ตอนที่แล้วบทที่ 29: เกราะกับกริช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31: แบล็คเทคโทโลยีในแอปสโตร์!

บทที่ 30: เมืองเฮยเหยียนส่งกองกำลัง


หลังจากตระหนักถึงเรื่องสำคัญนี้ได้แล้วสายตาที่ใช้มองสิ่งของเหล่านี้ก็กลายเป็นจริงจังสุด ๆ ขึ้นมาทันที

เขาเริ่มศึกษาชุดเกราะหนังนี้อย่างถี่ถ้วนและการทำงานอย่างหนักก็ประสบผลสำเร็จ  หลังจากนั้นราว ๆ 3 ชั่วโมง  ในที่สุดเขาก็ค้นพบคุณสมบัติพิเศษของชุดเกราะหนังนี้

ต้องบอกเลยว่าเกราะหนังสีดำเป็นสมบัติที่ไม่ด้อยไปกว่ากริชสีม่วง!

พลังป้องกันของมันอยู่ในระดับปานกลางและดีกว่าเกราะหนังทั่วไปเล็กน้อย  ส่วนความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ป้องกันข้อมือทั้งสองข้าง

ฝั่งแขนซ้ายมันมีกลไกลับซ่อนอยู่  เมื่อกดลงที่กลไกดังกล่าวมันจะยิงกรวยเหล็กสีดำออกมาโดยกรวยเหล็กดังกล่าวมีความยาวพอ ๆ กับนิ้วชี้และพลังในการเจาะทะลุของมันก็สุดเลิศเลอ

ในที่ป้องกันข้อมือมีกรวยเหล็กซ่อนอยู่ห้าชิ้นซึ่งสามารถเก็บกลับมาใช้ใหม่ได้

ถังเจิ้นอยากเห็นเหลือเกินว่าต้องเป็นกลไกสุดเจ๋งขนาดไหนถึงสามารถซุกซ่อนกรวยเหล็กที่อันตรายขนาดนี้ไว้ได้ตั้ง 5 ชิ้นในสิ่งของที่บางเบาขนาดนี้ได้  แต่ก็น่าเสียดายที่การประกอบนั้นไร้ที่ติจนเกินไปจนเขาไม่อาจหาช่องทางในการแงะมันออกมาดูได้เลย

ส่วนที่ป้องกันข้อมืออีกข้างหนึ่งนั้นมันซ่อนใบมีดเอาไว้  แม้จะไม่คมกริบเหมือนกับกริชสีม่วงก็ตาม  แต่ความคมของมันก็ยังไม่ใช่กระจอก ๆ อยู่ดี

ว่ากันตามตรงคืออาวุธลับที่ซุกซ่อนอยู่ในที่ป้องกันข้อมือทั้งสองข้างนี้เป็นของอันตรายสุด ๆ ถึงตายได้เลยจริง ๆ มันเหมาะแก่การใช้ลอบกัดศัตรูตอนทีเผลอมาก ๆ แต่ว่ากับตัวถังเจิ้นเองที่มีช่องเก็บของอยู่แล้วกลับไม่ได้มีความหมายตรงประเด็นนี้เท่าไหร่นัก

ตัวถังเจิ้นนั้นสั่งการแค่ความคิดเดียวเขาก็สามารถเอาของออกจากช่องเก็บของออกมาเล่นทีเผลอได้ทุกเมื่ออยู่แล้วซึ่งสะดวกและลับลวงพรางมากกว่าอาวุธในที่ป้องกันข้อมือเหล่านี้เยอะ

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างถูกใจเขาคือเมื่อเอาที่ป้องกันข้อมือทั้งสองชิ้นนี้มาแตะกันมันจะมีพลังเวทมนตร์เกิดขึ้น  โดยคุณสมบัติคือทำให้เขารู้สึกตัวเบาราวกับเป็นนกนางแอ่น  เหมือนกับว่าน้ำหนักตัวของตนได้หายไปกว่าสองในสาม

เขาได้พิสูจน์ดูแล้วว่ามันคือข้อเท็จจริงไม่ใช่คิดไปเอง  โดยเขาได้ลองกระโดดเบา ๆ หลังจากที่กระตุ้นพลังเวทมนตร์ดังกล่าวซึ่งหัวเกือบจะไปปักกับหลังคาบ้าน

ห้องเขาหลังคาสูงกว่าสามเมตรแต่ถังเจิ้นกระโดดเบา ๆ หัวก็ไปแตะกับหลังคาพอดี  เมื่อลองคำนวณดูแล้วเขาก็พบว่าตอนกระโดดเท้าของเขาอยู่สูงจากพื้นเมตรกว่า ๆ เกือบ ๆ สองเมตร

นี่ถ้าเขาระเบิดพลังกระโดดของเลเวล 2 ออกมาอย่างเต็มที่ล่ะก็น่าจะสามารถกระโดดข้ามตึกสามชั้นได้อย่างสบาย ๆ!

แต่ก็น่าเสียดายที่ความมันส์ดังกล่าวนี้กลับคงอยู่ได้แค่ 1 นาที  และหากอยากจะใช้อีกรอบล่ะก็ต้องรอไปอีก 3 ชั่วโมงถึงจะใช้ได้อีกครั้ง

กระนั้นแม้ว่าการใช้พลังนี้จะมีเวลาจำกัด  แต่สำหรับถังเจิ้นแล้วก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่หายาก

ในแง่มุมเรื่องความแข็งแกร่งและความรวดเร็วถังเจิ้นในวันนี้เหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก  แล้วถ้าสามารถกระโดดได้ทั้งสูงและไกลด้วยพื้นฐานนี้ด้วยแล้วจะยิ่งไม่มีใครเทียบได้

หากจะให้ใช้เกราะหนังเสื้อคลุมชุดนี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดล่ะก็มีแต่ต้องเอาไปใช้ในอีกโลกหนึ่งเท่านั้น

ในกล่องยังมีม้วนกระดาษสี ๆ อีกหลายม้วนซึ่งมีอักขระอะไรก็ไม่รู้เขียนไว้เต็มไปหมด  ไม่ว่าถังเจิ้นจะศึกษาหาข้อมูลอย่างไรก็ไม่เจอเบาะแสที่เป็นประโยชนเลยเขาจึงได้แต่วางมันไว้ก่อน

ต่อมาก็เป็นตาของขวดแก้วที่หนาเท่านิ้วหัวแม่มือและยาวเท่านิ้วชี้  เมื่อหยิบขึ้นมาเขารู้สึกเหมือนมือถูกกดลง  ปรากฏว่าน้ำหนักของขวดแก้วนี้ดันไม่ธรรมดา

ถังเจิ้นเอามันโยน ๆ ในมือเพื่อกะน้ำหนักดูและคิดว่าน่าจะหนักเกือบสี่ห้าจิน (2-2.5 กิโลฯ)

ของอันเล็กนิดเดียวแต่กลับมีน้ำหนักถึงเพียงนี้ย่อมมีอะไรแอบแฝง  ถังเจิ้นมองของเหลวสีดำในขวดแก้วด้วยสีหน้าครุ่นคิดแต่สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร

ของอื่น ๆ ที่เหลือถังเจิ้นก็ดูไม่เป็นเหมือนกันดังนั้นเขาเลยเลิกดูแล้ววางกอง ๆ กันไว้  รอเมื่อเจอกับคนที่รู้จักของพวกนี้ในอนาคตค่อยถามเอาทีหลังก็ได้

เสร็จกับของทั้งหมดแล้วถังเจิ้นก็นั่งเงียบ ๆ ในบ้าน  รอให้ระบบรีบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง

ก่อหน้านี้เขาได้ล็อกประตูเข้าลานบ้านไว้แล้วจากนั้นก็แอบกระโดดข้ามกำแพงเข้าบ้านโดยตั้งใจจะสร้างภาพว่าตัวเขาไม่ได้อยู่บ้าน

เขาไม่อยากให้ตำรวจที่มาสืบโดยการเช็คมิเตอร์น้ำมาป่วนเอาระหว่างที่นั่งรอ

****************

โลกโหลวเฉิง  เมืองผู้พเนจร

เฉียนหลงเดินเข้ามาในถ้ำ  หลังจากดูต้าสยงเล่นกับเด็กหญิงตัวน้อยอยู่พักหนึ่งเขาก็ถามกับมู่หรงจื่อเหยียนว่า “พี่ถังหายไปหลายวันแล้วไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย  คงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”

มู่หรงจื่อเหยียนส่ายหัวเมื่อได้ยินคำถามแล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก  เขาบอกให้เรารอที่นี่ไม่ใช่เหรอ?  เรารอเขาเงียบ ๆ กันเถอะ”

เฉียนหลงพยักหน้าแล้วนั่งลงด้วย “พี่ถังเป็นคนมีความสามารถมากจริง ๆ หาของดี ๆ มาได้เยอะแยะ  บอกตามตรงเลยนา  ตอนแรกที่เจอกับพี่ถังฉันรู้สึกเหมือนได้เกาะแข้งเกาะขาทรราชท้องถิ่นกินของที่ทั้งอร่อยทั้งเผ็ดสะใจได้ทุกวัน!”

มู่หรงจื่อเหยียนยิ้มเมื่อได้ยินและพยักหน้าเห็นด้วย “จริง  เขามีบรรยากาศพิเศษมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับผู้พเนจรคนอื่น ๆ เลย”

“ตกลงว่าพี่ถังเป็นใครกันแน่นายสารภาพมาซะดี ๆ”

“ไม่รู้สิ  ฉันอยากรู้มากกว่าเธออีก!”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังวุ่นวายดังมาจากข้างนอก  เฉียนหลงขมวดคิ้วและรีบออกจากถ้ำเพื่อไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเฉียนหลงก็วิ่งหน้าเครียดเข้ามาเลย  เขาบอกกับมู่หรงจื่อเหยียนว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดี  ฉันได้ยินมาว่ามีอาคารป่าสีดำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่  มันมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังคอยเฝ้าอยู่เพียบ  ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน  แต่จู่ ๆ มันก็มีมอนสเตอร์เป็นพัน ๆ ตัวแห่กันออกมาไล่จับทั้งคนทั้งมอนตามทางทั้งหมด  แล้วตอนนี้พวกมันกำลังมุ่งน่ามายังเมืองผู้พเนจรนี่ด้วย”

จากประสบการณ์เฉียนหลงได้ตัดสินแล้วว่ามอนสเตอร์ที่มาคราวนี้มันเรื่องใหญ่มาก  หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปล่ะก็เมืองผู้พเนจรจะไม่อาจรักษาตนเองไว้ได้แน่นอน

เมื่อใดที่มอนสเตอร์บุกเข้ามามันจะไม่ละเว้นผู้คนในเมืองนี้แม้แต่คนเดียว  ซึ่งจะทำให้พวกมู่หรงจื่อเหยียนต้องตกอยู่ในอันตราย!

ในมุมมองของเฉียนหลงมู่หรงจื่อเหยียนเป็นผู้หญิงของพี่ถัง  เนื่องจากพี่ถังไม่อยู่ตนจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องความปลอดภัยของผู้หญิงของพี่ถัง  ดังนั้นเฉียนหลงจึงแนะนำให้มู่หรงจื่อเหยียนรีบย้ายหนีทันที

ทว่าไอ้แดนทุรกันดารนี้มันก็กว้างใหญ่ไพศาลซะเหลือเกินแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าจะไปหาที่ซ่อนได้ที่ไหนซะอย่างนั้น

ทุกคนต่างเป็นกังวลและคิดมาตรการตอบโต้อยู่ในใจ  ทว่าความกังวลดังกล่าวกลับอยู่ได้ไม่นานกลับมีข่าวใหม่ที่มาเร็วอีกทั้งยังเป็นข่าวดี!

ในการตอบสนองการจลาจลของมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เมืองเฮยเหยียนได้ส่งทีมนักรบชั้นยอดบุกเข้าสู่แดนทุรกันดารเพื่อกวาดล้างฝูงมอนสเตอร์  โดยพวกเขาได้รับอนุญาตให้ลงมือจัดการได้เต็มที่ภายในพื้นที่ที่เมืองเฮยเหยียนควบคุม

ในขณะเดียวกันเมืองเฮยเหยียนยังได้ออกคำสั่งให้รางวัลใครก็ตามที่ฆ่ามอนสเตอร์ประเภทซากศพที่ระดับสอดคล้องกัน  โดยผู้ที่เอาอวัยวะของมอนสเตอร์นั้น ๆ มาเป็นหลักฐานจะสามารถแลกของรางวัลได้เลย

รางวัลที่เมืองเฮยเหยี่ยนออกให้นั้นมีมากมาย  โดยหลังจากฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 2 แล้วลูกปัดสมองจะตกเป็นของผู้ที่ฆ่า  และยังสามารถนำชิ้นส่วนของไอ้ตัวที่ฆ่าไปขึ้นรางวัลที่มีมูลค่าเทียบเท่าลูกปัดสมองเลเวล 2 ได้อีกด้วย  เท่ากับได้ผลการเก็บเกี่ยวเพิ่มเป็นสองเท่า

เมื่อพวกมอนสเตอร์ซากศพถูกกวาดล้างไปได้ในระดับหนึ่งแล้วเมืองเฮยเหยียนก็จะส่งนักรบระดับสูงเขาไปกวาดล้างเย่โหลวแห่งนั้นให้สิ้นซากไปโดยสมบูรณ์

ทันทีที่ข่าวเหล่านี้ออกมาผู้พเนจรที่ยังคงตื่นตระหนกก็สงบลงทันที

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเมืองเฮยเหยียนซึ่งทำตัวเหินห่างอยู่ตลอดถึงได้ทำตัวผิดปกติถึงขนาดส่งกองกำลังออกมากวาดล้างมอนสเตอร์ก่อนในครั้งนี้ก็ตาม  แต่มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น  พวกผู้พเนจรยังวางแผนที่จะจัดตั้งทีมเพื่อตามล่าเหล่ามอนสเตอร์ซากศพ  ซึ่งไม่แปลกเพราะการเก็บเกี่ยวสองเท่ามันคือสิ่งที่ทำให้ตาลุกวาวจริง ๆ!

ผู้พเนจรทั้งหลายต่างโห่ร้องอย่างมีความสุข  และดูเหมือนวิกฤตการณ์จะหายไปเพราะคำประกาศจากเมืองเฮยเหยียนซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของเมืองเฮยเหยียนที่มีต่อพื้นที่ในละแวกนี้!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด