ตอนที่แล้วตอนที่ 1149 มันมีความแตกต่างแน่นอน ตราบใดที่เราพิสูจน์ได้ว่าคุณโกหก..
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1151 ลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ตอนที่ 1150 มันมีความเป็นไปได้นี้ และเธอก็ไม่เหมือนกับเรา..


ตาข่ายแห่งสวรรค์มีอยู่ทั่ว (Skynet) กฎแห่งธรรมชาติเปรียบได้เหมือนกับตาข่ายขนาดใหญ่ แม้ตะเข็บจะห่าง แต่ก็ไม่มีอะไรจะหลุดรั่วไหลออกไปได้! (1)

ประโยคนี้ในสมัยโบราณอาจเป็นคําคุณศัพท์ แต่ในเงื่อนไขทางเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน ..กลายเป็นคํานามที่เฉพาะเจาะจง

ระบบ สกายเน็ต..

กล้องวงจรปิดจํานวนนับไม่ถ้วนในเมืองได้ถูกสร้างประกอบเป็นเครือข่ายของ สกายเน็ต ตราบใดที่ผู้คนถูก สกายเน็ต สัมผัส เส้นทางการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะถูกจับโดย สกายเน็ต เว้นแต่จะเป็นสถานที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด จึงสามารถหลบหนีจาก สกายเน็ต ได้

ตอนนี้สิ่งที่แน่นอนคือ เย่ เทียนอวี่ ได้หลุดรอดจาก สกายเน็ต เหตุผลหลักๆ ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับเรือนจําหยุนเฉิง ที่อยู่ในเขตชานเมือง  ที่ตั้งยังเป็นถิ่นทุรกันดารแถวชานเมือง ทั้งยังมีหมู่บ้านขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดที่ว่า อยู่นอกเขตการครอบคลุมของ สกายเน็ต

จากการค้นหาผ่าน สกายเน็ต ไม่พบ เย่ เทียนอวี่ ปรากฏตัวในเขตเมืองหยุนเฉิง

หากต้องการติดตาม เย่ เทียนอวี่ ก็ต้องพึ่งพลังของ หลินฟาน เท่านั้น ข้อมูลเชิงลึกระดับบนสุด!

ก่อนหน้านี้ หลินฟาน ต้องใช้ สกายเน็ต เพื่อรับเส้นทางกิจกรรมของ หง จินเม่า

ในรถตํารวจคันหนึ่ง หลัว หลี่ ได้กําลังพาตัว หง จินเม่า กลับไปที่สถานีตํารวจ เธอเองได้โทรหา หลินฟาน แล้วพูดว่า : “สกายเน็ต ได้เปิดใช้งานแล้ว เส้นทางจะถูกส่งไปยังโทรศัพท์ของคุณ”

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หลินฟาน กำลังขับรถของ หง จินเม่า หลังจากที่เขาวางสาย เขาเห็นว่าโทรศัพท์ของเขาได้รับเส้นทางจาก สกายเน็ต มาจริงๆ เมื่อนั้นเขาก็ได้ขับรถไปตามเส้นทางที่ได้รับมา

จากข้อมูลเส้นทางที่ได้รับมา หลินฟาน ก็พบได้อย่างรวดเร็วว่าเขากําลังขับมุ่งหน้าตรงออกไปนอกเมือง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้ หง จินเม่า ได้กลับเข้ามาจากนอกเมือง มายังเขตย่านเมืองเก่า ด้วยวิธีนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่า หง จินเม่า โกหก

หง จินเม่า ได้กล่าวว่า ..วันนี้ เขาได้ไปกินข้าวที่บ้านของ ลี้ เฉิงหู่ ซึ่งบ้านของ ลี้ เฉิงหู่ อยู่ในเขตเมือง แต่ หง จินเม่า กลับขับออกไปนอกเมือง

ที่นี่.. คำถามคือ หง จินเม่า ออกไปทำอะไรนอกเมือง?

วันนี้ เย่ เทียนอวี่ ได้หลบหนีออกจากเรือนจำหยุนเฉิง ซึ่งก็อยู่ในเขตชานเมือง และหง จินเม่า ก็บังเอิญออกไปนอกเมืองพอดี ในเรื่องนี้ยากที่จะบอกว่า เขา.. ไม่ได้ไปที่นั้นเพื่อไปรับตัว เย่ เทียนอวี่..

ถ้าไม่ได้ไปรับ เย่ เทียนอวี่ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องโกหก

นอกจากนี้ หลินฟาน ได้ถามคําถามสุดท้ายกับ หง จินเม่า ก่อนที่เขาจะแยกทางกับ หลัว หลี่ คําถามนี้ก็คือ วันนี้ หง จินเม่า ไปรับเย่ เทียนอวี่ หรือไม่?

แต่ หง จินเม่า ไม่ได้วางแผนที่จะพูดในเวลานั้น และไม่ได้ตอบ หลินฟาน ว่าใช่หรือไม่ใช่..

ในเรื่องนี้เขาตอบ หรือไม่ตอบมันก็ไม่เป็นไร เพราะต่อให้เขาไม่พูด ก็จะต้องมีกิจกรรมทางจิตวิทยา ขอแค่มีกิจกรรมทางจิตวิทยา มันก็จะสะท้อนออกมาในการแสดงออกทางสีหน้าในรูปแบบไมโครเอ็กซ์เพรสชันส์ (Microexpressions)

หลินฟาน ได้ใช้ข้อมูลเชิงลึกระดับบนสุด เพื่อจับการแสดงออกในรูปแบบไมโครของเขา และเขาก็สามารถแน่ใจได้ว่า หง จินเม่า ได้ไปพบกับ เย่ เทียนอวี่ จริงๆ

ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่ หลินฟาน ต้องทําในตอนนี้ก็คือ ค้นหาสถานที่ที่ควรจะเป็น แล้วใช้ข้อมูลเชิงลึกระดับบนสุด เพื่อตามรอยไป

มันเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เมืองหยุนเฉิงก็ได้เงียบกริบ ชั่วโมงเร่งด่วนก็ผ่านไปนานแล้ว หลินฟาน จึงขับรถผ่านไปได้อย่างราบรื่น และใช้เวลาไม่นานก็ใกล้จะถึงชานเมือง

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น และเป็นสายของ หลัว หลี่

หลินฟาน ก็ได้กดรับสาย..

ปลายสาย กลับมีเสียงที่ดูตื่นตระหนกของ หลัว หลี่ ดังขึ้น : “เราถูกโจมตี หง จินเม่า ได้ถูกคนชิงตัวไปแล้ว”

สีหน้าของ หลินฟาน เปลี่ยนไป : “สถานการณ์อะไร ถูกชิงไปแล้ว?”

คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนเข้ามาขวางรถตํารวจ และชิงตัวผู้ต้องสงสัยไป? นี่ฟังดูไม่ใช่การกระทําของคนทั่วไป…

หลัว หลี่ กล่าวว่า : “คนๆ นั้นเก่งมาก จู่ๆ ก็ได้เข้ามาโจมตีเราในขณะที่เรากําลังรอไฟแดงอยู่ พอหลังจากมองหน้ากัน เพื่อนร่วมงานของฉันที่กำลังขับรถ และฉันก็สูญเสียแรงจะต้าน หง จินเม่า ก็ได้ฉวยโอกาสนี้เตะประตูรถ และวิ่งลงจากรถ เพื่อพยายามหลบหนี แต่บุคคลคนนั้นก็ได้ไล่ตามเขาไปทันที และเพียงแค่มองออกไป บุคคลนั้นก็สามารถควบคุม หง จินเม่า ได้แล้ว และเมื่อนั้นก็ได้พาเขาวิ่งหลบหนีออกไปทันที”

หลินฟาน ขมวดคิ้ว พอฟังดูแล้ว คนที่ชิงตัว หง จินเม่า คนนี้ ก็เป็นคนในโลกศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังมีฝีมือมาก..

ผู้คนในโลกศิลปะการต่อสู้! (บู๊ลิ้ม, 武林)

หรือว่า.. อาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ หง จินเม่า ที่ได้มาช่วย หง จินเม่า ไป?

“ช่วยบอกถึงลักษณะของคนๆ นี้มาให้ผมฟังหน่อย?” หลินฟาน ได้กล่าวถาม

หลัว หลี่ กล่าวว่า : “เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวมชุดโบราณ มีผ้าพันคอปกปิดใบหน้า เลยมองเห็นหน้าไม่ชัด รูปร่างดีมาก ฝีมือเองก็น่าทึ่ง ต่อหน้าเธอ ฉันไม่มีแม้แต่กําลังจะตอบโต้ได้เลย..”

พูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของ หลัว หลี่ ก็ดูค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อย เธอเป็นตํารวจหญิง และไม่ใช่คนธรรมดา หากถามถึงฝีมือของตัวเอง ยังไงก็บอกได้เลยว่า ไม่เลว.. ปกติแม้ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับชายร่างใหญ่สองคน เธอก็สามารถสู้ได้อย่างง่ายดาย แต่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ เธอกลับรู้สึกเป็นได้แค่เด็กประถม

ในโลกนี้ มันก็มีคนเหนือคน มีฟ้าเหนือฟ้า..

เมื่อได้ยินคําอธิบายของ หลัว หลี่ หลินฟาน ก็ได้อ้าปากค้าง จู่ๆ ร่างหนึ่งก็ได้ผุดขึ้นมาในใจของเขาทันที ..ใช่ เมื่อเย็นนี้ เมื่อขณะเขากำลังรอสัญญาณไฟที่สี่แยก เขาก็ได้พบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านสายตาของเขาไป!

หลินฟาน อดที่จะเหงื่อตกไม่ได้ ไม่ใช่.. นี่มันดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้นมั้ง? หรือว่าคนที่ชิงตัว หง จินเม่า ไปก็คือผู้หญิงที่เขาพบโดยบังเอิญ คนนั้น?

“ในตอนนั้นถ้าคุณอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี” หลัว หลี่ ได้พูดออกมา

เธอรู้ว่า หลินฟาน เก่งมาก ก่อนที่จะเจอผู้หญิงสวมใส่ผ้าพันคอปกปิดหน้าคนนั้น หลินฟาน ก็คือคนที่เก่งที่สุดที่เธอเคยเห็นมา เธอเชื่อว่าตราบใดที่มี หลินฟาน อยู่ เขาก็จะสามารถต่อต้านผู้หญิงคนนี้ได้อย่างแน่นอน และอย่างน้อยๆ เขาก็ไม่พ่ายแพ้ง่ายๆ เช่นนี้..

หลินฟาน ดูทําอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถกลับไปหา หลัว หลี่ ได้แล้ว เขาเลยพูดถามว่า : “ตอนนี้ คุณโอเคไหม?”

หลัว หลี่ กล่าวว่า : “ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว แค่รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลงเล็กน้อย และก็เพิ่งกลับมาเคลื่อนไหวตามปกติได้”

“แค่ไม่เป็นไรก็พอ” หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมต้องติดตามที่อยู่ของ เย่ เทียนอวี่ ต่อไป คุณลองตามหาพวกเขาสองคนในเมือง”

หลัว หลี่ พูดว่า : “อืม แต่คุณคิดว่ายังไง ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ หง จินเม่า?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “มีความเป็นไปได้นี้ ถ้าเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ หง จินเม่า จริงๆ ต่อไปพวกเขาอาจจะไปหา เย่ เทียนอวี่ แต่ถ้าหากเธอไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดของ หง จินเม่า งั้นการที่เธอชิงตัว หง จินเม่า ไป จุดประสงค์ก็น่าจะเป็น เย่ เทียนอวี่..”

หลัว หลี่ พูดว่า : “คุณกำลังหมายความว่า เธออาจจะตามหา เย่ เทียนอวี่ เหมือนกับพวกเรา?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “มันมีความเป็นไปได้นี้ และเธอก็ไม่เหมือนกับเรา เราไม่สามารถทรมานเพื่อดึงคําสารภาพได้ ส่วนเธอไม่จำเป็นต้องสนใจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเธอมีโอกาสสูงที่จะวิ่งนำหน้าเรา และรู้ที่อยู่ของ เย่ เทียนอวี่ ก่อนเรา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัว หลี่ ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า ถ้าการวิเคราะห์ของ หลินฟาน ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ว่า เย่ เทียนอวี่ อาจจะตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้นแล้วหรอกหรือ?

หลินฟาน กล่าวว่า : “ดังนั้นทางฝั่งตํารวจ พวกคุณต้องพยายามควบคุมพวกเขาไว้ อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากเมือง”

และส่วนตัวเขา ก็จะต้องเร่งมือหา เย่ เทียนอวี่ โดยเร็วที่สุด

พอ หลินฟาน เหยียบคันเร่ง รถเก๋งก็ได้เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน และได้วิ่งแล่นออกไปบนถนนที่รกร้าง...

ในเขตเมืองหยุนเฉิง ย่านเมืองเก่า ในบ้านร้างหลังหนึ่ง..

ผู้หญิงที่สวมผ้าพันคอปกปิดใบหน้า ที่อยู่ในชุดสไตล์โบราณ ได้เดินเข้ามาในห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถือลุงอ้วนคนหนึ่งเอาไว้ในมือ ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างผอมเพรียว และเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักน้อยกว่าลุงอ้วนคนนี้อย่างแน่นอน แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ..เธอกลับยกถือร่างของลุงอ้วนคนนี้ ราวคล้ายกับถือกระต่ายตัวหนึ่ง

ลุงอ้วนคนนี้ก็คือ หง จินเม่า

ในเวลานี้ หง จินเม่า ได้หมดสติ ทั้งยังไม่มีความสามารถในการต่อต้าน

ผู้หญิงคนนี้ได้พาเขาเข้ามาในบ้าน พร้อมกับโยนคนในมือของเธอลงไปกับพื้น ..ที่เต็มไปด้วยฝุ่น

“เรามีเวลาไม่มาก บอกมาสิว่า เย่ เทียนอวี่ อยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้ฟังดูเย็นชามาก สายตาที่มองมาของเธอก็ดูเย็นชาเหมือนกัน และเธอก็กำลังจ้องมองไปที่ หง จินเม่า อยู่ ..ในขณะนี้

หง จินเม่า ที่ตกลงมากระแทกพื้นก็ได้ฟื้นคืนสติ เขาได้รีบส่ายหัว และพูดว่า : “คุณกําลังพูดถึงอะไร ฉันไม่เข้าใจ”

“หยุดพูดไร้สาระกับฉัน!” ผู้หญิงคนนี้ได้พูดอย่างเย็นชา พร้อมกับได้พลิกมือ จู่ๆ ในมือของเธอก็ได้มีกริชเล่มหนึ่งส่องแสงอยู่ในมือ…

หง จินเม่า ก็ได้ตกใจมาก : “คุณ.. คุณคิดจะทําอะไร?”

ผู้หญิงคนนั้นได้นั่งยองๆ ลงต่อหน้าเขา และพูดว่า : “ฉันจะให้เวลาคุณคิดสามวินาที ถ้าคุณไม่บอกมาว่า เย่ เทียนอวี่ อยู่ที่ไหน ฉันนี่แหละ.. จะทำให้คุณเสียใจไปตลอดชีวิต!”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ กริชในมือก็ได้แทงเข้าไปในต้นขาของ หง จินเม่า อย่างรวดเร็ว และรุนแรง

ก่อนที่ หง จินเม่า จะได้กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช มืออีกข้างหนึ่งของผู้หญิงคนนี้ ก็ได้เข้าปิดปากของ หง จินเม่า เอาไว้แน่น หง จินเม่า เองก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้ มีแต่เหงื่อที่ไหลออกมาจากความเจ็บปวด พร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว ..เท่านั้น

(1)[ตาข่ายแห่งสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว (天网恢恢,疏而不漏)] - เป็นอุปมาอุปไมยว่า ผู้ที่กระทำความชั่ว ไม่สามารถรอดพ้นจากการลงโทษของกฎแห่งสวรรค์ไปได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด