ตอนที่แล้วบทที่ 216 – ปีศาจน้อยผู้มีเมตตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 218 – ปีศาจอสูรสามตา

บทที่ 217 - เนื้อย่างแสนเลิศรส


ผมรีบกล่าว “พี่ใหญ่ เลิกพูดเรื่อยเปื่อยเสียที เริ่มลงมือทำอาหารเถอะ ให้ทุกคนได้ลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของพี่หน่อย”

เขารีบยกร่างของปีศาจอสูรนั้นไปที่ริมน้ำ และเริ่มใช้ดาบยาวของเขาทำการชำแหละมันออกเป็นชิ้น ๆ อย่างชำนิชำนาญ แล้วหันกลับมาบอกตงรื่อ “พวกเราต้องใช้ไฟด้วย พวกเจ้าออกไปหากิ่งไม้มาไว้เป็นเชื้อเพลิงกันก่อน”

ผมเดินเข้าไปดูเขาชำแหละใกล้ ๆ ก่อนจะกล่าวถาม “พี่ใหญ่! พี่จะแค่เอาเนื้อย่างไฟเฉย ๆ ไม่ได้นะ นั่นไม่เรียกว่าทำอาหารเลย แล้วมันจะต่างจากอาหารของเผ่าปีศาจที่พวกเราเคยกินยังไง?”

เขาเพียงแต่หัวเราะเบา ๆ อย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะตอบ “เจ้าไม่ต้องใจร้อนไป รอให้อาหารมันเสร็จก่อนแล้วจะรู้เองนั่นแหละ”

หลังจากนั้นพวกเราก็ก่อกองไฟขึ้นมา จ้านหู่ใช้กิ่งไม้ท่อนหนาเสียบทะลุปีศาจหมาป่านั่นตลอดทั้งตัว ก่อนจะนำขวดอะไรบางอย่างออกมาเทใส่ร่างที่อยู่บนไม้นั่น ท่าทางของเขานั่นระมัดระวังมาก เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้สิ่งที่อยู่ในขวดนั้นสูญเปล่าไปเลย ผมได้กลิ่นของเหล้าลอยออกมาจากขวดนั้นจาง ๆ หลังจากเสร็จธุระจากขวดนั้นแล้ว เขายังหยิบขวดนานาชนิดออกมาจากกระเป๋าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ค่อย ๆ เทผสมรวมกันในชามใบใหญ่อย่างพิถีพิถัน ก่อนจะตอบท้ายด้วยของเหลวข้น ๆ บางอย่างจากขวดขนาดใหญ่ แล้วเริ่มใช้มือของตัวเองคลุกเคล้าให้พวกมันเข้ากัน

“พวกนี้มันอะไรกันครับ” ผมถามอย่างสงสัย

เขาแดกดันผมกลับมา “เจ้าก็รู้จักแต่กินเท่านั้นแหละ จะมารู้จักเครื่องเทศชั้นดีพวกนี้ได้ยังไง? ข้ารู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาไม่น้อยแน่ ถึงได้เตรียมตัวนำเครื่องเทศพวกนี้ติดตัวมาด้วย มันเป็นสูตรลับเฉพาะตัวของข้าเลยนะ ไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้หรอก พวกเจ้าถือว่าโชคดีที่ได้ลองลิ้มรสมันในครั้งนี้”

ระหว่างที่เขาพูดจาดูถูกผมอยู่นั้น ก็ค่อย ๆ ใช้แปรงเล็ก ๆ ทางเครื่องเทศที่ผสมเสร็จแล้วนั่นลงบนเนื้อที่ขึงอยู่บนกิ่งไม้นั่นอย่างทั่วถึง หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ยกกิ่งไม้นั่นขึ้นย่างบนกองไฟ

เมื่อเนื้อนั้นโดนไฟเพียงไม่นาน กลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งกระจายออกมาจากเนื้อที่ถูกไฟย่างนั้น กลิ่นของมันยั่วยวนมาก น้ำลายของทุกคนสอออกมาแล้ว

ซูเหอทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว “ท่านทำยังไงถึงได้กำจัดกลิ่นสาบออกไปได้หมด? ตามปกติแล้วปีศาจหมาป่านี้มีกลิ่นสาบที่ฉุนจมูกมากเลยนะ”

จ้านหู่หัวเราะออกมาอย่างพอใจที่มีคนถาม เหมือนเป็นโอกาสทำให้เขาได้อวดฝีมือ “มันเป็นสูตรลับของข้า จะให้บอกออกไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?”

นั่นทำให้ซูเหอมีอาการหดหู่ แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เข้าไปนั่งดูจ้านหูย่างเนื้ออย่างใกล้ชิด ราวกับว่าพยายามจะแกะสูตรการทำอาหารออกมาให้ได้ ส่วนผมคิดว่าตัวเองมีเบาะแสเรื่องการกำจัดกลิ่นสาบนี้อยู่บ้าง มันน่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล้าที่เขาใช้ในตอนแรกสุดอย่างแน่นอน นั่นไม่น่าจะใช่เหล้าธรรมดา เพราะกลิ่นที่ผมดมเข้าไปนั่น มันไม่ได้แรงมากเหมือนเหล้าปกติเลย

หลังจากย่างเนื้อได้ไม่นานนัก เนื้อของปีศาจหมาป่าก็กลายเป็นสีเหลืองทองแล้ว ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยในอกผมเริ่มส่งเสียงร้องออกมาบ้าง จนผมต้องปลอบมัน “ไม่ต้องตื่นเต้นไป ต้องมีส่วนของเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว”

พ่อครัวจ้านหู่ใช้ดาบยาวของเขาลองตัดเนื้อออกดูบางส่วน ก่อนจะออกปากมาในที่สุด “เอาล่ะ! ทุกคน ได้เวลากินกันแล้ว เชิญทุกคนลงมือได้ตามสบายเลย” แล้วถ้าเป็นเรื่องการกิน ใครจะเร็วไปกว่าผมได้อีก? แสงสีทองพุ่งออกจากมือผมตรงไปที่เนื้อย่างนั่นทันที ตัดมันออกมาเป็นชิ้น และบังคับให้ลอยกลับมาหาผมถึงที่ เนื้อที่ผมเลือกออกมาแน่นอนว่าต้องเป็นส่วนที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ปีศาจจิ้งจอกร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ผมเลยตัดแบ่งบางส่วนส่งให้มันรับไป “เอ้า! เอาไปกินก่อนก็ได้”

ปีศาจตัวน้อยนั่นคาบออกไปหลบกินอยู่ด้านข้าง แล้วในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมจะได้ลิ้มรสเนื้อย่างนี้ด้วยตัวเองแล้ว หวา! นี่มันไม่เลวเลยนี่น่า ผมลงมือกินอย่างเพลิดเพลินเลยล่ะ เนื้อข้างนอกนั้นสุกแห้งกำลังดี ส่วนข้างในยังช่ำไปด้วยรสชาติที่เข้มข้น ตอนที่ผมกัดมันลงไป รสชาติของมันกระจายออกมาทั่วทั้งปาก ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่มกำลังดี มันอร่อยเป็นอย่างมาก รสชาติของมันไม่แพ้อาหารจากภัตตาคารหยกปริ่มน้ำเลยนะเนี่ย

แล้วปีศาจหมาป่าทั้งตัวก็หายไปในพริบตา

ซูเหอเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าที่ปนไปอยู่ด้วยความเสียใจ และความขุ่นเคือง เขากล่าวเหมือนฟ้องออกมากับผม “ท่านหัวหน้าจางกง! พวกเขารังแกข้าเกินไปแล้ว เหลือเนื้อเอาไว้ให้ข้าแค่ชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แล้วข้าจะกินอิ่มได้อย่างไร?”

ผมได้แต่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำบ่นนั้น ก่อนที่จะกล่าวแบบไม่รับฟ้อง “เจ้าต่างหากที่เป็นคนช้าเอง จะโทษพวกเขาได้อย่างไร?”

ซูเหอหน้ามุ่ยแล้ว “พวกท่านต่างก็เป็นยอดฝีมือ ข้าจะไปลงมือท่านได้อย่างไร พวกท่านรังแกคนอ่อนแอกว่านี่นา”

จ้านหู่เดินเข้ามามีส่วนร่วม “เจ้าเป็นเจ้าชายรองของเผ่าปีศาจ เจ้าจะอ่อนแอได้อย่างไร?”

นั่นทำให้ซูเหอไม่พอใจมาก “ไม่รู้ล่ะ! ถ้าข้าไม่ได้กินจนอิ่ม ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ขอนำทางอีกต่อไปแล้ว”

ผมได้แต่มองเขาอย่างประหลาดใจในความมุ่งมั่นแบบนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าแค่การกิน จะทำให้เขาถึงกับกล้าเสี่ยงชีวิตได้เลย ผมเลยหยิบอาหารแห้งบางส่วนออกมาโยนให้เขา ก่อนจะหันไปชมจ้านหู่ทันที “พี่ใหญ่ ฝีมือการทำอาหารของพี่นี่สุดยอดไปเลย ทำไมพี่ไม่ไปเป็นพ่อครัวล่ะ น่าเสียดายฝีมือจริง ๆ”

ตอนนั้นเอง เจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวจ้อยที่เสร็จจากส่วนของตัวเองแล้ว วิ่งเข้ามาคลอเคลียอยู่ที่ขาของจ้านหู่เหมือนจะขอกินเพิ่มอีก ทำให้จ้านหู่ตำหนิไปอย่างไม่จริงจังนัก “เป็นอะไรเจ้าจิ้งจอกโง่? ไม่พอกินหรืออย่างไร? คราวหน้าก็หาเหยื่อที่มันตัวใหญ่ ๆ หน่อยสิ” ดวงตาอันงดงามของเจ้าจิ้งจอกเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาทันที มันคงคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีมาก

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อประมาณเวลา ก่อนที่จะชักชวนทุกคน “พวกเราเดินทางกันต่อเถอะ วันนี้ยังมีเวลาอยู่อีกไม่น้อย ทำระยะทางกันอีกหน่อยค่อยหาที่พักคืนนี้”

หลังจากเดินทางกันมาจนฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้ว ผมหยิบแผนที่ออกมาดูอีกครั้ง ก่อนจะคำนวณอยู่ในใจ ว่าระยะทางถึงเมืองหลวงยังเหลืออีกไกลไม่น้อย ด้วยความเร็วระดับนี้ มันน่าจะช้าเกินไปหน่อยแล้ว

ก่อนหันจะปรึกษากับพี่ใหญ่จ้านหู่ “พี่ใหญ่ ผมคิดว่าพวกเราต้องเร่งความเร็วในการเดินทางขึ้นอีกนะ เจ้าหมอนั่นทำให้พวกเราช้าลงไม่น้อยเลย”

เขาหันมายิ้มให้ “แล้วจะให้ทำอย่างไร ฆ่าเขาทิ้งเลยดีมั้ย?”

ผมได้แต่กระซิบกับเขา “พี่ไม่ต้องมาล้อเล่นเลย ยังไงเสียเขาก็เป็นพี่ของคนรักของผมนะ ต้องเก็บเขาเอาไว้แน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่าง การฆ่าเขาจะทำให้เกิดความแค้นของเผ่าปีศาจเพิ่มมากขึ้นด้วย มันจะเป็นปัญหาในการเจรจาในอนาคตได้ เอาอย่างนี้เป็นยังไง? วันนี้พวกเราก็หาที่หยุดพักกันก่อน พรุ่งนี้พวกเราใช้วิธีเดินทางกันทางอากาศ คงต้องขอให้ใครสักคนรับภาระแบกเขาไปด้วยนั่นแหละ พี่คิดว่ายังไงบ้าง?”

จ้านหู่พยักหน้ารับ “พวกเราคงจะต้องทำอย่างนั้นนั่นแหละ มันน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว”

ซูเหอเดินเข้ามาหาผมหน้ามุ่ยทีเดียว “ท่านหัวหน้า ท่านมอบของกินให้ข้าอีกได้หรือไม่? ข้าเริ่มหิวอีกแล้ว”

ผมได้แต่หัวเราะออกมาอย่างหงุดหงิด “นอกจากเรื่องกินแล้ว เจ้ามีประโยชน์อะไรอีกบ้างหรือไม่?” แต่เหมือนเขาจะไม่ได้ฟังผมเท่าไร บุ้ยปากมาที่จิ้งจอกน้อยที่อยู่บนไหล่ผม ซึ่งมันก็กระโดดลงจากตัวของผมทันทีเหมือนกัน ซูเหอสำทับตามหลังของมันไป “คราวนี้ของตัวใหญ่ ๆ หน่อยนะ” เขาน่าจะกลัวจริง ๆ ว่าจะได้กินไม่เต็มที่เหมือนคราวก่อนอีก

ปีศาจจิ้งจอกนั่นสูดกลิ่นไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหยุดอยู่กับที่ แล้วหันหลังกลับมามองพวกเรา สายตาของมันมีแววเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะปล่อยกลิ่นสาบแบบเดิมออกมาครั้ง

ในเวลาไม่นานนัก พวกเราก็รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมหาศาลพุ่งออกมาจากด้านในป่าลึก ผมหันไปมองหน้าพี่ใหญ่จ้านหู่อย่างประหลาดใจ มีปีศาจอสูรอะไรที่จะสร้างแรงกดดันให้กับพวกเราได้อีกหรือ?

แต่ซูเหอเหมือนจะรู้ตัวการแล้ว “ไม่ดีแล้ว นี่มันต้องเป็นปีศาจอสูรระดับ A แล้ว พวกเราเจอเข้ากับปีศาจตัวใหญ่เข้าจริง ๆ แน่คราวนี้”

ปีศาจจิ้งจอกรีบวิ่งกลับมากระโจนขึ้นบ่าผมเหมือนเดิม ตัวของมันนั้นสั่นเท่าเลยทีเดียว ผมได้แต่ถามเธอออกไป “เจ้าล่อลวงตัวอะไรมาล่ะคราวนี้”

มันได้แต่ส่งเสียงแหลมกลับมาให้ผมสองครั้ง นั่นแทบทำให้ผมอยากออกคำสั่งให้มันเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ทันที แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรลงไป ก็ได้ยินเสียงดังโครมครามออกมาจากในส่วนลึกของป่า ผมต้องตะโกนสั่งการออกไปก่อน “ทุกคน เตรียมพร้อมเอาไว้!” คทาเวทย์ซู่เกอลากระชับแน่นอยู่ในมือผมแล้วเหมือนกัน

ป่าทึบที่อยู่ด้านหน้าเราแหวกออกเป็นทางทันที อสูรตัวใหญ่ที่มีสามตา ในมือถือต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ ปรากฏตัวออกมาจากรอยแยกนั้น ตัวของมันสูงกว่า 15 เมตร หัวของมันหันไปมา เหมือนกำลังจะมองหาอะไรบางอย่าง จนในที่สุด สายตาของมันก็จ้องลงมาที่ปีศาจจิ้งจอกบนไหล่ผม มันเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามลั่น ก่อนจะพุ่งเข้ามาที่ผมอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของมันกระแทกพื้นดังสนั่นลั่นป่าเลยทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด