ตอนที่แล้วบทที่ 48 ปีศาจเงา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51-1 การสอบสวน

บทที่ 50 คนของลัทธินอกรีต


บทที่ 50 คนของลัทธินอกรีต

ติ๊ง!!!

หลังจากฆ่ามนุษย์หมาป่า ฟลินน์ยังต้องการที่จะไล่ตามคนที่เหลือที่หลบหนีไป แต่ในขณะนี้

ติ๊ง!!

สัมผัสความลึกลับ คะแนนลึกลับ +2.8

คำพูดปรากฏขึ้นและจากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาของเขา

เมื่อเห็นข้อความแจ้งของระบบ ร่างกายของเขาก็เกร็งขึ้นทันที ฟลินน์มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

นี่เป็นเพราะเขาเคยถูกปีศาจเงาซุ่มโจมตีก่อนหน้า เป็นไปได้มากว่าจะมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นซุ่มอยู่รอบๆ และพร้อมที่จะโจมตีเขา

อย่างไรก็ตามหลังจากรอประมาณครึ่งนาที ก็ยังไม่มีการโจมตีใดๆ ชายหนุ่มจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“หือ…?”

เขายังคงมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เมื่อนั้นเขาเหลือไปเห็นศพของมนุษย์หมาป่าก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

ถัดจากศพของมนุษย์หมาป่า ฟันของมันหลุดออกจากร่างตกอยู่ที่พื้น มีสีเงินส่องประกายวาววับ

ขณะที่ต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าก่อนหน้า ฟลินน์แน่ใจว่ามันไม่ได้มีฟันสีเงินเช่นนี้ แล้วมันเปลี่ยนเป็นสีเงินได้อย่างไร

‘มันปนเปื้อนพลังลึกลับงั้นเหรอ ไม่!! อาจเป็นวัตถเวทก็ได้!’ ฟลินน์คาดเดาอยู่ในใจ

พลังวิเศษเป็นหนึ่งในกฎของความเป็นอมตะ หนึ่งในกรดเด็ก 3 ข้อของพลังวิเศษ จะมีพลังวิเศษชนิดหนึ่งจะไม่ถูกทำลายแต่จะสลายและโอนย้ายไปเป็นสิ่งหนึ่งเมื่อเจ้าของเสียชีวิตเท่านั้น

เมื่อการถ่ายโอนเกิดขึ้น มันอาจปนเปื้อนพลังลึกลับและกลายเป็นวัตถุเวท ฟันหมาป่านี้มีแนวโน้มที่จะปนเปื้อนพลังลึกลับและกลายเป็นวัตถุเวท

นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เขาได้ฆ่าสัตว์ประหลาดไปแล้วสิบเอ็ดตัว และในที่สุดเขาก็โชคดีที่จะพบกับการถ่ายโอนพลังลึกลับลักษณะพิเศษที่ไม่ธรรมดา

“ดวงตาประเมิน”

เขาหยิบเขี้ยวสีเงินของมนุษย์หมาป่าขึ้นมา เปิดใช้งานดวงตาประเมิน ตาขวาของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า และการแนะนำของเขี้ยวเงินก็ปรากฏขึ้น

ประเภท: วัตถุเวท

รายการ: เขี้ยวแห่งความบ้าคลั่ง

ระดับ: ประเภทที่ 1

ความสามารถพิเศษ: หลังจากใช้มัน ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าได้ มีสมรรถภาพทางกายเหมือนมนุษย์หมาป่าความถึงการรับกลิ่น

ผลข้างเคียง: ระหว่างการใช้ มันจะสูญเสียความเป็นเหตุเป็นผลและมีพฤติกรรมคล้ายสัตว์ป่า

ผลข้างเคียงหลังจากอ่อนกำลังลง: สามารถรักษาความมีเหตุผลได้ แต่จะมีอาการหงุดหงิด โกรธง่ายและมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง

“มันเป็นวัตถุเวท!”

ฟลินน์รู้สึกยินดีเล็กน้อยที่เก็บเขี้ยวเงินซึ่งเป็นเขี้ยวแห่งความบ้าคลั่งได้เช่นกัน การปนเปื้อนพลังลึกลับและกลายเป็นวัตถุเวท อย่างหลังมีค่ามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“จัดเป็นความสามารถพิเศษที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้!”

เนื่องจากถูกขัดขวางโดยปีศาจเงาและมนุษย์หมาป่า พวกลัทธินอกรีตจึงหนีไปนานแล้ว และฟลินน์ก็ไม่แน่ใจว่าจะติดตามพวกมันอย่างไร

ตอนนี้ประสาทรับกลิ่นของมนุษย์หมาป่าซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของวัตถุเวทนี้ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับเขาอย่างมาก

ผลข้างเคียงของมันตามที่ดวงตาประเมินแจ้งก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะหงุดหงิด แต่ก็ยังสามารถรักษาสติได้และมันก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมไม่ให้ตนเองกลายเป็นสัตว์ป่า

“เขี้ยวแห่งความบ้าคลั่ง!” ฟลินน์ถือเขี้ยวแห่งความบ้าคลั่งไว้ในมือ แล้วร่างของเขาก็ค่อยเปลี่ยนๆ ไปในทันที

เส้นขนสีดำหนาปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับเลือด

กล้ามเนื้อของเขาหนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังปลิขาด

มือและเท้าของเขาเต็มไปด้วยพละกำลังและกรงเล็บแหลมคนที่งอกออกมา

รองเท้าฉีกเป็นรูเนื่องจากกรงเล็บทั้งสี่ที่งอกออกมา ผลข้างเคียงทำให้เขาหงุดหงิดและฉีกกระชากส่วนที่เหลืออย่างรุนแรง

เขาใช้จมูกดมสูดดมกลิ่น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แตกต่างจากปีศาจเงาและมนุษย์หมาป่า ฟลินน์รีบพุ่งทะยานติดตามกลิ่นนั้นไปทันที

ความเร็วของเขานั้นเร็วมากด้วยระยะหนึ่งเมตรราวกับกระโดด ตำแหน่งที่เขาเหยียบย่ำลงบนพื้น เกล็ดหิมะขาวโพลนสาดกระเซ็นขึ้นฟ้าเกิดเสียง ‘เพล้ง’

‘ใกล้สว่างแล้ว มีคนออกมาทำงานบนถนน ตราบใดที่ฉันสามารถผ่านตอกนี้และปะปนไปกลับฝูงชน ฉันก็จะสามารถสลัดหลุดการติดตามได้!’ ในตรอกแห่งหนึ่ง ชายผู้มีใบหน้าเย็นชาคือจิตวิญญาณของจิน ไวท์

ด้วยความตกใจ เขาปลดปล่อยพลังบางส่วนออกจากร่างที่เหนื่อยล้า ทำให้เขาวิ่งหนีได้เร็วมากขึ้น

ในไม่ช้าเขาก็วิ่งไปที่ทางเข้าซอยแห่งหนึ่ง จิน ไวท์เห็นผู้คนเดินผ่านไปมาบนถนนนอกทางเข้าซอย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปรับท่าทางให้ดูปกติและก้าวออกไป พร้อมที่จะกลมกลืนไปกับคนเหล่านั้นและสลัดการไล่ล่าอย่างสมบูรณ์

แต่ในขณะนี้

พลัวะ!

จากด้านหลังมีมือที่มีกรงเล็บแหลมคมปรากฏขึ้น มันกระชากลำคอของจิน ไวท์ และลากเขาเข้าไปในตรอกหลังจากที่เขาก้าวออกไปแล้ว

“อู๋ว!!!!”

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เขาตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะสลัดการไล่ล่านี้ได้ในไม่ช้า เขาไม่ต้องการถูกจับในตาสุดท้าย

คอของเขาถูกบีบแน่นจนไม่สามารถส่งเสียงได้ จิน ไวท์ดิ้นรนอย่างหนักและพยายามที่จะดึงมือที่กำลังบีบคอของเขาออก

แต่การสร้างปีศาจเงาคือศาสตร์มืดเขาฝึกฝนเพื่อการสร้างสัตว์ประหลาดเช่น ปีศาจเงา ความแข็งแกร่งของร่างกายจึงมีจำกัด แม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา แต่ก็ไม่ดีเท่าเจ้าของมือ

มือที่กำลังบีบคอของเขาแข็งปานคีมเหล็ก ไม่ว่าจิน ไวท์จะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถดึงมันออกได้

เท้าของเขาลอยสูงเหนือพื้นและถูกลากเข้าไปในส่วนลึกของตรอกซอกซอย

มือที่แข็งปานครีมเหล็กนี้กำลังลากเขาเข้าไปในส่วนลึกของตรอก ก่อนที่มันจะคลายออกเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

เจ้าของมือยกจิน ไวท์ขึ้นและเหวี่ยงเขาอย่างรุนแรง ร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศกระแทกเข้ากับกำแพงบ้านที่อยู่ติดกับตรอกอย่างรวดเร็ว

อั่ก!

เขากระอักไอออกมาเมื่อกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง กำแพงบ้านมีรอยแตกและเกือบจะพังลงมา

เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในตำแหน่งที่กระแทกเข้ากับกำแพง กระดูกของเขาอาจจะร้าว และตอนนี้เขายังรู้สึกเวียนศีรษะมากขึ้นไปอีก

จิน ไวท์พยายามเงยหน้าขึ้นมองคนที่โจมตีเขา

คนคนนี้มีกรงเล็บแหลมคมทั้งมือและเท้า ใบหน้าเต็มไปด้วยขนสีดำและดวงตาสีแดง

“มนุษย์หมาป่า... ไม่ มันไม่ใช่มนุษย์หมาป่าตัวนั้น!”

เมื่อมองแวบแรกเขาคิดว่ามันเป็นมนุษย์หมาป่าจากฝ่ายเดียวกัน ดังนั้นจิน ไวท์จึงไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์หมาป่าจึงโจมตีเขาอย่างบ้าเลือด

แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้ว่านี่ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าของพวกเขา

เพราะขนของพวกมันมีสีขาว แต่มนุษย์หมาป่าตรงหน้ามีขนสีดำ

ในสภาพที่ใช้เขี้ยวแห่งความบ้าคลั่ง อารมณ์ของฟลินน์ปั่นป่วนและหงุดหงิดอย่างมาก ในใจของเขาความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำลายล้าง

ฉันอยากเห็นเลือด ฉันอยากจะฉีกร่างของพวกลัทธิตรงหน้าคนนี้ และทรมานพวกมันจนกว่าจะตาย

โชคดีที่ตอนนี้เขายังคงมีเหตุผลและรู้ว่าคนของลัทธินอกรีตตรงหน้านี้อาจเป็นเบาะแสสำคัญที่จะเกี่ยวโยงไปถึงลัทธิเบื้องหลังของเขาได้ ไม่สามารถฆ่าได้ หรืออาจจะได้แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

ปังงง

จิน ไวท์ที่จะลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น มนุษย์หมาป่าขนสีดำก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

เท้าข้างหนึ่งของมันเหยียบลงบนร่างของจิน ไวท์ เมื่อน้ำหนักฝ่าเท้ากระแทกลงมา จิน ไวท์ก็ลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง

“แค่ก แค่ก!”

เท้าเหยียบลงบนหน้าอกของเขาอย่างแรง จิน ไวท์แทบจะหมดลมหายใจตรงนั้น เขาไอด้วยความเจ็บปวดทรมานและรู้สึกหายใจติดขัด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ

พลั้วะ

ฟลินน์รู้สึกว่าหากเขาลงมือเช่นนี้ต่อไปเจ้าคนของลัทธินอกรีตนี้จะต้องตายคาฝ่าเท้าเขาแน่นอน ดังนั้นฟลินน์จึงชักเท้าของเขากลับ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี ฟลินน์แต่เจ้าคนของลัทธินอกรีตอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เตะจนแทบทำให้จิน ไวท์ช้ำในตายคาฝ่าเท้า

ฟลินน์ย่อตัวลงและเอื้อมมือไปค้นกระเป๋าเสื้อคนของลัทธินอกรีต

ในเมื่อเขาเข้าใกล้กับคนคนนี้แล้ว ระบบแจ้งเตือนการสัมผัสกับความลึกลับและได้รับ 2.2 คะแนนลึกลับโดยไม่รู้ตัว

คนตรงหน้านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์มากกว่าสัตว์ประหลาดแต่กลับทำให้เกิดปฏิกิริยาการตอบโต้ของระบบ ก็ควรเป็นเพราะบนตัวของเขามีวัตถุเวทซ่อนอยู่

วัตถุเวทนั้นอันตราย เป็นไปได้ที่คนคนนี้จะใช้มันเพื่อหลบหนี

อย่างไรก็ตามหลังจากค้นตัวชายตรงหน้าเสร็จ ฟลินน์ก็ไม่พบอะไรนอกจากเงิน

“นายซ่อนวัตถุเวทไว้ที่ไหน” เขาถามคนของลัทธินอกรีตด้วยสายตาดุร้าย

“แค่กๆ ฉันไม่มี...วัตถุเวท” จิน ไวท์พูดพร้อมกับไอค่อกแค่กๆ

“ยังจะกล้าเล่นลิ้นอีก” เมื่อฟังน้ำเสียงกลอกกลิ้งของคนจากลัทธินอกรีตแล้ว ฟลินน์ซึ่งตอนนี้อยู่ในภาวะขาดสติอารมณ์รุนแรงของเขาประตูขึ้นอีกครั้งก่อนจะเตะเข้าที่กลางลำตัวของใช้จากลัทธินอกรีตอย่างรุนแรง

“ฉันสาบาน… ไม่มีวัตถุเวทบนตัวฉันจริงๆ”

จิน ไวท์ กล่าวอย่างเจ็บปวด เหงื่อเย็นหลั่งออกมาความหวาดกลัว

“นายยังอยากโกหกฉันอยู่ไหม” อารมณ์ของฟลินน์ลุกโชนขึ้นราวกับไฟใกล้ฟาง

เป็นไปได้ไหมว่าคำแจ้งเตือนของระบบจะมีอะไรผิดพลาด?

แม้ว่าเจ้าคนจากลัทธินอกรีตจะกลับกลอกไม่ซื่อสัตย์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความตายเขาจะกล้าโกหกอยู่อีกเหรอ

ฟลินน์พยายามรวบรวมสติในสภาพกึ่งมนุษย์หมาป่า ชายหนุ่มกระทืบลงบนขาของชายจากลัทธินอกรีตอย่างแรง

แกร่ก!

เสียงกระดูกหักดังชัด ขาของจิน ไวท์บิดผิดธรรมชาติทันที

“อ๊ากกก... ฉันไม่มีอะไรวัตถุเวทอะไรนั่นแล้วจริงๆ …” จิน ไวท์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของเขาไหลทะลักออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้

เขาไม่ได้โกหก ไม่มีวัตถุเวทบนตัวเขาเลยจริงๆ

จิน ไวท์ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมั่นใจว่ามีวัตถุเวทบนตัวเขา?

“ไม่จริงเหรอ?” ฟลินน์งุนงง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธที่จะพูดว่า เขาไม่มีวัตถุเวทบนตัวจริงๆ เหรอ?

แต่ระบบจะผิดพลาดได้อย่างไร

เขาตระหนักถึงความหงุดหงิดของตัวเอง และรู้ว่ามันคือผลข้างเคียงของเขี้ยวแห่งความบ้าคลั่ง

เพราะดวงตาประเมินวงแหวนที่สามทำให้ผลข้างเคียงเหล่านั้นอ่อนแอลง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงเสียสติและกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานจริงๆ

“ปล่อย!” ชายจากลัทธินอกรีตตรงหน้าไม่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป ฟลินน์จึงหยุดใช้เขี้ยวแห่งความบ้าคลั่ง ลักษณะของมนุษย์หมาป่าค่อยๆ หายไปเช่นเดียวกับอารมณ์รุนแรงบ้าเลือดของเขา

ในเมื่อค้นตัวชายจากลัทธินอกรีตแล้วไม่พบอะไร ฟลินน์จึงหันมาค้นตัวของเขาเองแต่ก็ไม่พบอะไรทั้งนั้น

“ไม่มีวัตถุเวท แล้วระบบตอบสนองได้อย่างไร” เขาขมวดคิ้วมองไปยังคนจากลัทธินอกรีตนอนกองอยู่กับพื้น

ตอนนี้ฟลินน์หายบ้าเลือดแล้ว เขาจึงหวนนึกถึงตอนที่เขาคบกับกาเบรียล ซอโต้คนของลัทธิเฟืองสังหารเป็นครั้งแรก ระบบก็มีปฏิกิริยาแบบนี้เช่นกัน

เดิมทีเขาคิดว่าตัวของอีกฝ่ายจะมีวัตถุเวทซ่อนอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชายตรงหน้าจะไม่มีจริงๆ

“ทำไมคนของลัทธินอกรีตถึงกระตุ้นปฏิกิริยาของระบบได้ แต่ผู้วิเศษไม่สามารถทำได้” เขาสัมผัสกับผู้วิเศษมาไม่น้อยในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร แต่ไม่มีใครที่สามารถทำให้ระบบตอบสนองได้

ด้วยเหตุนี้ฟลินน์จึงเดาว่าสิ่งที่ทำให้ระบบตอบสนองได้มีเพียงสองสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมเท่านั้นที่ทำได้ นั่นก็คือสัตว์ประหลาดและวัตถุเวท

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะคนจากลัทธินอกรีตที่สามารถใช้เวทมนตร์ก็สามารถทำให้ระบบตอบสนองได้

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะถูกแก้ไขแล้ว!”

ทันใดนั้น เสียงที่ไม่ใช่ของฟลินน์และจิน ไวท์ก็ดังขึ้นจากในตรอก

“ใคร...?” ฟลินน์หันศีรษะทันทีและมองไปในทิศทางของเสียง

เจ้าของเสียงอยู่ใกล้เขามากแต่เขาไม่รู้สึกตัว อันตรายเกินไป

โชคดีที่เจ้าของเสียงดูเหมือนจะไม่ใช่ศัตรู ไม่เช่นนั้นคงเกิดหายนะแล้ว

จากส่วนลึกของตรอก มีชายคนหนึ่งเดินออกมา

ชายคนนั้นสวมเสื้อกันลมหนาสีดำและมีผมสีน้ำตาลแสกในแนวทแยงมุม

ใบหน้าและผิวเรืองแสงสีฟ้าจางๆ อย่างผิดปกติ

เขาพูดอย่างอบอุ่นว่า

“คุณซอร์ค แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่คุณก็น่าจะจำผมได้ ผมชื่อโจนาส โอลส์สัน”

“กัปตันโอลส์สันนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฟลินน์จำชายตรงหน้าเขาได้โดยธรรมชาติ

โจนาส โอลส์สันหนึ่งในสามกัปตันของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรสาขาเมืองคอนสตัน

ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยติดต่ออีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว ไม่มีมิตรภาพและไม่มีความคับข้องใจ

“คุณพบร่องรอยของพวกลัทธิทั้งยังจับมันเป็นๆ ได้ ครั้งนี้คุณทำผลงานใหญ่แล้ว”

โจนาส โอลส์สันมองไปที่จิน ไวท์และมองฟลินน์ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“ผมแค่โชคดี” ฟลินน์กล่าว

ถ้าเขาไม่ได้รู้จากจูลี่ว่าโจนาส โอลส์สันตรงหน้าขัดขวางไม่ให้เขาได้รับเรื่องหุ่นเชิดเป็นรางวัล เขาอาจถูกรูปลักษณ์และรอยยิ้มใจดีของอีกฝ่ายหลอกเอาได้

สำหรับคนประเภทหน้าอย่างหลังอย่างก็ไม่ใช่ตัวดีอะไร จึงเป็นธรรมดาที่ฟลินน์ไม่ต้องการสนิทสนมกับคนแบบนี้

“คุณต้องการให้ผมช่วยจัดการไหม” โจนาส โอลส์สันถามอย่างเป็นกันเอง

“ครับ”

ฟลินน์รับคำ “อย่างยินดี” และจะเป็นการดีที่สุดหากอีกฝ่ายเต็มใจช่วย

เขาไม่เคยเรียนรู้การต่อสู้มาก่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมความแรง หากความแรงและทิศทางการลงมือไม่ถูกต้อง ก็มีโอกาสมากที่คนของลัทธินอกรีตจะถูกตีจนตาย

เมื่อเห็นว่าฟลินน์ตกลง โจนาส โอลส์สันก็ยื่นนิ้วชี้ออกมา

ทันใดนั้นก็มีเถาวัลย์ที่มีใบยื่นออกมาจากปลายนิ้วชี้ของเขา ปลายเถาวัลย์นั้นแหลมคนไม่ต่างจากเขี้ยวของงูพิษ

ก่อนที่จิน ไวท์จะตอบสนอง เขาก็แทงอีกฝ่ายแล้ว

จิน ไวท์ ผู้ถูกแทงไม่มีกำลังพอต่อต้าน ร่างของเขาเดินโซเซและหมดสติไป

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด