บทที่ 9 ความแข็งแกร่งของคนหนึ่งคน
บทที่ 9 ความแข็งแกร่งของคนหนึ่งคน
ในเวลานี้ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"สุดยอดไปเลยหัวหน้าเล่ย! แบบนี้พวกเราต้องแก้แค้นให้เฉินจุนได้แน่ๆ"
"หืม? เกิดอะไรขึ้นกับเฉินจุนงั้นเหรอ?"
"คือตอนนั้นพวกเราไปเจอกับงูนั่นสิงตัวพร้อมกัน.."
"พวกเราตัดสินใจจะถอยแต่เพราะเฉินจุนวิ่งช้าเขาเลยถูกงูนั่นกลืนลงไป.."
"ยังดีที่ความสามารถของผมคือการเสริมความเร็วเลยล่อมันมาที่นี่ตัวนึงได้"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลายคนก็เริ่มหวาดกลัว
เล่ยเจี่ยฟังอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง
ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ เขาได้แสดงความสามารถในฐานะผู้นำออกมาอย่างแท้จริงในกลุ่มผู้ท้าชิงเหล่านี้และทั้งกลุ่มก็นับถือเขาในฐานะหัวหน้า
แม้ว่าบางคนจะอายุมากกว่าเขากว่าสิบปีก็ต้องเรียกเขาว่า "หัวหน้าเล่ย"
"ไปกันเถอะ! ไปล้างแค้นให้เฉินจุนกัน! ลุงหวังนำทางไป!"
เล่ยเจี่ยพูดออกมา
"หัวหน้าเล่ยทางนี้เลย!"
ลุงหวังรีบเดินนำทางไปอย่างเร่งรีบ
ทั้งกลุ่มกำลังมาทางที่ชินเฟิงซ่อนอยู่
เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง
เขาเคยฆ่างูพิษเก้าวงแหวนมาก่อนตัวนึงและคนที่อยู่ในท้องของมันน่าจะเป็นเฉินจิน
ในขณะนี้เล่ยเจี่ยและพรรคพวกของเขาเข้ามาใกล้ขึ้น
ชินเฟิงกลั้นหายใจหมอบอยู่ในพุ่มไม้เพื่อซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง
เขาต้องการรอให้คนเหล่านี้ออกไปก่อนเขาถึงจะไปสกัดซากของงูพิษเก้าวงแหวน
แต่เมื่อกลุ่มของพวกเขาผ่านที่ซ่อนของชินเฟิงสาวสวยผมสีน้ำตาลอ่อนสัมผัสได้ถึงบางอย่างและทันใดนั้นเธอก็หันไปมองยังที่ซ่อนของชินเฟิง
"นั่นใครน่ะ!"
เธอมีชื่อว่า"หลิวหยุน"ตอนนี้ธนูของเธอถูกชี้ไปยังตำปน่งที่ซ่อนของเขาด้วยความระมัดระวัง
ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเสริมการได้ยิน
ระยะห่างของพวกเขาอยู่ที่ประมาณสิบเมตรแต่เธอก็ยังได้ยินเสียงหัวใจของเขา
การกระทำอย่างกระทันหันของเธอทำให้คนที่เหลือรู้สึกตกใจไปด้วย
"ออกมาเดี๋ยวนี้!"
ทุกคนระวังตัวมากขึ้น
ในโลกที่อันตรายแห่งนี้ไม่มีใครกล้าประมาท
ในพุ่มไม้ ฉินเฟิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และต้องลุกขึ้นอย่างเศร้าใจ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลแต่อย่างใด
แม้ว่าเล่ยเจี่ยและทั้งเจ็ดคนจะเข้ามาโจมตีเขาพร้อมกัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
"น-นายคือ..!"
หลิวหยุนมองไปที่ชินเฟิงโดยไม่คาดคิด ราวกับว่าเธอรู้จักเขา
ชินเฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน
"หลิวหยุนเธอรู้จักเขาเหรอ?"
ลุงหวังชายวัยกลางคนถามเธอ
หลิวหยุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเธอก็ตั้งสติขึ้นมาได้ใบหน้าสวยของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย
"อ..เอ่อคือฉันจำรูปเข้าได้จากช่องแชทน่ะ!"
เธอแกล้งทำเป็นตอบออกไป
เธอมองไปที่ชินเฟิงอีกครั้ง
"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่"
"ใจเย็นๆฉันแค่บังเอิญผ่านมาเฉยๆ"
เขาตอบกลับไป
"ที่นี่มันอันตรายมากเลยนะทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้ พวกของเราคนนึงพึ่งจะโดนพวกสัตว์ร้ายพวกนั้นทำร้ายเอา"
ลุงหวังพยักหน้าเห็นด้วย
"นี่หัวหน้าเล่ยเพราะเราเสียเฉินจุดไปทำให้เราขาดคน ทำไมเราไม่รับเขามาเพื่อเสริมทีมของเราซะล่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เล่ยเจี่ยพยักหน้าเล็กน้อย
ในตอนนี้ความต่างระหว่างความแข็งแกร่งของมนุษย์กับสัตว์ร้ายนั้นสูงมาก
ต่อให้ในเลเวลเดียวกันมนุษย์ก็ยังไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเหล่าสัตว์ร้าย การร่วมมือกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในอนาคตกองกำลังต่างๆทั้งใหญ่และเล็กจะต้องถือกำเนิดขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าเขาต้องการขยายอิทธิพลของเขา เขาจะต้องสร้างอำนาจของเขาเองและให้ผู้คนเข้ามาหาเขามากขึ้น
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เขามองไปที่ชินเฟิง
"ชินเฟิงแสดงค่าสถานะและพรสวรรค์ของคุณให้เราดูหน่อยสิ ตราบใดที่มันไม่เลวร้ายเกินไปคุณก็มากับกลุ่มของเราได้"
เล่ยเจี่ยพูดอย่างเฉยเมย น้ำเสียงของเขาสูงเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวหยุนก็ดูมีความสุข
"ชินเฟิงรีบให้หัวหน้าเล่ยดูเร็วเข้าเถอะ!"
ลุงหวังก็ช่วยพูดเสริม
"ใช่แล้วหัวหน้าเล่ยกลายเป็นเลเวล 2 แล้วด้วยนะ นายโชคดีแล้วที่ได้เข้ากลุ่มของเรา!"
หลังจากได้ยินทุกคนต่างก็ยิ้มออกมา
ในความเห็นของพวกเขาตราบใดที่ชินเฟิงได้รู้ว่าเล่ยเจี่ยกลายเป็นเลเวล 2 แล้วเขาก็จะเข้าร่วมกับพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ชินเฟิงเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
"หึ..ไม่ล่ะฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่าน่ะ"
หลังจากพูดแล้วก็หันหลังเดินจากไป
คราวนี้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึงแทน
บ้าไปแล้ว!
พวกเขาได้ยินถูกต้องหรือไม่?
ผู้ชายคนนี้ปฏิเสธคำเชิญของหัวหน้าเล่ยจริงๆ
เขาไม่รู้หรือว่าบอสเล่ยไม่ได้แค่เลเวล 2 เท่านั้นแต่ยังมีพรสวรรค์ระดับ D ที่แข็งแกร่งอีกด้วย
เล่ยเชี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขามองไปที่ด้านหลังของชอนเฟิงและรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
"ถ้าเขาไม่ต้องการเราก็อย่าไปฝืน"
เขาเองก็หันหลังและเดินจากไปเช่นกัน
ทุกคนยังพูดคุยกันเล็กน้อยและรู้สึกไม่เข้าใจสิ่งที่ชินเฟิงทำ
"อะไรของเขากันนะ"
หลิวหยุนมองไปที่ด้านหลังของชินเฟิง กระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธและจากไปพร้อมกับทุกคน...
ใช้เวลาไม่นานเล่ยเจี่ยและกลุ่มของเขาก็จากไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ชินเฟิงก็กลับมาอย่างเงียบ ๆ
เขาไม่เต็มใจที่จะร่วมทีมกับคนเหล่านี้ ซึ่งนอกจากจะเปิดโปงไพ่ตายของเขาแล้ว ยังทำให้ความก้าวหน้าของเขาช้าลงอีกด้วย
ไม่นานก็เดินไปที่ซากงูและเริ่มสกัด...
[สกัดสำเร็จ! ได้รับค่าพลังงาน 2 แต้ม]
พลังงานอีกแล้ว!
ชินเฟิงรู้สึกยินดี
ด้วยวิธีนี้สัตว์ร้ายเลเวล 1 ของที่ราบมือใหม่ถูกสกัดโดยเขาทั้งหมดและไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก
จากนั้นเขาก็เดินไปป่าเพื่อต้องการไปยังพื้นที่ใหม่
ไม่นานหลังจากที่ชินเฟิงจากไปเสียงร้องด้วยความตกใจของเล่ยเจี่ยและคนอื่นๆ ก็ดังขึ้นในอีกด้านหนึ่ง
ตอนนี้ในที่ราบอีกด้าน.
เล่ยเจี่ยและคนอื่น ๆ เห็นซากของงูยักษ์ที่ชินเฟิงผ่าท้องพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ที่นี่มีกลิ่นเลือดรุนแรงอวัยวะภายในของงูยักษ์ไหลไปทั่ว และมีศพมนุษย์นอนอยู่ข้างๆ นั่นคือศพของเฉินจุน
ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ดูจากคราบเลือดที่เริ่มแห้งแล้วงูยักษ์ตัวนี้ต้องตายก่อนตัวที่เราพึ่งฆ่าไปแน่ๆ"
ชายใส่แว่นชื่อฉีเจี่ยพูดขึ้น
ก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้เขาเป็นพวกที่เสพติดนิยายแนวสืบสวน
“ฉีเจี่ยหมายความว่าไง? ลุงหวังบอกว่าเจอมันพร้อมกันสองตัวงั้นมีคนที่ฆ่ามันได้ก่อนกลุ่มของเราอีกงั้นเหรอ?”
"ใช่!"
เขาพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบศพงู
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาดูตกใจ
เล่ยเจี่ยรีบถาม
"ฉีเจี่ยเป็นยังไงบ้าง?"
ชายใส่แว่นเงยหน้าขึ้น
"หัวหน้าเล่ยถ้าผมดูไม่ผิดทั้งหมดนี่ เกิดจากคนเพียงคนคนเดียวเพราะรอบๆนี้มีเพียงรอยเท้าเดียวเท่านั้นแถมดูจากแผลของมันแล้วมันถูกฟันเข้าไปลึกกว่าเจ็ดนิ้วและภายในครั้งเดียวอีกต่างหาก!"
เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็เก็บความตกใจไว้ไม่ได้
"ฆ่ามันในครั้งเดียวเนี่ยนะจะเป็นไปได้ยังไง!"
"เกล็ดของมันแข็งมากเลยนะถ้าไม่ฟันเป็นสิบๆครั้งก็ทำลายไม่ได้หรอก"
"ถ้าเป็นเรื่องจริงคนที่ทำมันได้ต้องแข็งแกร่งมาก"
เล่ยเจี่ยหายใจเข้าลึก
"ในดาบเดียว.."
"ต่อให้ฉันที่เป็นเลเวล 2 แล้วถ้าให้สู้กับมันหนึ่งต่อหนึ่งฉันคงจะไม่รอดด้วยซ้ำ"
"คนที่ทำมันเป็นไปได้ไหมว่าเขามีเลเวล 3 แล้ว"
"แถมยังด้วยตัวคนเดียว.."
หลิวหยุนเงยหน้าขึ้น
"คนคนเดียว..เป็นไปได้ไหมว่าคนคนนั้นคือชินเฟิง?"
หลังจากพูดจบควงามเงียบก็เกิดขึ้น
"ใช่แล้วเขาเองก็มาจากทางนี้!"
ความจริงเหล่านี้ทำให้คนทั้งกลุ่มรู้สึกขนลุก