ตอนที่แล้วบทที่ 24
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26

บทที่ 25


บทที่ 25

สวี่ล่าย เริ่มย่อค่ายกลสุดยอดไฟผลาญ ปลดปล่อยพลังจิตออกมา และในที่สุดมันก็กลายเป็นค่ายกลสีแดงขนาดเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือ

จากนั้น เขาใช้มีดสลักผนึกกำราบค่ายกลสุดยอดไฟผลาญลงในหินประสานค่ายกลที่ว่างเปล่า

อย่างไรก็ตาม...

หึ่ง หึ่ง!

ก่อนที่อักขระยันต์แรกจะถูกผนึกเสร็จ ค่ายกลทั้งหมดกลับเริ่มไม่เสถียร

“เอ๊ะ? สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?” สวี่ล่ายตกใจมาก หยุดงานสลักอย่างรวดเร็ว ใช้พลังจิตเข้ากำราบมิติที่ไม่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม ยิ่งกำราบให้พวกมันเกาะตัวมันมากเท่าไหร่ มิติก็ยิ่งไม่เสถียรมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ค่ายกลสุดยอดไฟผลาญหลุดการควบคุมได้

เฮ้ย?!ท่าไม่ดีแล้ว! มันกำลังจะระเบิด!”

บรึ้ม——!

เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า บ้านของสวี่ล่ายตกอยู่ในทะเลเพลิงทันที อีกทั้งคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ยังทำลายบ้านเจ็ดหรือแปดหลังที่อยู่รอบๆ

หวืออออ!

ปรากฏเงาดำทะมึนกระโดดออกมาจากเปลวเพลิงอย่างทุลักทุเล

“แค่กแค่ก อันตรายจริงๆ” ใบหน้าของสวี่ล่ายไหม้เกรียมเป็นสีดำ มองดูบ้านที่กำลังไหม้อย่างโง่เขลา

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“ศัตรูโจมตี?”

“ปกป้องนายน้อย!”

องครักษ์ ของตระกูลสวี่รีบวิ่งมา ปกป้องล้อมสวี่ล่ายเอาไว้

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่อุบัติเหตุ รีบไปดับไฟก่อน” สวี่ล่ายสั่งให้คนดับไฟ อธิบายสั้นๆว่าเขากำลังฝึกตนและบังเอิญจุดไฟเผาบ้าน

สวี่หู และคนอื่นๆ อ้าปากกว้าง แต่ละคนสีหน้าตกใจ มองสวี่ล่ายอย่างโง่เขลา

“เป็นอย่างที่คิด นายน้อยช่างทรงพลังจริงๆ”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

“นายน้อยพูดถูกทุกประการ!”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกประจบได้แล้ว ข้าต้องการหาสถานที่สะอาดๆในการฝึกตน  พวกเจ้ามีที่ไหนแนะนำบ้าง?” สวี่ล่ายขัดจังหวะสวี่เปา และหน้าม้าคนอื่นๆ

“สถานที่สะอาดๆ ...... มีอยู่ที่นึง” จู่ๆ สวี่เปียวก็จำได้ว่ามีซากปรักหักพังอยู่ข้างหลัง คฤหาสน์ตระกูลสวี่ ที่นั่นเคยเป็นสถานที่ไว้สำหรับเหล่าพี่น้องใช้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้

“เร็ว พาข้าไปที่นั่น”

“ขอรับนายน้อย!”

สวี่ล่ายรีบตามสวี่หูและคนอื่นๆ แล้วจากไป ทิ้งให้องครักษ์และลูกหลานของตระกูลสวี่ ไว้ที่นี่เพื่อดับไฟ เหตุการณ์นี้เกิดจากอุบัติเหตุในการฝึกของนายน้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก

สวี่ล่ายติดตามสวี่หู และคนอื่นๆมาถึงซากปรักหักพังด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลสวี่  พื้นที่นี้ไม่เล็ก ครอบคลุมอย่างน้อย 20 ถึง 30 ไร่ บ้านส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้หรือพังทลายไปนานแล้ว เป็นสถานที่ที่คล้ายผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานนับพันปี

“สวี่หู สถานที่นี้มันอะไร ทำไมข้าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน”สวี่ล่ายมองไปรอบๆ ครู่หนึ่ง แต่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมันเลย

“เรียนนายน้อย ข้าได้ยินจากคนรุ่นเก่าของตระกูลสวี่ ที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลอื่น แต่หลังจากที่ตระกูลสวี่ย้ายเข้ามา พวกเขาก็ขับไล่ตระกูลนั้นออกจากเมืองหรันเถียน แล้วสร้างตระกูลสวี่ขึ้นมาแทนที่”

“อนิจจา ......”สวี่ล่ายถอนหายใจเบาๆ ในโลกนี้ที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการเคารพ ชะตากรรมสุดท้ายของตระกูลที่อ่อนแอ เกือบทุกตระกูลแทบจะเหมือนกัน

“นายน้อย ข้างหน้าคือที่ที่เหล่าพี่น้องมักใช้ฝึกศิลปะการต่อสู้กัน” สวี่หูชี้ไปที่กระท่อมไม้สีเทาขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกล

“อืม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปลีกวิเวกที่นั่น  แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย พวกเจ้าห้ามเข้ามาใกล้ในระยะร้อยอิงฉื่อขณะข้ากำลังเก็บตัว”

ตอนการประสานค่ายกลล้มเหลวและเกิดระเบิด โชคดีที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ มิฉะนั้นความเสียหายจะมหาศาลมาก

“ขอรับนายน้อย”

“อืม ข้าต้องเก็บตัวเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญอย่ารบกวน” สวี่ล่ายพูดจบ ก็เข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กอย่างรวดเร็ว เตรียมหลอมหินประสานค่ายกลต่อ

สวี่หู และคนอื่น ๆ เรียกหน่วยอารักขาทั้งหมดให้ผลัดกันลาดตระเวน 3 ผลัด หมุนเวียนกันเฝ้าตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาก่อกวนสวี่ล่าย

ทันทีที่สวี่ล่ายเข้ามาในกระท่อม เขาบดขยี้ค่ายกลหล่อเลี้ยงปราณที่สร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ จากนั้นเขาก็นั่งไขว่ห้างและเริ่มฟื้นฟูราณบริสุทธิ์ในร่างกาย

ติ๊ง!

ค่ายกลสีฟ้าครามเริ่มขยายขนาด สวี่ล่ายนั่งลงภายในค่ายกลหล่อเลี้ยงปราณ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในค่ายกลนี้ ปราณบริสุทธิ์กำลังกลับคืนมาอย่างช้าๆ

หลังจากใช้เวลานานพอสมควร สวี่ล่ายค่อยๆลืมตาขึ้น ปล่อยลมหายใจขุ่นมัวออกมา

“ฮู้ว ในที่สุดก็ฟื้นตัว ไม่นึกเลยว่าพลังของค่ายกลสุดยอดไฟผลาญจะทรงพลังขนาดนี้” สวี่ล่ายยังคงมีอาการใจสั่น ถ้าตอนนั้นเขาไม่วิ่งเร็วพอ เกรงว่าจะไม่โชคดีอย่างนี้

“ดีล่ะ มาลองดูใหม่อีกครั้ง” มุมปากของสวี่ล่ายโค้งขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขามั่นใจมากว่าสามารถประสานค่ายกลสุดยอดไฟผลาญลงในหิน

...

หนึ่งเดือนต่อมา

ป้าง!

ประตูกระท่อมไม้หลังเล็กเปิดออก สวี่ล่ายเดินออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“คารวะนายน้อย!”

“คารวะนายน้อย!”

ทันทีที่หน่วยอารักขารอบด้านเห็นสวี่ล่ายก้าวออกมา พวกเขารีบวิ่งมาทำความเคารพจากระยะไกล

“นายน้อย ท่านจะออกจากปิดด่านฝึกตนแล้วหรือ?” สวี่เปาวิ่งมาด้วยความกระตือรือร้น อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเข้าใกล้ร่างของสวี่ล่าย กลับถูกแรงที่มองไม่เห็นตีกลับ

“อ๊อก~! นายน้อย! นานแค่ไหนแล้วที่ท่านไม่ได้อาบน้ำ......” สวี่เปาทางหนึ่งบีบจมูก อีกทางชักฝีเท้าถอยอย่างไว

“เอ๋?” สวี่ล่ายอึ้ง จากนั้นลองดมกลิ่นเสื้อผ้าตัวเอง และพบว่ามันมีกลิ่นคาวเปรี้ยวจางๆโชยออกมาจริงๆ

“คิกคิก...”

“ฮี่ ฮี่​...”

รุ่นเยาว์หญิงหลายคนเม้มปากหัวเราะ  อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นสายตาอันเข้มงวดของสวี่หูที่จ้องมองมา ก็กลัวมากจนรีบปิดปาก

“เอาล่ะ ข้าจะไปอาบน้ำก่อน แล้วจะกลับมาตรวจผลการฝึกฝนของพวกเจ้าในเดือนนี้” สวี่ล่ายพูดจบ ก็รีบวิ่งไปยังที่พักตัวเอง

อย่างไรก็ตาม...

“โว้ว!? มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?”

สวี่ล่ายเพิ่งนึกขึ้นได้ ไม่นานมานี้เนื่องจากการหลอมหินประสานค่ายกลล้มเหลว เลยกลายเป็นเผาบ้านตัวเอง แต่ตอนนี้...

“เฮะ เฮ่ นายน้อย ระหว่างที่ท่านปลีกวิเวก ท่านประมุขได้จ้างคนมาสร้างให้มันกลับเป็นเหมือนเดิม แถมยังสร้างบ้านใหม่ให้ท่านอีกหลายหลัง ท่านลองตรวจสอบดูว่าเหมือนเดิมหรือไม่?” สวี่เปียวด้านข้างรายงานด้วยรอยยิ้ม

“อืม ไม่เลว ไม่เลว ยังไงก็เถอะ ไปเรียกคนมาต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อย ข้าอยากอาบน้ำ”สวี่ล่ายยิ้ม คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการปฏิบัติดีๆเช่นนี้

สวี่ล่ายรู้สึกว่าตนได้รับประโยชน์จากตระกูลมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นาน  สวี่ล่ายอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วแอบออกไปทางประตูเล็ก รีบเดินทางไปยังพันธมิตรการค้าว่านตง

ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนนี้ สวี่ล่ายใช้วัสดุทั้งหมดที่สามารถใช้ได้หมดแล้ว และโชคดีมากๆ ที่ผลลัพธ์มันชัดเจน

เขาสามารถหลอมค่ายกลหล่อเลี้ยงปราณถึง 17 ก้อน! และยังมีค่ายกลสุดยอดไฟผลาญ , ค่ายกลป้องกันทองจรัส , ค่ายกลเยือกแข็ง , ค่ายกลไฟโลกา อีกอย่างละ 10 ก้อน นอกจากนี้ยังมีค่ายกลคุกปฐพี , ค่ายกลภาพหลอน , ค่ายกลไผ่เขียว และค่ายกลอื่นๆอีกสามสี่อย่าง แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดที่สวี่ล่ายหลอมได้คือค่ายกลรวมวิญญาณ 2 ก้อน!

ค่ายกลรวมวิญญาณ มันคือค่ายกลสนับสนุนขั้น 2 คุณสมบัติหลักๆก็คือ ช่วยรวบรวมปราณวิญญาณรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ฝึกตนดูดซับได้ง่ายขึ้น

ซึ่งแค่อยู่ในรูปแบบค่ายกลก็สร้างได้ยากมากแล้ว และยิ่งอยู่ในรูปแบบหินประสานค่ายกลยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะปัญหาด้านการหลอมเป็นอะไรที่ลำบากลำบนมาก แต่คุณสมบัติที่ดีที่สุดของมันคือเมื่อนักบู๊ทะลวงคอขวด มันสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการยกระดับได้ และค่ายกลนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับเม็ดโอสถสนับสนุนบางชนิด ช่วยให้ผลัลพธ์ของมันดีขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม วัสดุที่ใช้สร้างค่ายกลนี้ล้ำค่านัก โดยปกติยากที่จะรวบรวม ดังนั้นพบเจอได้ยากมากตามท้องตลาด มันจึงอยู่ในสถานะที่เกือบจะประเมินค่ามิได้

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ในป่าหมอก สวี่ล่ายค้นพบวัสดุพิเศษมาไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้การนำพวกมันมาหลอมซักสองก้อนจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร

“เถ้าแก่ เถ้าแก่ รีบนำชาเฉียนหลิงฉูมาให้ข้าเร็วๆ”  ทันทีที่สวี่ล่ายเข้าประตู เขาก็ร้องเรียกขอดื่มชา

“โฮะ โฮ่ ที่แท้ก็เป็นนายน้อยสวี่ เชิญเข้ามา เชิญเข้ามาข้างในก่อน”

เมื่อม่านประตูถูกยกขึ้น เถ้าแก่อู๋เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เถ้าแก่ อย่ามัวชักช้า นำชาเฉียนหลิงฉูมาให้ข้าหน่อย” สวี่ล่ายทิ้งตัวบนเก้าอี้ไท่ซือ นั่งไขว่ห้างเร่งขอชาวิญญาณ

“อ๋า? นี่ท่านมาที่นี่เพียงเพื่อดื่มชาหรือ? เช่นนั้นไม่มี!” เถ้าแก่อู๋ส่ายหัวปฏิเสธโดยตรง

“ไม่มี? ได้ไงกัน? เป็นถึงเถ้าแก่แต่ดันตระหนี่ ข้าสวี่ล่ายคือนายน้อยของตระกูลสวี่เชียวนะ แล้วข้าจะมาหาเจ้าเพราะต้องการดื่มชาไม่ได้เลยหรือ? แต่เอาเถอะ วันนี้ข้ามาเพื่อทำการค้ากับพันธมิตรว่านตงของเจ้า”

ว่าจบ สวี่ล่ายก็นำหินประสานค่ายกลจำนวนหนึ่งออกจาแหวนมิติ ทั้งหมดถูกโยนลงบนโต๊ะส่งเสียง กราว กราว

“นี่......นี่คือ......?” เถ้าแก่อู๋มองลงมา เห็นเพียงหินผลึกสีต่าง ๆ สิบกว่าก้อน

หินผลึกเหล่านี้มีขนาดเท่าหัวแม่มือ ทว่าทุกก้อนเปล่งประกายด้วยรัศมีวิญญาณและอักขระยันต์แวววาว ทั้งยังมีค่ายกลเล็กๆซ่อนอยู่ในภายผลึก กำลังหมุนวนช้าๆ

“ไอ้หยา! นายน้อย! นี่ท่าน ... ไปเอาหินประสานค่ายกลมากมายเช่นนี้มาจากไหน?” เถ้าแก่อู๋เคยเห็นโลกกว้างมาแล้ว เพียงมองไปยังกองหินผลึกเล็กๆบนโต๊ะ ก็ระบุได้ทันทีว่ามีอะไรอยู่ในหินผลึกพวกนั้น ชัดเจนว่านี่คือหินประสานค่ายกล

“ทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนหลอมเอง เถ้าแก่อู๋ เลิกพูดเสียที ข้ากระหายชา ...”

“ว่าไงนะ? ทั้งหมดนี่......ท่านหลอมเองหมดเลย?” เเถ้าแก่อู๋ได้ยินแบบนี้ ขากรรไกรค้างเกือบร่วงกระแทกพื้น จ้องมองสวี่ล่ายด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ

“ถูกต้อง ข้าได้ทำการหลอมหินประสานค่ายกลพวกนี้มาตลอดทั้งเดือน! เอาล่ะๆ ไหนชาของข้า?” สวี่ล่ายย้อนนึกถึงชาเฉียนหลิงฉูเมื่อครั้งก่อน

“เสี่ยวหวู่! รีบไปต้มชาเฉียนหลิงฉูคุณภาพสูงมาสองกา!” ขณะนี้ เถ้าแก่อู๋กลับมาได้สติ ตะโกนออกไปที่ห้องโถงด้านหลัง จากนั้นก็วิ่งมาอยู่ข้างสวี่ล่ายด้วยใบหน้าประจบสอพลอ ค่อยๆ หยิบหินประสานค่ายกลที่อยู่บนโต๊ะด้วยมือตัวเองแล้วตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

“เรียนนายน้อยตามตรง ข้าไม่คาดหวังเลยว่าท่านจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล นี่มันดูไม่ออก สุดจะบรรยายจริงๆ”

“นั่นไม่แปลก เพราะข้าตัดสินใจเริ่มฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลเมื่อเดือนที่แล้วเอง” สวี่ล่ายเหยียดหลังอย่างเกียจคร้าน

“อะไรนะ!? เพิ่งเริ่มเมื่อเดือนที่แล้ว ...?” คราวนี้เถ้าแก่อู๋ไม่ตกใจเหมือนตอนแรก แต่กลับกลอกตาแทน

เกรงว่านายน้อยสวี่ผู้นี้จะโกหก ไม่ยินดีบอกว่าใครเป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่หลอมหินพวกนี้

“นี่เจ้าไม่เชื่อ? ข้าสร้างหินประสานค่ายกลทั้งหมดนี้ในหนึ่งเดือนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะขาดแคลนวัสดุ ข้าก็ไม่อยากออกมาซื้อข้างนอกหรอก”

“หรือ... หรือว่าครั้งก่อนที่ท่านมา ก็เพื่อรวบรวมวัสดุในการสร้างหินประสานค่ายกลให้ตัวเองจริงๆ?” เถ้าแก่อู๋ลอบประหลาดใจ ไม่คาดคิดคุณหนูเหยาจะเดาถูก

“หืม? ข้ารวบรวมวัสดุสำหรับทำหินประสานค่ายกลให้ตัวเอง? เจ้ารู้ได้ยังไง?”สวี่ล่ายตกตะลึง

“อา! เรื่องนั้น ... ก็วัสดุมากมายเช่นนี้ จากประสบการณ์หลายปีของข้า เพียงมองผ่านๆก็ดูออก ฮี่ ฮี่” เถ้าแก่อู๋พูดตะกุกตะกัก รีบตอบให้พ้นๆไป

“เอาจริงดิ? สุดยอดไปเลย!” สวี่ล่ายยกนิ้วโป้งให้ เอ่ยคำชมอย่างไม่ตระหนี่

“อย่าได้เอ่ยวาจาชื่นชมเลย ข้ามิกล้ารับ มิกล้ารับ” เถ้าแก่อู๋แอบปาดเหงื่อ

“ครั้งนี้ข้าต้องการวัตถุดิบจำนวนมาก รบกวนเจ้าตีราคาของหินประสานค่ายกลพวกนี้แล้วหักค่าใช้จายไป แต่ถ้ายังไม่พอ ...” สวี่ล่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หากไม่พอท่านสามารถแปะหนี้ได้”

“หือ? เหตุใดคราวนี้ข้าถึงสามารถแปะหนี้ได้เล่า?”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด