ตอนที่แล้วตอนที่ 295 จอมพลวิลเลียม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 297 ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์?

ตอนที่ 296 อุปกรณ์ในข้อสงสัย


ตอนที่ 296 อุปกรณ์ในข้อสงสัย

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานวิลเลียมก็ผลักประตูห้องทำงานของเลย์ตันเข้าไปด้านใน ซึ่งอีกฝ่ายกำลังนั่งรอเขาบนโซฟาอยู่แล้วและชายคนนี้ก็กำลังอ่านข้อมูลบนหน้าจออย่างตั้งใจ

บนโต๊ะมีน้ำเมเปิ้ลเชื่อม, สลัดผลไม้และกาแฟตั้งเตรียมไว้เป็นอย่างดี เหมือนกับที่เขาได้ร้องขอไว้ก่อนเดินมายังห้องนี้ทุกประการ

“สำหรับเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวหรอกนะ” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเดินไปนั่งลงบนโซฟา

“ฉันเพิ่งอ่านข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ทหารฉบับล่าสุด ดูเหมือนการต่อสู้ในทุ่งดาวแห่งความตายจะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับเอนหลังพิงโซฟา

วิลเลียมเทน้ำเมเปิ้ลเชื่อมลงบนสลัดก่อให้เกิดกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้อง

“วันนี้เราจะคุยกันเรื่องสงครามในทุ่งดาวแห่งความตายใช่ไหม?” วิลเลียมกล่าวขณะคลุกน้ำเชื่อมเข้ากับสลัด

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน พวกเรามาพูดถึงเรื่องการแข่งขันกันก่อนดีกว่า แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาคุยเรื่องทุ่งดาวแห่งความตาย” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

วิลเลียมตักสลัดที่เคลือบน้ำเชื่อมเข้าไปในปากโดยไม่คัดค้านอะไรออกมา

“น้ำเชื่อมพวกนั้นเลี่ยนจะตาย ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมนายถึงชอบกินของหวาน ๆ เหมือนกับเด็ก” เลย์ตันอดที่จะรู้สึกเลี่ยนขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้เห็นวิลเลียมกินสลัดบวกกับน้ำเมเปิ้ลเชื่อมเข้าไปเต็มคำ

“สมองเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ ซึ่งนอกเหนือจากโปรตีนแล้วสมองยังต้องการน้ำตาลไปเติมพลังเป็นจำนวนมาก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่คนชอบใช้ความคิดจะชอบกินของหวาน” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ

เลย์ตันเคยได้ยินเหตุผลนี้มาแล้วหลายครั้งและเขาก็ไม่อยากจะโต้เถียงในประเด็นนี้อีกต่อไป เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าวิลเลียมมีเหตุผลเป็นหมื่นในการกินน้ำตาล ซึ่งเขาก็ยังหาข้อโต้แย้งมาเถียงวิลเลียมในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี

“นายดูการดวลยานรบในรายการโกลเดนฟิงเกอร์ไปแล้วใช่ไหม?” เลย์ตันถามเข้าประเด็นสำคัญที่เขาต้องการจะพูดคุย

“ตอนแรกฉันก็ไม่ชอบดูการแข่งขันแบบนี้หรอกเพราะคนแข่งไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง แต่การแข่งขันในรอบนี้เกินความคาดหมายของฉันไปไกล และผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าพอใจสำหรับฉันพอสมควร” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นนายช่วยบอกเหตุผลมาหน่อยว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงชนะการต่อสู้ทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบมากขนาดนั้น” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“นายเป็นคนเสนอหัวข้อ นายก็ควรจะต้องเป็นคนพูดก่อนไม่ใช่เหรอ?” วิลเลียมโต้ตอบกลับไป

“เหตุผลสำหรับฉันนั่นก็เพราะเซี่ยเฟยใช้ระเบิดโปรตอนขนาดกลาง!!”

“ระเบิดโปรตอนจะสร้างคลื่นกระแทกที่ทรงพลังในระยะ 60 กิโลเมตร ขณะที่ยานรบในการแข่งขันรอบนี้คือยานฟริเกตรุ่นเคสเทลที่โดดเด่นเรื่องการยิงขีปนาวุธเบา”

“ถึงแม้ความเร็วและระยะการโจมตีของขีปนาวุธเบาจะไม่แย่มากนัก แต่พลังทำลายกับพลังป้องกันของขีปนาวุธเบาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และทันทีที่ขีปนาวุธพวกนี้ถูกแรงกระแทกจากระเบิดโปรตอน มันก็ทำให้ขีปนาวุธถูกจุดระเบิดก่อนที่จะได้กระทบเข้ากับเป้าหมาย”

“ในระหว่างการแข่งขันเรามักจะเห็นภาพขีปนาวุธหลายสิบลูกพุ่งเข้าปะทะยานรบของเซี่ยเฟย แต่ความเป็นจริงสิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เพราะเมื่อขีปนาวุธเข้าใกล้ยานรบในรัศมี 60 กิโลเมตร เซี่ยเฟยก็จะใช้ระเบิดโปรตอนสร้างคลื่นกระแทกเพื่อระเบิดขีปนาวุธพวกนั้นกลางอากาศแทนที่จะปะทะกับตัวยานของเขาโดยตรง”

“ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของเซี่ยเฟยแล้วและได้รับการยืนยันว่าเขาเป็นผู้ใช้พลังสายความเร็วระดับสตาร์ริเวอร์ ทำให้เขามีความเร็วในการตอบสนองเร็วกว่าคนทั่วไปมาก แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถยิงระเบิดโปรตอนออกมาได้ในช่วงเวลาที่แม่นยำมากที่สุด” เลย์ตันกล่าวอย่างมั่นใจ

“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นพวกเราไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องโต้เถียงกันในประเด็นนี้” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับพยักหน้าขณะจิ้มสลัดคำใหญ่เข้าไปภายในปาก

เลย์ตันส่ายหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะก่อนอื่นพวกเขาต้องหาความแตกต่างในมุมมองของแต่ละคนพวกเขาจึงจะเริ่มโต้เถียงกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเห็นพ้องต้องกันพวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องโต้เถียงกันในประเด็นนั้นให้เสียเวลา

หลังจากดื่มกาแฟเข้าไปแล้ว เลย์ตันก็เริ่มอธิบายต่อขึ้นมาว่า

“หลังจากเซี่ยเฟยถูกระดมยิงเข้ามา 2 ระลอก เขาก็ดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อรวบรวมพลังงานทั้งหมดเอาไว้ที่เกราะป้องกันพลังงานกับระเบิดโปรตอน เพราะเขาเข้าใจยานรบของตัวเองเป็นอย่างดีว่าถึงแม้เขาจะพยายามใช้ความเร็วหลบหนี แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีขีปนาวุธพวกนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงถ่ายโอนพลังงานทั้งหมดไปยังระบบป้องกันและฉวยโอกาสที่ขีปนาวุธสร้างทะเลเพลิงในการพุ่งตัวเข้าไปยังกลางดงของคู่ต่อสู้”

หลังจากเลย์ตันพูดจบเขาก็มองดูปฏิกิริยาของวิลเลียม แต่เมื่อเขาได้เห็นว่าจอมพลผมแดงยังคงเคี้ยวสลัดโดยไม่ตอบสนอง มันก็แสดงให้เห็นว่าวิลเลียมมีความคิดเช่นเดียวกันและยังไม่จำเป็นจะต้องโต้เถียงในประเด็นนี้

“ถึงตานายพูดบ้างแล้ว ฉันขอพักก่อน” เลย์ตันกล่าว

วิลเลียมพยักหน้าพร้อมกับเช็ดน้ำเชื่อมที่เลอะปากและดื่มกาแฟเพื่อล้างคอ

“เหตุผลที่ขีปนาวุธของเซี่ยเฟยสามารถทำลายยานรบของข้าศึกได้ทุก ๆ 2 ระลอก นั่นก็เพราะว่าเขาใช้ระบบล็อกเป้าหมายในระหว่างการจู่โจม นอกจากนี้เขายังทำการดัดแปลงระบบล็อกเป้าหมายบนยานรบของเขาอีกด้วย ไม่อย่างนั้นขีปนาวุธเพียงแค่ 8 ลูกย่อมไม่สามารถทำลายยานรบรุ่นเคสเทลลงไปแบบนั้นได้”

“ฉันเดาว่าเขาน่าจะติดตั้งอุปกรณ์ระบุตำแหน่งสัญญาณบนระบบล็อกเป้าหมาย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มรัศมีในการหาสัญญาณฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่มันยังช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับขีปนาวุธที่เขาทำการโจมตีออกไปอีกด้วย มันจึงทำให้ขีปนาวุธของเขาโจมตีเข้าเป้าสำคัญอย่างแม่นยำในทุก ๆ ครั้งและสามารถทำลายยานรบของคู่ต่อสู้ลงไปได้อย่างรวดเร็ว”

“ฉันเห็นด้วย พูดต่อเลย” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ฉันว่าเราพูดเรื่องนี้ไปมันก็เสียเวลา พวกเรามาเข้าประเด็นหลักกันเลยดีกว่าจะได้เริ่มโต้เถียงกันสักที” วิลเลียมกล่าว

เลย์ตันพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นนั่งอย่างจริงจัง

“นายเห็นใช่ไหมว่าเซี่ยเฟยได้ทำลายยานกู้ชีพในช่วงท้ายของการแข่งขัน?” วิลเลียมกล่าว

“อือ”

“ฉันคิดว่าเซี่ยเฟยตั้งใจทำลายยานกู้ชีพของศัตรู เพียงแต่เขาพยายามทำให้คนอื่นเห็นว่ายานรบของเขาเสียการควบคุมจนทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นมา” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย

“นายก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเหรอ? ฉันสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าเซี่ยเฟยจงใจไม่จู่โจมเข้าใส่ยานรบหมายเลข 11079 ทั้ง ๆ ที่ยานลำนั้นอยู่ในจุดที่เหมาะสมสำหรับการจู่โจมมากที่สุด หากพิจารณาจากทักษะการขับยานของเขาที่ค่อนข้างดี เขาย่อมสามารถคำนวณให้ยานรบพุ่งเข้าชนยานกู้ชีพของศัตรูได้อย่างแน่นอน” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับตบต้นขาของตัวเองอย่างแรง

ทันทีที่คำพูดออกจากปากเลย์ตันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงคิดเหมือนกันหรือว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันมานานเกินไป?

“ถึงตานายแล้ว” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาอย่างผิดหวังเล็กน้อยเช่นกัน เพราะตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้โต้เถียงกับเลย์ตันในประเด็นนี้เสียอีก

หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วซึ่งในปัจจุบันทั้งวิลเลียมและเลย์ตันต่างก็ตกอยู่ในอาการหดหู่ใจ เพราะหากเป็นยามปกติพวกเขาก็คงจะโต้เถียงกันเสียงดัง แต่ในวันนี้พวกเขากลับคิดเห็นไปในทางเดียวกันอย่างน่าแปลกใจ

“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ นี่พวกเราไม่มีประเด็นที่เห็นต่างในเรื่องของเซี่ยเฟยเลยเหรอ?” เลย์ตันกล่าวอย่างท้อใจ

“แต่สิ่งที่ฉันกำลังแปลกใจคือทำไมเกราะพลังงานของเซี่ยเฟยถึงทนได้นานขนาดนั้น เพราะถ้าหากว่าเกราะพลังงานของเขาสลายไป คนพวกนั้นก็คงจะสามารถเอาชนะเซี่ยเฟยได้อย่างง่ายดาย” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาอย่างสงสัย

“ฉันก็คิดเหมือนกันว่าเกราะของเขาแปลกจริง ๆ ปกติเกราะของยานรบจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานกว่านี้ แต่เกราะพลังงานของเขากลับฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว” เลย์ตันกล่าวอย่างเห็นด้วย

“หรือว่าเขาจะติดตั้งอุปกรณ์พิเศษอะไรบางอย่างเอาไว้บนยานรบ?” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“มีโอกาสเป็นไปได้ เท่าที่ฉันคำนวณเกราะพลังงานของเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เร็วกว่ายานลำอื่นประมาณ 70- 80% ซึ่งถ้าหากว่าเขาไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ มันก็ไม่มีทางที่เกราะพลังงานของเขาจะสามารถฟื้นฟูพลังงานกลับมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นแน่นอน” เลย์ตันกล่าวอย่างจริงจัง

แม้ว่าจอมพลทั้งสองคนจะไม่สามารถหาประเด็นเห็นต่างให้พวกเขาโต้เถียงกันได้ แต่คำถามในเรื่องนี้กลับเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจของทั้งสองคน จนทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดเนื่องมาจากไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามของตัวเองได้

“หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลงทางสมาคมจะประกาศชิ้นส่วนอะไหล่ที่พวกเขาแต่ละคนได้เลือกใช้ในระหว่างการแข่งขันอยู่แล้ว ในตอนนั้นพวกเราก็จะรู้เองว่าเซี่ยเฟยใช้อุปกรณ์พิเศษอะไร ฉันคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงจะรู้สึกสงสัยแบบพวกเราด้วยเหมือนกัน” วิลเลียมกล่าว

“อีกกี่วัน?” เลย์ตันถาม

“ถ้าตามปกติก็น่าจะประมาณ 6 วัน แต่หลังจากอุบัติเหตุที่มีผู้เข้าแข่งขันเสียชีวิตเวลาก็น่าจะถูกเลื่อนออกไปเพิ่มอีกประมาณ 3-4 วัน ถ้าจะให้พูดคร่าว ๆ ฉันก็คิดว่าพวกเราอาจจะต้องรอไปอีกประมาณ 10 วัน”

“10 วัน! มันไม่นานไปหน่อยเหรอ”

“ตอนนั้นผมไม่สามารถควบคุมยานของตัวเองได้จริง ๆ ครับ ผมจะตั้งใจเอายานรบไปชนยานกู้ชีพของคนอื่นไปทำไม ในเมื่อผมไม่ได้รู้จักกับคนขับยานลำนั้นเลยด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้า

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ดีดตัวออกมาทันทีที่ยานอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ดีดตัวออกมาหลังจากที่ยานรบได้พุ่งชนเข้ากับยานกู้ชีพของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นแล้ว?”

“ตอนนั้นผมคาดการณ์ได้แล้วว่าเส้นทางของยานรบมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ผมจึงพยายามดึงหางเสือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่น่าเสียดายที่ยานรบของผมได้รับความเสียหายอย่างหนักทำให้ผมไม่สามารถที่จะควบคุมยานรบของตัวเองได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจังราวกับว่าเขาต้องการพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะแล้วจริง ๆ

ในความเป็นจริงคณะกรรมการทุกคนต่างก็มีความสงสัยว่าเซี่ยเฟยจงใจขับยานรบพุ่งเข้าชนยานกู้ชีพของชายหัวโล้น เพียงแต่พวกเขาไม่มีหลักฐานพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะเอาผิดกับเซี่ยเฟยได้

หัวหน้าคณะกรรมการถอนหายใจออกมายาว ๆ เพราะตลอดการสืบสวนที่ผ่านมาเซี่ยเฟยสามารถตอบคำถามได้อย่างใจเย็นและไม่มีร่องรอยของการโกหกอยู่ในคำพูดของเขาเลย

“มีใครมีคำถามอื่นอีกไหม? ถ้าหากไม่มีคำถามแล้วเราจะจบการสอบสวนเพียงแค่นี้และจะประกาศผลการสอบสวนออกไปโดยเร็วที่สุด” เหนียนฟู่กวงกล่าว

กรรมการทุกคนต่างก็ส่ายหัวเป็นสัญญาณว่าพวกเขาไม่คัดค้าน เหนียนฟู่กวงจึงเรียกเซี่ยเฟยเข้าไปหาแล้วบอกกับชายหนุ่มออกไปว่า

“พวกเราได้รับจดหมายจากกองทัพว่าจอมพลต้องการจะเรียกนายไปพบ”

“จอมพล!? จอมพลอะไรครับ!!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

***************

อย่าบอกนะว่าจอมพลรอ 10 วันไม่ไหวเลยใช้อำนาจเรียกตัวพี่เฟย 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด