ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 336 ทางเลือกในอนาคต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 338 หมัดปีศาจวัวขั้นสาม

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 337 อนาคตของแต่ละคน (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 337 อนาคตของแต่ละคน (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ แม้เขาจะเป็นศิษย์สำนักวรรณกรรมแต่เส้นทางหลักของเขาคือการบ่มเพาะพลังปราณร่วมกับการบ่มเพาะร่างกายซึ่งเป็นจุดเด่นของสำนักการทหาร ไม่มีอาจารย์คนใดดีไปกว่าอันเอิ้นเกาอีกแล้ว

ผลของการมีอาจารย์ที่ดีชัดเจนเหมือนเวลากลางวัน ตัวอย่างเช่นเขาอาจได้รับเคล็ดวิชามหาสมุทรไร้ขอบเขตครึ่งหลังจากอาจารย์ผู้นั้น

จากมุมมองนี้ กู่เยี่ยนหยินอาจดีกว่า ในฐานะลูกสาวเทพอินทรีย์ นางมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดรออยู่ข้างหน้า แต่หลี่ฉิงซานไม่โง่พอที่จะพูดถึงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าอันฉงจื่อ

แม้อันฉงจื่อจะกล่าวราวกับไม่ใส่ใจแต่นางก็มีความตั้งใจ ดูเหมือนนางพยายามบอกใบ้ว่าหากเขากลายเป็นลูกเขยตระกูลอัน เขาจะสามารถหยิบยืมอิทธิพลของตระกูลอัน

เขาต้องยอมรับว่าสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจเล็กน้อย และเขาก็ค่อนข้างมีความสุขกับมัน ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้หญิง มันก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยินดีเสมอ

“ขอบคุณ”

“เหตุใดต้องขอบคุณ? ข้าแค่พูด ข้าจะไม่แนะนำเจ้าให้เขารู้จัก หากเจ้าต้องการเดินไปบนเส้นทางนี้ เจ้าควรไปขอร้องท่านพ่อของข้าด้วยตนเอง” ใบหน้าของอันฉงจื่อกลายเป็นสีแดงภายใต้โคมไฟ นางคิด ‘ข้า อันฉงจื่อ ยังไม่ถึงจุดที่ต้องใช้ครอบครัวเพื่อทำให้ผู้ชายสนใจ แล้วเหตุใดข้าต้องพยายามทำให้เขาสนใจ? เขามีสิ่งใดน่าประทับใจ!’

เขามีความกล้าหาญที่จะทำสิ่งที่เขาต้องการ เขามีความมุ่งมั่นและมีวินัยยิ่งกว่าศิษย์สำนักการทหาร เขาไม่ได้ตำหนิความดื้อรั้นของนาง และเมื่อถึงเวลาสำคัญ เขายังยืนหยัดเพื่อนาง เผชิญหน้ากับความตายโดยไม่เกรงกลัว

ชั่วขณะหนึ่ง นางเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สูญเสียความสงบ อย่างไรก็ตามเขายังนิ่งเงียบซึ่งทำให้นางอยากหักคอเขาและอยากรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด

หลี่ฉิงซานไม่ใช่ปราชญ์แห่งความรัก แต่เขาก็ยังรู้ว่าการใช้เวลาร่วมกันและพูดคุยกันในเวลากลางคืนไม่ใช่เรื่องง่าย

ความงามภายใต้แสงประทีปมีเสน่ห์มาก ดังนั้นเขาจึงจับมือของอันฉงจื่อและกล่าวเบาๆว่า “ศิษย์พี่อัน”

อันฉงจื่อตัวสั่น แต่นางไม่ได้ชักมือกลับ นางถามขณะพยายามทำเหมือนทุกอย่างปกติดี “ว่าอย่างไร?”

หลี่ฉิงซานคิด ‘ข้าคิดว่าข้าจะก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยแม้ข้าจะยังไม่บรรลุขั้นเก้า’

ทั้งคู่ถือว่าสิ่งที่พวกเขาพูดในอดีตเป็นเพียงเรื่องตลก แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีช่วงเวลาที่มันจะเป็นจริง

อันฉงจื่อกัดริมฝีปากและมองเขา นางรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน แต่นางไม่เคยปกปิดความคิดของนางได้ ดังนั้นความยินดีจึงแสดงออกมาโดยธรรมชาติ

หลี่ฉิงซานโอบแขนรอบเอวของนางขณะที่เงาของทั้งสองพาดผ่านผนังและผสานเป็นหนึ่งเดียว

เช่นเดียวกับครั้งก่อน อันฉงจื่อดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขาและตะโกน “หากเจ้ามีสิ่งใดก็พูดมา จะแตะตัวข้าเพื่อสิ่งใด?” อย่างไรก็ตามนางไม่รู้สึกหงุดหงิด ในความเป็นจริงใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงไปหมดแล้ว

“ข้า...ข้าขอตัวก่อน!” อันฉงจื่อรีบร้อนหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลี่ฉิงซานนอนลงบนพื้นไม่ไผ่และเผยรอยยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ “น่าสนใจ” บางทีอีกไม่นานอาจมีผู้หญิงมาช่วยอุ่นเตียงให้เขาในที่พำนักอันต่ำต้อยนี้

หิมะโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำ เขาก็นึกถึงพี่วัวอีกครั้ง เขาไม่มีวันลืมผู้มีพระคุณของเขา หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากพี่วัว เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

กว่าจะรู้ตัวมันก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะอายุครบสิบแปด เขาจะเปลี่ยนจากเด็กผู้ชายเป็นผู้ชายที่แท้จริง

อนาคตเป็นสิ่งที่เขาต้องพิจารณา การเลือกอาจารย์หมายความว่าจะมีช่วงเวลาที่เขาจะต้องแยกจากเสี่ยวอันหรือไม่ ท้ายที่สุดมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะบวชเป็นพระ แต่เขาก็ไม่ต้องการขัดขวางการพัฒนาของเสี่ยวอันเช่นกัน

บ่อยครั้งที่สาเหตุของการแยกทางไม่ได้มาจากแรงกดดันหรืออุปสรรคมากมาย มันเกิดขึ้นเพราะเป้าหมายที่แตกต่างกัน เขามีความลับที่ต้องปกปิด ทุกเรื่องเพียงพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งเป็นลมหมดสติซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาต้องคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องทำคือทำตามหัวใจและก้าวไปข้างหน้า!

กลางดึก งานประชุมธรรมยังดำเนินต่อไป

นักบวชเหล่านี้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจริงจังกับทุกสิ่งที่พวกเขาพูด ขณะเดียวกันสายตาของพวกเขาก็สอดส่องไปรอบๆราวกับคนอื่นเป็นศัตรูของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงต่อสู้ในการปาฐกถาธรรมแต่ยังต่อสู้เพื่ออัจฉริยะที่จะปรากฏขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบหลายร้อยปีอีกด้วย

พวกเขาเชื่อว่าการมีอยู่ของเสี่ยวอันจะสามารถกำหนดชะตากรรมของวัดหรือนิกาย

การสนทนาธรรมของพวกเขายังดำเนินต่อไปแม้บรรยากาศจะค่อนข้างแปลกประหลาดก็ตาม

เป็นเพียงเวลานี้ที่ชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นหน้าห้องโถง เส้นผมและเคราสีเทาของเขายาวลงมาปกคลุมใบหน้า ดวงตาของเขาหมองคล้ำ ใบหน้าดูมึนงง หากไม่ใช่เพราะชุดนักบวช คงไม่มีมีผู้ใดคิดว่าคนผู้นี้เป็นพระ

นักบวชรวมจิตเผยรอยยิ้มและก้มศีรษะลง “ท่านอาจารย์!” จดหมายเร่งด่วนที่เขียนไม่ได้สูญเปล่า แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตรแต่อาจารย์ของเขาก็รีบมาที่นี่จริงๆ

นักบวชทั้งหมดรีบทำความเคารพ อาจารย์ของนักบวชรวมจิตคือปรมาจารย์แสงธรรม เขาเก็บตัวอยู่ในวัดมาหลายสิบปี เหตุใดเขาจึงมาที่นี่?

อย่างไรก็ตามชายชราที่นักบวชรวมจิตเรียกว่าอาจารย์กลับเพิกเฉยต่อเขาอย่างสิ้นเชิง เขาเดินเข้าไปหาเสี่ยวอันโดยตรง

เสี่ยวอันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของทั้งสองประสานกัน ทันใดนั้นดวงตาของนักบวชชราก็ส่องแสงขึ้นจนกลบแสงตะเกียงในห้องโถงทั้งหมด พวกมันเหมือนเป็นดวงอาทิตย์สองดวง

นักบวชชรากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้ายินดีไปวัดเทวนาคากับข้าหรือไม่?”

ความหวังของนักบวชคนอื่นๆพังทลายลงทันที วัดเทวนาคาเป็นนิกายทางพุทธศาสนาขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลชิงโจว ในฐานะเจ้าอาวาท ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งหรือปฏิเสธคำเชิญของตัวตนเช่นนี้

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านักบวชรวมจิตจะลงมืออย่างหนักเมื่อเขาโจมตี

ในความเป็นจริงกระทั่งนักบวชรวมจิตก็ไม่เคยคาดคิดว่าอาจารย์ของเขาจะออกจากวัดเทวนาคามาด้วยเหตุนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน เดิมทีเขาวางแผนที่จะพานางไปวัดเทวนาคาเพื่อพบอาจารย์ของเขาหลังจากนางก้าวเข้าสู่ขอบเขตผู้ฝึกตนก่อกำเนิด

นอกจากนี้เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอาจารย์ของเขาจะไม่ทำการทดสอบใดๆกับเสี่ยวอันและเชิญนางไปที่วัดเทวนาคาเพื่อฝึกฝนทันที

ห้องโถงหรืออาจทั้งเกาะกลายเป็นเงียบสงัดขณะเฝ้ารอคำตอบจากนาง

ไม่มีข้อสงสัยในคำตอบของนาง วัดเทวนาคาจะได้รับอัจฉริยะระดับสูงสุดอีกคน และอีกไม่นานอิทธิพลและอำนาจของวัดเทวนาคาก็จะยิ่งแข็งแกร่งจนไม่สามารถสั่นคลอน