล่านี้มาก

“อะแฮ่ม.. เรียนคุณชายสวี่ตามตรง หินประสานค่ายกลระดับ 1 นั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะหาซื้อในตลาด และมูลค่าไม่ได้สูงนัก ด้วยเหตุนี้พวกมันจะไม่ถูกนำไปขึ้นประมูล แต่ทางเราจะรับซื้อด้วยหินดวงดาวในราคาปกติแทน”

หลานซินหยุดเล็กน้อยเมื่อเธอพูดเรื่องนี้ ก็ชำเลืองมองสีหน้าของสวี่ล่าย

“อืม งั้นก็ได้” สวี่ล่ายเข้าใจ นี่เป็นหนึ่งทางเลือกธรรมดาที่สุดที่เขาเดาไว้

“ส่วนหินประสานค่ายกลระดับ 2 ประเภทโจมตีทั้งห้าก้อนนี้ ข้าเห็นว่ามันมีคุณสมบัติทั้งห้าธาตุ  ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินพอดี สามารถนำมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นหินประสานค่ายกลห้าธาตุได้ และนี่จะทำให้มูลคาของมันเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ราคาเริ่มประมูลจะอยู่ที่ประมาณ 400 หินดวงดาว แต่ท่านอย่าคิดว่านี่น้อยเกินไป เพราะยิ่งราคาเริ่มต้นถูกมากเท่าไหร่ การแข่งประมูลก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น”

หลานซินเริ่มคำนวณงานประมูล อธิบายราคาขายโดยประมาณของพวกมัน

“อืม ข้าไม่เข้าใจกลยุทธ์การประมูลเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาหวังว่าพี่สาวหลานซินจะช่วยขายให้ในราคางาม”

“ย่อมได้ แต่ยังไงก็เถอะ ข้าขอเรียนถาม ไม่ทราบว่าหินประสานค่ายกลพวกนี้ เป็นคุณชายสวี่ที่หลอมมันด้วยตัวเอง หรือว่า ...?” หลานซินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ใช่ ข้าหลอมพวกมันด้วยตัวเอง” สวี่ล่ายยืดหลังอย่างสบายๆ

หลานซินฟังแล้วอึ้งเล็กน้อย แต่ไม่นานก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้

“คิก คิก คุณชายสวี่อำข้าแล้ว! บ่าวเคยได้ยินข่าวลือบางอย่างของคุณชายสวี่มาก่อน ว่ากันว่าคุณชายสวี่กําลังศึกษาวิชาประสานค่ายกลกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ดังนั้นข้าเดาว่าหินประสานค่ายกลเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่อยู่เบื้องหลังท่านมากกว่า”

“เมื่อครู่เจ้าว่ากระไร!?” สวี่ล่ายเกือบพลัดตกจากเก้าอี้ไท่ซือ ไม่คาดคิดว่าที่ตนแอบฝึกวิชาประสานค่ายกลจะถูกผู้อื่นค้นพบ ทั้งยังบอกต่อๆกันจนเป็นข่าวลือ

“อะแฮ่ม... เดาได้ถูกต้องแล้ว พี่สาวหลานซินหลักแหลมจริงๆ” เดิมสวี่ล่ายตั้งใจจะแถ อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ล้มเลิก ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้ายืดอกรับตรงๆ

หลานซินได้ยินแบบนี้ ดวงตาเธอสดใสขึ้นทันที ลอบปิติยินดีในใจ แต่ไม่นานนักก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานเหมือนเคย “คิกคิก คุณชายสวี่โชคดีจริงๆที่สามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลมาเป็นอาจารย์ได้ ดูท่าในงานประมูลวันนี้ ท่านคงทำกำไรได้ไม่น้อย”

“ข้าขอรับคำมงคลของพี่สาว หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย ไม่อธิบายอะไรมาก

นั่นเพราะเขากระจ่างแจ้งแก่ใจ ตอนนี้แม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายยังไง เกรงว่าหลานซินจะไม่เชื่อ ว่าตนในระยะเวลาฝึกเพียง 2-3 เดือน จะสามารถหลอมหินประสานค่ายกลระดับ 3 ได้แล้ว

ไม่นาน

เสี่ยวชุ่ยชงชามาอีกกา และสวี่ล่ายก็ถือโอกาสคุยกับหลานซินสักพัก

“อ้อจริงสิ ข้าใคร่รู่ขอเรียนถามคุณชายสวี่ วิชาประสานค่ายกลของท่านอยู่ในมาตรฐานใด?” หลานซินยังคงสงสัยเล็กน้อย

“โอ้ หลังจากพยายามอย่างหนักมานาน ตอนนี้ผู้แซ่สวี่สามารถหลอมหินประสานค่ายกลระดับ 1 ได้อย่างง่ายดายแล้ว” สวี่ล่ายหยิบถ้วยชาขึ้นมายกดื่มหมดในถ้วยเดียว

“โห? เช่นนั้นก็หมายความว่าคุณชายสวี่ไปถึงมาตารฐานผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลสี่ดาวแล้ว” หลานซินรู้สึกประหลาดใจเป็นสองเท่า เมื่อกี้จริงๆ แล้วก็แค่ถามอย่างไม่เป็นทางการ แต่ใครจะคิดว่าเธอดันค้นพบความลับของเขา

“ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล ... สี่ดาว?” สวี่ล่ายชะงักไปครู่หนึ่ง ฟังไม่เข้าใจ

“คิกคิก ท่าทีแบบนั้น แสดงว่าคุณชายสวี่ยังไม่ได้สังกัดพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล เลยยังไม่ได้ทำการประเมินคุณสมบัติใช่หรือไม่?” หลานซินยิ้มอ่อนหวาน

“เอ่อ พี่สาวหลานซิน สี่ดาวอะไรที่เจ้าเพิ่งพูดไป สังกัดใด พันธมิตรใด นั่นมันอะไรกัน ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลจำเป็นต้องมีการประเมินด้วยหรือ?” สวี่ล่ายกระพริบตา สีหน้าสับสนไม่เข้าใจ

“คิกคิก ถูกตัอง อันที่จริงไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลเท่านั้นที่ต้องประเมิน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ , ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นโอสถก็ต้องไปยังพันธมิตรในสายของตนเพื่อรับการประเมินคุณสมบัติ หลังจากได้รับใบรับรองจัดอันดับแล้ว พวกเขาจึงจะได้รับการยอมรับจากสาธารณะชน” หลานซินไล่ตามริมฝีปากของเธอและหัวเราะเบาๆ

“ให้มันได้งี้สิ!” สวี่ล่ายเริ่มเกิดอาการปวดหัว ไม่นึกว่าในโลกใบนี้ก็เหมือนกับโลกก่อน ที่ต้องมีใบรับรองคุณสมบัติเหมือนวุฒิการศึกษา

“แสดงว่าอาจารย์ของท่านคงไม่ได้บอกอะไรท่าน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลหลายคนมีนิสัยหยิ่งผยองและะแปลกประหลาด พวกเขามักกังวลว่าลูกศิษย์ยังไม่มีฝีมือดีพอ เพราะหากไปยังพันธมิตรประสานค่ายกลแล้วสอบตก ก็คงเสียหน้าแย่”

“พี่สาวหลานซิน หลังจากได้ใบรับรองคุณสมบัติผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลแล้ว ข้าจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง?” สวี่ล่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย

สวี่ล่ายมีความคิดในใจ ว่าหากใบรับรองคุณสมบัติผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลนี้เป็นแค่ของประดับ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปสอบอะไร

“คิกคิก แน่นอนว่ามีประโยชน์” หลานซินไล่ริมฝีปาก หัวเราะเบาๆ “ก่อนอื่นหลังจากได้รับคุณสมบัติตามลำดับชั้นแล้ว ตำแหน่งของตระกูลท่านจะสูงขึ้น และนิกายใหญ่จะส่งคนมาดึงตัวกับมอบทุนช่วยเหลือ”

“แน่นอน ประโยชน์ที่ดียิ่งกว่านั้นคือท่านสามารถรับภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนิกายและตระกูลต่างๆ หลังจากเสร็จสิ้น ท่านจะได้รับรางวัลเป็นหินดวงดาวและค่าความดีความชอบ

เมื่อสะสมค่าความดีความชอบได้ถึงจำนวนหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติลับของผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่ไม่มีขายตามท้องตลาดได้”

หลานซินยิ้มอย่างลึกลับ

“อะไรนะ? นี่ข้ายังต้องทำภารกิจอีกหรือ? งั้นช่างมันเถอะ ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น ว่าแต่สมบัติลับที่เจ้าพูดถึงคืออะไร?” สวี่ล่ายส่ายมือปฏิเสธ แต่เขาก็ยังสนใจสิ่งที่เรียกว่าสมบัติลับอยู่เหมือนกัน

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่มั่นใจ รู้แค่ว่ามันคือสมบัติภายในพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล และจะเปิดให้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่ลงทะเบียนแล้วเท่านั้นยากที่คนนอกจะรู้ อย่างไรก็ตาม กล่าวกันว่าผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่ได้ลงทะเบียนทุกคนต่างเต็มใจและทุ่มเทพยายามทำภารกิจโดยไม่หลับไม่นอนเหมือนต้องมนต์ปีศาจ”

หลานซินลูบคางและตอบกลับ

“จะหรือเรอะ?” สวี่ล่ายม้วนริมฝีปากตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนยอมทุ่มเททำงานที่แสนน่าเบื่อเหมือนถูกปีศาจสิง

ในตอนนั้นเอง...

[ติ๊ง!]

[ภารกิจอาชีพเสริม : การประเมินคุณสมบัติของผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล]

[รางวัลภารกิจ: ได้รับสำเนาภาพประสานค่ายกลหนึ่งชุด , แต้มสะสม 1000 แต้ม , ค่ากิตติศัพท์ 1000 แต้ม]

[ รายละเอียดภารกิจ: ผ่านการประเมินคุณสมบัติของผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล และได้รับคุณสมบัติมาตรฐาน 3 ดาวขึ้นไป และสำหรับดาวทุกดวงที่เลื่อนขั้นในการประเมิน คุณจะได้รับเพิ่มอีกดวงละ 500 แต้มสะสม , ค่ากิตติศัพท์ 500 แต้ม]

[เวลาประเมิน: เที่ยงวันพรุ่งนี้!]

“สรุปคือข้าต้องทำจริงๆใช่ไหม ...” สวี่ล่ายกลอกตา ไม่คาดคิดว่าตนจำเป็นต้องเข้าสังกัดผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลจริงๆ

“ฮึ เอาก็เอา ข้าจะลองไปดูสักตั้ง”

สวี่ล่ายเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นคุยหยอกล้อกับหลานซินสักพัก ซดชาวิญญาณหมดกา แล้วลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปยังสถานที่จัดงานประมูล

ก่อนออกเดินทาง สวี่ล่ายใช้เงินจากการขายหินประสานค่ายกลระดับ 1 จ่ายหนี้ที่ค้างชำระไว้ หลังหักลบกลบหนี้ เขาเหลือหินดวงดาวกลับมาราวๆพันก้อน

อย่างไรก็ตาม หลานซินกังวลว่าสวี่ล่ายจะมีหินดวงดาวไม่เพียงพอสำหรับการประมูล จึงจัดสรรหินดวงดาวขั้นต้นหมื่นก้อนให้เขาใช้ชั่วคราว และจะหักมันจากสมบัติที่เขาขายได้ในภายหลัง เรื่องนี้ทำให้สวี่ล่ายรู้สึกประทับใจมาก

สวี่ล่ายคำนวณคร่าวๆ ด้วยหินดวงดาวจำนวนนี้ มันน่าจะเพียงพอแล้วที่จะซื้อวัสดุอย่างอาวุธระดับสมบัติขั้นสูง

งานประลองการเกณฑ์ทหารครั้งนี้ หากสวี่ล่ายต้องการชนะ เขาจะต้องผ่านอุปสรรคหลายชั้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยพลังพวกของสวี่หู รวมไปถึงตระเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ต้องทำขนาดนี้จึงสามารถเพิ่มโอกาสคว้าอันดับหนึ่งได้

ระหว่างนึกถึงเรื่องนี้ สวี่ล่ายก็ก้าวเข้าสู่สถานที่จัดงานประมูลบนชั้นห้า

ก่อนเข้าสู่สถานที่จัดงาน สวี่ล่ายสวมหน้ากากเงินบนใบหน้าตัวเอง หน้ากากนี้เป็นหน้ากากที่พันธมิตรการค้าว่านตงออกให้เฉพาะผู้ที่ร่วมประมูล วัตถุประสงค์คือเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า และลดปัญหาที่ไม่จำเป็น

พูดไปพูดมา กล่าวได้ว่าพันธมิตรการค้าว่านตงช่างรอบคอบนัก การบริการก็ค่อนข้างเข้าที่เข้าทาง

เมื่อเข้าสู่สถานที่ประมูลสายตานับสิบกวาดมองมาที่เขา แต่เมื่อพบว่าสวี่ล่ายก็สวมหน้ากากสีเงินเช่นกัน สายตาของแต่ละคนก็เบือนหนีไป

สวี่ล่ายยักไหล่ ดูท่าจะมีคนอยากรู้อยากเห็นไม่น้อยจริงๆ

สถานที่ประมูลมีขนาดใหญ่มาก สามารถรองรับคนได้หลายพันคนในคราวเดียว เวลานี้เก้าอี้ทั้งหมดเต็มไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะสามารถเริ่มได้

ขณะนี้สถานที่จัดงานมีผู้คนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปแล้วทุกคนที่เข้ามาจะสวมหน้ากากสีเงิน ส่วนใหญ่ไม่ส่งเสียงเพียงหาที่ว่างและนั่งลง บ้างก็หลับตาพักผ่อน บ้างก็มองสำรวจไปรอบๆ

เอี๊ยดอ๊าด!

ครืนนนน!

ทุกคนหันหลังกลับ และพบว่าประตูทางเข้าถูกปิดอย่างแน่นหนา มีนักบู๊สองคนยืนอยู่ขนาบข้างประตูเพื่อเฝ้ายาม

“ในที่สุดการประมูลก็เริ่มขึ้นแล้ว!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด