ตอนที่แล้วบทที่ 8 ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 หีบสมบัติและรางวัล

บทที่ 9 ความแข็งแกร่งของคนหนึ่งคน


บทที่ 9 ความแข็งแกร่งของคนหนึ่งคน

ในเวลานี้ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

"สุดยอดไปเลยหัวหน้าเล่ย! แบบนี้พวกเราต้องแก้แค้นให้เฉินจุนได้แน่ๆ"

"หืม? เกิดอะไรขึ้นกับเฉินจุนงั้นเหรอ?"

"คือตอนนั้นพวกเราไปเจอกับงูนั่นสิงตัวพร้อมกัน.."

"พวกเราตัดสินใจจะถอยแต่เพราะเฉินจุนวิ่งช้าเขาเลยถูกงูนั่นกลืนลงไป.."

"ยังดีที่ความสามารถของผมคือการเสริมความเร็วเลยล่อมันมาที่นี่ตัวนึงได้"

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลายคนก็เริ่มหวาดกลัว

เล่ยเจี่ยฟังอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง

ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ เขาได้แสดงความสามารถในฐานะผู้นำออกมาอย่างแท้จริงในกลุ่มผู้ท้าชิงเหล่านี้และทั้งกลุ่มก็นับถือเขาในฐานะหัวหน้า

แม้ว่าบางคนจะอายุมากกว่าเขากว่าสิบปีก็ต้องเรียกเขาว่า "หัวหน้าเล่ย"

"ไปกันเถอะ! ไปล้างแค้นให้เฉินจุนกัน! ลุงหวังนำทางไป!"

เล่ยเจี่ยพูดออกมา

"หัวหน้าเล่ยทางนี้เลย!"

ลุงหวังรีบเดินนำทางไปอย่างเร่งรีบ

ทั้งกลุ่มกำลังมาทางที่ชินเฟิงซ่อนอยู่

เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง

เขาเคยฆ่างูพิษเก้าวงแหวนมาก่อนตัวนึงและคนที่อยู่ในท้องของมันน่าจะเป็นเฉินจิน

ในขณะนี้เล่ยเจี่ยและพรรคพวกของเขาเข้ามาใกล้ขึ้น

ชินเฟิงกลั้นหายใจหมอบอยู่ในพุ่มไม้เพื่อซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง

เขาต้องการรอให้คนเหล่านี้ออกไปก่อนเขาถึงจะไปสกัดซากของงูพิษเก้าวงแหวน

แต่เมื่อกลุ่มของพวกเขาผ่านที่ซ่อนของชินเฟิงสาวสวยผมสีน้ำตาลอ่อนสัมผัสได้ถึงบางอย่างและทันใดนั้นเธอก็หันไปมองยังที่ซ่อนของชินเฟิง

"นั่นใครน่ะ!"

เธอมีชื่อว่า"หลิวหยุน"ตอนนี้ธนูของเธอถูกชี้ไปยังตำปน่งที่ซ่อนของเขาด้วยความระมัดระวัง

ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเสริมการได้ยิน

ระยะห่างของพวกเขาอยู่ที่ประมาณสิบเมตรแต่เธอก็ยังได้ยินเสียงหัวใจของเขา

การกระทำอย่างกระทันหันของเธอทำให้คนที่เหลือรู้สึกตกใจไปด้วย

"ออกมาเดี๋ยวนี้!"

ทุกคนระวังตัวมากขึ้น

ในโลกที่อันตรายแห่งนี้ไม่มีใครกล้าประมาท

ในพุ่มไม้ ฉินเฟิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และต้องลุกขึ้นอย่างเศร้าใจ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลแต่อย่างใด

แม้ว่าเล่ยเจี่ยและทั้งเจ็ดคนจะเข้ามาโจมตีเขาพร้อมกัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี

"น-นายคือ..!"

หลิวหยุนมองไปที่ชินเฟิงโดยไม่คาดคิด ราวกับว่าเธอรู้จักเขา

ชินเฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย

เขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน

"หลิวหยุนเธอรู้จักเขาเหรอ?"

ลุงหวังชายวัยกลางคนถามเธอ

หลิวหยุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเธอก็ตั้งสติขึ้นมาได้ใบหน้าสวยของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย

"อ..เอ่อคือฉันจำรูปเข้าได้จากช่องแชทน่ะ!"

เธอแกล้งทำเป็นตอบออกไป

เธอมองไปที่ชินเฟิงอีกครั้ง

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่"

"ใจเย็นๆฉันแค่บังเอิญผ่านมาเฉยๆ"

เขาตอบกลับไป

"ที่นี่มันอันตรายมากเลยนะทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้ พวกของเราคนนึงพึ่งจะโดนพวกสัตว์ร้ายพวกนั้นทำร้ายเอา"

ลุงหวังพยักหน้าเห็นด้วย

"นี่หัวหน้าเล่ยเพราะเราเสียเฉินจุดไปทำให้เราขาดคน ทำไมเราไม่รับเขามาเพื่อเสริมทีมของเราซะล่ะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้เล่ยเจี่ยพยักหน้าเล็กน้อย

ในตอนนี้ความต่างระหว่างความแข็งแกร่งของมนุษย์กับสัตว์ร้ายนั้นสูงมาก

ต่อให้ในเลเวลเดียวกันมนุษย์ก็ยังไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเหล่าสัตว์ร้าย การร่วมมือกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในอนาคตกองกำลังต่างๆทั้งใหญ่และเล็กจะต้องถือกำเนิดขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าเขาต้องการขยายอิทธิพลของเขา เขาจะต้องสร้างอำนาจของเขาเองและให้ผู้คนเข้ามาหาเขามากขึ้น

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เขามองไปที่ชินเฟิง

"ชินเฟิงแสดงค่าสถานะและพรสวรรค์ของคุณให้เราดูหน่อยสิ ตราบใดที่มันไม่เลวร้ายเกินไปคุณก็มากับกลุ่มของเราได้"

เล่ยเจี่ยพูดอย่างเฉยเมย น้ำเสียงของเขาสูงเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวหยุนก็ดูมีความสุข

"ชินเฟิงรีบให้หัวหน้าเล่ยดูเร็วเข้าเถอะ!"

ลุงหวังก็ช่วยพูดเสริม

"ใช่แล้วหัวหน้าเล่ยกลายเป็นเลเวล 2 แล้วด้วยนะ นายโชคดีแล้วที่ได้เข้ากลุ่มของเรา!"

หลังจากได้ยินทุกคนต่างก็ยิ้มออกมา

ในความเห็นของพวกเขาตราบใดที่ชินเฟิงได้รู้ว่าเล่ยเจี่ยกลายเป็นเลเวล 2 แล้วเขาก็จะเข้าร่วมกับพวกเขาอย่างแน่นอน

แต่ชินเฟิงเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน

"หึ..ไม่ล่ะฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่าน่ะ"

หลังจากพูดแล้วก็หันหลังเดินจากไป

คราวนี้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึงแทน

บ้าไปแล้ว!

พวกเขาได้ยินถูกต้องหรือไม่?

ผู้ชายคนนี้ปฏิเสธคำเชิญของหัวหน้าเล่ยจริงๆ

เขาไม่รู้หรือว่าบอสเล่ยไม่ได้แค่เลเวล 2 เท่านั้นแต่ยังมีพรสวรรค์ระดับ D ที่แข็งแกร่งอีกด้วย

เล่ยเชี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เขามองไปที่ด้านหลังของชอนเฟิงและรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

"ถ้าเขาไม่ต้องการเราก็อย่าไปฝืน"

เขาเองก็หันหลังและเดินจากไปเช่นกัน

ทุกคนยังพูดคุยกันเล็กน้อยและรู้สึกไม่เข้าใจสิ่งที่ชินเฟิงทำ

"อะไรของเขากันนะ"

หลิวหยุนมองไปที่ด้านหลังของชินเฟิง กระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธและจากไปพร้อมกับทุกคน...

ใช้เวลาไม่นานเล่ยเจี่ยและกลุ่มของเขาก็จากไป

เมื่อเห็นสิ่งนี้ชินเฟิงก็กลับมาอย่างเงียบ ๆ

เขาไม่เต็มใจที่จะร่วมทีมกับคนเหล่านี้ ซึ่งนอกจากจะเปิดโปงไพ่ตายของเขาแล้ว ยังทำให้ความก้าวหน้าของเขาช้าลงอีกด้วย

ไม่นานก็เดินไปที่ซากงูและเริ่มสกัด...

[สกัดสำเร็จ! ได้รับค่าพลังงาน 2 แต้ม]

พลังงานอีกแล้ว!

ชินเฟิงรู้สึกยินดี

ด้วยวิธีนี้สัตว์ร้ายเลเวล 1 ของที่ราบมือใหม่ถูกสกัดโดยเขาทั้งหมดและไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก

จากนั้นเขาก็เดินไปป่าเพื่อต้องการไปยังพื้นที่ใหม่

ไม่นานหลังจากที่ชินเฟิงจากไปเสียงร้องด้วยความตกใจของเล่ยเจี่ยและคนอื่นๆ ก็ดังขึ้นในอีกด้านหนึ่ง

ตอนนี้ในที่ราบอีกด้าน.

เล่ยเจี่ยและคนอื่น ๆ เห็นซากของงูยักษ์ที่ชินเฟิงผ่าท้องพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ที่นี่มีกลิ่นเลือดรุนแรงอวัยวะภายในของงูยักษ์ไหลไปทั่ว และมีศพมนุษย์นอนอยู่ข้างๆ นั่นคือศพของเฉินจุน

ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"ดูจากคราบเลือดที่เริ่มแห้งแล้วงูยักษ์ตัวนี้ต้องตายก่อนตัวที่เราพึ่งฆ่าไปแน่ๆ"

ชายใส่แว่นชื่อฉีเจี่ยพูดขึ้น

ก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้เขาเป็นพวกที่เสพติดนิยายแนวสืบสวน

“ฉีเจี่ยหมายความว่าไง? ลุงหวังบอกว่าเจอมันพร้อมกันสองตัวงั้นมีคนที่ฆ่ามันได้ก่อนกลุ่มของเราอีกงั้นเหรอ?”

"ใช่!"

เขาพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบศพงู

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาดูตกใจ

เล่ยเจี่ยรีบถาม

"ฉีเจี่ยเป็นยังไงบ้าง?"

ชายใส่แว่นเงยหน้าขึ้น

"หัวหน้าเล่ยถ้าผมดูไม่ผิดทั้งหมดนี่ เกิดจากคนเพียงคนคนเดียวเพราะรอบๆนี้มีเพียงรอยเท้าเดียวเท่านั้นแถมดูจากแผลของมันแล้วมันถูกฟันเข้าไปลึกกว่าเจ็ดนิ้วและภายในครั้งเดียวอีกต่างหาก!"

เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็เก็บความตกใจไว้ไม่ได้

"ฆ่ามันในครั้งเดียวเนี่ยนะจะเป็นไปได้ยังไง!"

"เกล็ดของมันแข็งมากเลยนะถ้าไม่ฟันเป็นสิบๆครั้งก็ทำลายไม่ได้หรอก"

"ถ้าเป็นเรื่องจริงคนที่ทำมันได้ต้องแข็งแกร่งมาก"

เล่ยเจี่ยหายใจเข้าลึก

"ในดาบเดียว.."

"ต่อให้ฉันที่เป็นเลเวล 2 แล้วถ้าให้สู้กับมันหนึ่งต่อหนึ่งฉันคงจะไม่รอดด้วยซ้ำ"

"คนที่ทำมันเป็นไปได้ไหมว่าเขามีเลเวล 3 แล้ว"

"แถมยังด้วยตัวคนเดียว.."

หลิวหยุนเงยหน้าขึ้น

"คนคนเดียว..เป็นไปได้ไหมว่าคนคนนั้นคือชินเฟิง?"

หลังจากพูดจบควงามเงียบก็เกิดขึ้น

"ใช่แล้วเขาเองก็มาจากทางนี้!"

ความจริงเหล่านี้ทำให้คนทั้งกลุ่มรู้สึกขนลุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด