ตอนที่แล้วตอนที่ 287 สวนเอเดน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 289 การแข่งที่ไม่มีวันได้รับชัยชนะ

ตอนที่ 288 ไข่


ตอนที่ 288 ไข่

ระบบตรวจจับได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณสารพิษในห้องลดลงถึงในระดับที่คนปกติสามารถหายใจเข้าไปได้ แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็สวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน

หลังจากเปิดประตูชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงพัดลมดูดอากาศที่กำลังส่งเสียงดัง พร้อมกับอากาศปริมาณมหาศาลที่ถูกระบายออกสู่จักรวาลด้วยความรวดเร็ว

กล่องไม้ยังคงตั้งอยู่บนโต๊ะซึ่งแก๊สพิษภายในกล่องได้ถูกระบายออกไปจนหมดแล้ว เซี่ยเฟยจึงยื่นมือที่สวมถุงมือป้องกันอย่างแน่นหนาหยิบกล่องไม้ขึ้นมา ก่อนที่จะเปิดฝากล่องด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความระวัง

ด้านในของฝากล่องเป็นถังโลหะขนาดประมาณยาสีฟันที่ถูกเชื่อมกลไกเข้ากับกุญแจล็อก ซึ่งถ้าหากว่าเขาปลดล็อกกุญแจโดยวิธีการปกติถังแก๊สพิษก็จะไม่ทำงาน แต่เนื่องมาจากเขาทำลายตัวล็อกด้วยความรุนแรง มันจึงทำให้ถังแก๊สปล่อยแก๊สพิษออกมาสร้างความเสียหายแก่บริเวณโดยรอบ

นอกจากถังโลหะแล้วมันก็ไม่มีอะไรอยู่ในกล่อง ซึ่งเซี่ยเฟยก็ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะนำกล่องไปล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพร้อมกับถอดถังแก๊สด้านในออกไป

หลังจากทำความสะอาดซ้ำ ๆ ประมาณ 3 ครั้งเครื่องตรวจจับก็แสดงให้เห็นว่ากล่องได้ทำความสะอาดอย่างเพียงพอแล้ว ไม่เหลือสารพิษตกค้างที่จะสร้างอันตรายให้กับมนุษย์ได้

จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องก่อนที่จะถอดหน้ากากป้องกันแก๊สและถุงมือออกไป พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องโถงของยาน

“มีอะไรอยู่ในกล่องเหรอ?” เฉินตงสังเกตการกระทำของเซี่ยเฟยอยู่ในห้องบัญชาการ และเมื่อเขาได้เห็นสหายเดินไปทางห้องโถงเขาก็เดินตามมาถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

“ไม่มีอะไร? มันเป็นกล่องที่บรรจุแก๊สพิษเอาไว้เฉย ๆ เนี่ยนะ” เฉินตงอุทานออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นหรอก ถ้ามันเป็นกล่องที่ไม่สำคัญฮุกก็คงจะไม่ติดตั้งแก๊สพิษที่รุนแรงขนาดนั้นเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

กล่องไม้กล่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตและถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีลวดลายที่สวยงาม แต่คุณภาพในการสร้างก็บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้สร้างกล่องได้เป็นอย่างดี แล้วกล่องที่มีค่าเช่นนี้จะเอาไว้บรรจุเฉพาะถังแก๊สพิษได้ยังไง

เซี่ยเฟยวางกล่องเอาไว้ตรงหน้าและทำการตรวจสอบเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะได้พบกับกลไกที่ซ่อนอยู่

ด้านในกล่องถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้นโดยผู้สร้างเก่าได้ใช้ช่องว่างในระบบประสาทการมองเห็นของมนุษย์อย่างชำนาญในการพรางตาไม่ให้คนเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน

เซี่ยเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบมีดออกมาจากแหวนมิติและทำท่าแงะเพื่อเปิดฝากล่องชั้นที่ 2

แก๊สพิษที่ถูกปล่อยออกมาในก่อนหน้านี้เป็นแก๊สพิษที่อันตราย ซึ่งตอนแรกเฉินตงก็ต้องการที่จะหยุดเซี่ยเฟยเอาไว้ แต่เขาก็สงสัยถึงสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ภายในเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดประตูพร้อมกับเปิดระบบระบายอากาศเอาไว้ล่วงหน้า เผื่อว่ามันจะมีแก๊สพิษถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง

ขณะเดียวกันเฉินตงก็ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเซี่ยเฟยเลย เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเพื่อนของเขาคนนี้มีความเร็วมากเพียงพอ ซึ่งถ้าหากว่ามันได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นจริง ๆ เซี่ยเฟยย่อมสามารถหนีรอดมาได้ทันเวลา

ป็อก!

ฝากล่องชั้นที่ 2 ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ซึ่งในคราวนี้มันก็ไม่ได้มีแก๊สพิษถูกปล่อยออกมาและเผยให้เห็นไข่ใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในกล่อง

ไข่ใบนี้มีรูปร่างค่อนข้างจะแปลกประหลาด โดยมันเป็นไข่ขนาดประมาณรังไหมที่มีเปลือกสีขาวที่เต็มไปด้วยลวดลายสีทองอร่าม ราวกับว่ามันเป็นภาพวาดของภูเขาสายน้ำและสะพานขนาดเล็ก

เซี่ยเฟยกับเฉินตงใช้ระบบกล้องวิดีโอซูมเข้าไปบนลวดลายของเปลือกไข่อย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่พวกเขาจะได้พบว่าลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่ภาพวาดแต่เป็นลวดลายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันจึงไม่ใช่ภาพวาดเหมือนกับตอนแรกที่พวกเขาเข้าใจ

“นายรู้จักไข่หน้าตาแบบนี้ไหม?” เซี่ยเฟยถาม

เฉินตงกับอันธส่ายหัวพร้อมกันเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่รู้

เซี่ยเฟยถือไข่ขึ้นมาไว้ในมือพร้อมกับทำท่าชั่งน้ำหนักประมาณ 2-3 ครั้ง ก่อนที่เขาจะได้พบว่าไข่ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือนี้กลับมีน้ำหนักมากถึง 3 กิโลกรัม และสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือไข่ภายในมือของเขามีการสั่นเล็กน้อยคล้ายกับจังหวะการเต้นของหัวใจ

“เราใช้แสงไอออนสแกนดูด้านในไข่ดีไหม?” เฉินตงถาม

“ไข่ใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน ถ้าหากว่ามันเป็นไข่ของสัตว์หายากทารกด้านในอาจจะได้รับความเสียหายจากแสงไอออน ฉันว่าเราควรรอจนกว่ามันจะฟักออกมาดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวกล่าว

“ถ้ามันตายก็แสดงว่ามันเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ แต่ถ้ามันเป็นไข่ของสัตว์ที่ดุร้ายหลังจากที่มันฟักออกมามันอาจจะกลายเป็นหายนะ” เฉินตงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมืออย่างเร่งรีบ

แต่ในขณะที่เขาจะเก็บไข่ลงไปในแหวนมิติเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าด้านในแหวนมิติไม่มีอากาศ และมันก็อาจจะทำให้ทารกตัวน้อยภายในไข่เสียชีวิตขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงใช้ผ้าฝ้ายผืนหนึ่งห่อไข่เอาไว้เบา ๆ ก่อนที่จะยกขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาเพื่อให้ความอบอุ่น

“หลังจากเรากลับไปในนครหลวงพวกเราค่อยหาใครมาดูว่ามันคือไข่ของตัวอะไร แล้วตอนนั้นพวกเราค่อยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว

เมื่อข่าวสวนเอเดนกำลังโด่งดังไปทั่วทั้งพันธมิตร มันก็ทำให้ข่าวของเซี่ยเฟยกลายเป็นเพียงเรื่องไม่สำคัญ แต่นี่ก็คือสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการเพราะเขาไม่ชอบการใช้ชีวิตท่ามกลางความสนใจ

แน่นอนว่าข่าวของเซี่ยเฟยย่อมสำคัญสำหรับใครบางคนมากกว่าสวนเอเดนเช่น แอวริล, ฉินหมางและทูราม

เฉินตงเอายานอวกาศไปซ่อมพร้อมกับนัดแนะว่าจะกลับมาพบกันในงานแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์เช้าวันพรุ่งนี้ เซี่ยเฟยจึงติดต่อไปยังเยว่เกอว่าเขาได้กลับมาพร้อมกับเฉินตง

เยว่เกอไม่ได้สนใจการมาถึงของเฉินตงแต่ถามเรื่องที่เธอฝากเขาทำว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้วบ้าง ซึ่งเฉินตงก็ทำได้เพียงแต่ตอบกลับอย่างอ้อมแอ้ม และบอกว่าเขาจะออกเดินทางไปทำสิ่งเหล่านั้นทันทีหลังจากพักผ่อนดูเซี่ยเฟยแข่งถ้วยโกลเดนฟิงเกอร์จนจบ

หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จแล้ว เซี่ยเฟยก็เดินทางไปยังคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าโดยลำพัง ซึ่งผางชิงก็ได้ส่งรถมารับเซี่ยเฟยถึงสนามบินทั้ง ๆ ที่อันที่จริงชายหนุ่มวิ่งได้เร็วกว่ารถพวกนี้ด้วยซ้ำ

“คุณพอจะให้สัญญาได้ไหมว่าหลังจากนี้จะไม่หายไปไหนโดยไม่บอกไม่กล่าวอีก” ผางชิงกล่าวหลังจากที่พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

“ผมจะพยายามก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยตอบกลับไป เพราะอันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะหายไปโดยไม่บอกกล่าวกับใครเหมือนกัน

ผางชิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะนี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการได้ยิน ซึ่งอันที่จริงเขาต้องการให้เซี่ยเฟยอยู่เฉย ๆ และคอยเคียงข้างแอวริลตลอดทั้งวันด้วยซ้ำ

ถึงแม้ความคิดของผางชิงจะเป็นความหวังดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าเซี่ยเฟยเป็นคนที่ยอมอยู่เฉย ๆ แล้วแอวริลจะยังชอบชายหนุ่มคนนี้อยู่อีกไหม

“วันนี้ทั้งผู้อาวุโสและนายท่านอยู่ที่คฤหาสน์ คุณหนูรู้ว่าคุณยังไม่สบายใจที่จะพบกับนายท่าน เธอจึงขอให้คุณไปรอที่ศาลาริมทะเลสาบก่อน หลังจากเธอเรียนวิชามารยาทจบเธอจะรีบลงมาหาคุณ” ผางชิงกล่าว

หลังจากได้ยินข่าวว่าเซี่ยเฟยมาหาเธอที่คฤหาสน์ แอวริลก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป และเมื่อครูสอนมารยาทได้เห็นความต้องการของคุณหนูคนนี้เธอจึงปล่อยคุณหนูไปก่อนเวลาปกติ หญิงสาวจึงรีบวิ่งไปที่ศาลาริมทะเลสาบด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย

“นี่เธอเรียนมารยาทมาแล้วใช่ไหม? ทำไมท่าทางของเธอถึงดูแปลก ๆ แบบนั้น” เซี่ยเฟยถาม

“วันนี้ฉันพึ่งเรียนมารยาทของชนเผ่าเมอฟี่มา นี่เป็นวิธีการเคลื่อนที่ตามมารยาทของพวกเขา” แอวริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรกลับไป

ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกเป็นห่วงเซี่ยเฟยมาก ดังนั้นเมื่อเธอได้พบกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้ง เธอจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะแสดงท่าทางมีความสุขออกมาให้เขาได้เห็น

“ช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” แอวริลอดที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้

“โชคดีที่การหายตัวไปของฉันในครั้งนี้ทำให้ฉันได้มีโอกาสพบกับเสี่ยวหยู” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เสี่ยวหยู!” แอวริลอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอเคยได้ยินเรื่องเซียวรั่วหยูจากเซี่ยเฟยมาตั้งนานแล้ว

“นายเห็นเสี่ยวหยูจริง ๆ ใช่ไหม? เธอสบายดีหรือเปล่า? เธอได้กลับมาพร้อมกับนายไหม?”

“ฉันเห็นเธอจริง ๆ แต่เธออยู่กับคนอื่น ตอนนี้เธอน่าจะสบายดีและเธอก็ตัวสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย” เซี่ยเฟยกล่าว

จากนั้นเซี่ยเฟยก็เล่าเรื่องที่เขาได้พบกับเซียวรั่วหยู แต่ชายหนุ่มเลี่ยงพูดถึงเรื่องสังเวียนเลือดโดยบอกเพียงว่าเขาได้พบกับเธอโดยบังเอิญ และไม่มีเวลาเข้าไปพูดคุยกับเธอจึงทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน

“น้องเสี่ยวหยูน่าสงสารจริง ๆ นายต้องรีบหาทางพาเธอกลับมานะ” แอวริลกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปากด้วยความกังวล

“อือ” เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและส่งเสียงออกไปอย่างจริงจัง

หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินทางออกมาจากคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า เขาก็เดินทางไปหาทูรามที่ห้องทำงานของชายชราอีกครั้ง

“ทำไมนายถึงมาหาฉันดึกจัง? ถึงนายจะยังไม่ง่วงแต่คนแก่อย่างฉันยังต้องการการพักผ่อนนะเว้ย!” ทูรามกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ

เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พ่นควันออกมาโดยไม่ตอบอะไรกลับไป

“ตามฉันมา เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันระหว่างทาง” ทูรามกล่าวพร้อมกับลุกยืนขึ้น

เมื่อได้ยินแบบนั้นเลขาของทูรามก็รีบออกไปจากห้องทำงานในทันที และการที่เธอยังคงอยู่ในห้องทำงานตอนดึกขนาดนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่าการทำงานเป็นเลขาของทูรามคงจะไม่ใช่งานสบาย ๆ

“ครั้งนี้นายทำได้ดีมาก ฉันได้ยินว่าทางกองทัพได้ส่งกองยาน 2 กองไปจัดการฐานที่มั่นของฮุกแล้ว คราวนี้นายมีส่วนช่วยพันธมิตรได้เยอะมากจริง ๆ” ทูรามกล่าว

“มันก็แค่เรื่องบังเอิญครับ พันธมิตรอยากจะทำอะไรก็ทำไปขอแค่อย่าสร้างปัญหาให้กับผมก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยตอนนี้กรมทหารก็ส่งคนไปสืบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และมันก็มีคนอีกหลาย ๆ คนได้รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบุชเชอร์ ว่าแต่นายต้องการอะไรจากฉัน?” ทูรามกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ

“ตอนที่ผมเข้าร่วมการประเมินระดับวิกฤตของสมาพันธ์ตอนนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้หายตัวไป แต่เมื่อวันก่อนผมได้เห็นเธออีกครั้งในสังเวียนเลือด ตอนนั้นเธออยู่กับกลุ่มผู้หญิงที่สวมชุดคลุมสีดำประมาณ 10 กว่าคน” เซี่ยเฟยกล่าว

“ทำไมนายถึงไม่พูดก่อนหน้านี้? นั่นมันเรื่องสำคัญมากเลยนะ” ทูรามอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“มันเป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมเคยขอคำอธิบายจากสมาพันธ์มาก่อนแล้วตอนนั้นทางสมาพันธ์ให้ผมออกไปราวกับว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างสับสน

“ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น แล้วตอนนั้นนายก็ไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่จะรู้เรื่องความลับของสมาพันธ์นี่” ทูรามกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“แต่ตอนนี้ผมก็เป็นเพียงแค่จัสทิสฝึกหัดนะครับ แล้วก็เป็นเพียงแค่บรรณารักษ์ของห้องสมุดในค่ายนี่ครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“นายอย่าลืมสิว่าตอนนี้นายยังมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่ง” ทูรามกล่าวขึ้นมาอย่างมีเลศนัย

“ตัวตนอะไรครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“นายคือลูกน้องของฉินหมางไง นี่นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าชื่อของฉินหมางมีน้ำหนักในพันธมิตรมากแค่ไหน” ทูรามกล่าวอย่างเคร่งขรึม

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉินหมางมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าชายชราคนนี้มีอิทธิพลมากเพียงใด

“เอาล่ะตามฉันมา ฉันจะพานายไปหาใครบางคน” ทูรามกล่าวอย่างจริงจัง

ห่างจากแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ไปไม่ไกลมีอาคาร 6 ชั้นสีดำแห่งหนึ่งที่ดูลึกลับ

บริเวณประตูของอาคารสีดำแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ทหารยามที่คอยยืนเฝ้าเอาไว้ ซึ่งหลังจากที่ทูรามเดินผ่านประตูเข้าไปมันก็มีเสียงสัญญาณตรวจสอบอาวุธดังขึ้นมา

“คุณทูรามทำแบบนี้อยู่เป็นประจำ แม้แต่การเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาพันธ์เขาก็ยังพกอาวุธเข้าไปทุกเมื่อ แต่ประธานสมาพันธ์ก็ไม่กล้าพูดอะไรเขาจึงพกอาวุธไปทุกที่ที่เขาต้องการ”

“แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าคุณฉินหมางมีอำนาจมากกว่าคุณทูรามซะอีก เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยบุกเข้าไปในห้องทำงานของประธานสมาพันธ์ แล้วชี้หน้าตะโกนด่าประธานสมาพันธ์ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานอีกหลายร้อยคน” เลขาสาวผมบลอนด์ที่อยู่ข้าง ๆ เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย และเขาก็ต้องยอมรับว่าฉินหมางกับทูรามสมแล้วที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจริง ๆ เพียงแต่ว่าในตอนนี้ฉินหมางไม่ได้ใจร้อนเหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่ทูรามยังคงเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นอยู่เช่นเดิม

หลังจากเดินมาจนถึงชั้น 6 เซี่ยเฟยก็ได้พบกับชายชราที่มีรอยสักบนใบหน้า และดวงตาของเขาก็ดูเฉียบคมราวกับนกอินทรี

ชายชราคนนี้จะต้องเป็นสมาชิกของชนเผ่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกของสมาพันธ์ก็คงจะไม่สักใบหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน เว้นแต่จะเป็นประเพณีในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

“พรุ่งนี้ค่อยคุยกันไม่ได้เหรอ? นายรู้จักเวล่ำเวลาบ้างไหมเนี่ย!” ชายชราผู้มีรอยสักบนใบหน้ายกนิ้วขึ้นมานวดขมับของตัวเอง

“ลั่วซา ฉันมีข้อมูลสำคัญมาแจ้งให้กับนาย” ทูรามตะโกนออกไปเสียงดัง

หลังจากแนะนำตัวสั้น ๆ ทูรามก็หันมาพูดกับเซี่ยเฟย

“บอกเขาไปสิว่าก่อนหน้านี้นายไปเจออะไรมา”

จากนั้นเซี่ยเฟยก็เล่าให้ลั่วซาฟังว่าเซียวรั่วหยูหายตัวไปได้ยังไง และได้เล่ารายละเอียดถึงเรื่องที่เขาได้พบกับหญิงสาวอีกครั้ง

ยิ่งลั่วซาได้ฟังรายละเอียดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาการปวดหัวในก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยความจริงจังเข้ามาแทน

“เป็นไงล่ะแผนกสืบสวนลับของนายไม่เคยมีข่าวอะไรเลยหลังจากสืบสวนมานานหลายปี นี่ถ้าหากว่าฉันเป็นนาย ฉันก็คงจะฆ่าตัวตายเพราะความอับอายไปแล้ว” ทูรามกล่าวขึ้นมาอย่างหยาบคายหลังจากเซี่ยเฟยเล่าเรื่องของเซียวรั่วหยูจนจบ

“เซี่ยเฟยเรื่องที่นายเล่าคือเรื่องจริงใช่ไหม?” ลั่วซารู้ดีว่าทูรามเป็นคนอารมณ์ร้อนเขาจึงเลือกที่จะถามคำถามนี้กับเซี่ยเฟยโดยตรง

“ทุกอย่างคือความจริงครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นนายพอจะจำลักษณะเสื้อผ้าอะไรของผู้หญิงพวกนั้นได้ไหม? หรือพอจะจำอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้ที่พอจะเป็นจุดสังเกต” ลั่วซาถาม

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมาก เพราะเหตุการณ์หายตัวไปของเซียวรั่วหยูได้ผ่านไปนานกว่า 2 ปีแล้ว ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาไม่เคยคิดว่าทางสมาพันธ์จะให้ความสนใจเรื่องเซียวรั่วหยูมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่อชายชราตรงหน้าเป็นหัวหน้าแผนกสืบสวนลับ มันก็แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทางสมาพันธ์มาก

“ที่จริงเหตุการณ์ลักพาตัวไม่ได้มีแค่ในครั้งนั้น แต่มันเกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยผู้ที่ถูกลักพาตัวทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่า 16 ปี และเด็กผู้หญิงพวกนี้แต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังพิเศษที่โดดเด่น” ทูรามอธิบายเสริมหลังจากได้เห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังสับสนในเรื่องนี้

“ทางสมาพันธ์ได้สอบสวนเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยว่าใครเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา ดังนั้นข้อมูลที่นายให้กับพวกเรามาจึงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์กับทางสมาพันธ์มาก”

คำอธิบายของทูรามทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าการหายตัวไปของเซียวรั่วหยูไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เพราะมันได้มีเด็กสาวคนอื่น ๆ ถูกลักพาตัวไปด้วยเหมือนกัน

‘หรือว่าหญิงสาวชุดดำที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซียวรั่วหยูจะเป็นคนที่ถูกลักพาตัวไปด้วย?!’

ลั่วซามองทูรามอย่างจริงจังราวกับว่าเขาต้องการจะเตือนชายชราคนนี้ไม่ให้พูดความลับของสมาพันธ์ออกมามากเกินไป

ทูรามพยักหน้าให้ลั่วซาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเฟยคือคนของเขาเอง และลั่วซาก็สามารถที่จะพูดอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ

“เซี่ยเฟยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของทางสมาพันธ์ ฉันหวังว่าหลังจากออกจากอาคารนี้ไปแล้วนายจะไม่เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก” ลั่วซากล่าวอย่างจริงจัง

“ผมเข้าใจครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“เดี๋ยวฉันจะเรียกจิตรกรที่เก่งที่สุดมา นายช่วยบอกรายละเอียดทุกอย่างให้เขาฟังอีกครั้ง พวกเราจะได้เริ่มสเก็ตช์ภาพแล้วเริ่มทำการสืบสวนต่อไป” ลั่วซากล่าว

เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวรั่วหยู เซี่ยเฟยจึงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยการอธิบายลักษณะและเสื้อผ้าของหญิงสาวชุดดำพวกนั้นอย่างละเอียด

กว่าที่เซี่ยเฟยจะออกมาจากอาคารท้องฟ้าก็เกือบสว่างแล้ว ทูรามจึงตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“วันนี้นายจะกลับไปแข่งโกลเดนฟิงเกอร์อยู่ใช่ไหม?”

“ใช่ครับ การขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทขึ้นอยู่กับผลงานของผมในการแข่งขันครั้งนี้” เซี่ยเฟยกล่าว

“เครื่องขยายพลังชาร์จที่นายให้ฉันมาทำงานดีมาก ตอนนี้หัวหน้ากองยานหลาย ๆ คนพยายามถามฉันถึงแหล่งที่มาของสินค้าตัวนี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่กำลังการผลิตในบริษัทของนายน้อยเกินไป เมื่อไหร่ก็ตามที่นายขยายกำลังผลิตได้แล้วเดี๋ยวฉันจะช่วยรวบรวมคำสั่งซื้อของคนพวกนั้นให้กับนายเอง” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“คุณก็น่าจะรู้ว่าตลาดนี้ใหญ่มากและผมก็คงจะไม่สามารถจัดการกับตลาดเพียงลำพังได้ใช่ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ทูรามยิ้มโดยไม่พูดอะไรตอบกลับมา เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่าบริษัทควอนตัมกำลังเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่สินค้าชนิดนี้ออกสู่ตลาด สมาพันธ์จัสทิสก็คงจะไม่สามารถหาสินค้าได้ง่าย ๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเลี้ยงอาหารมื้อเช้าให้กับนายเอง” ทูรามกล่าว

“เอาไว้ครั้งหน้าก็แล้วกันครับ ตอนนี้ผมต้องกลับไปให้รางวัลชิ้นใหญ่กับนายน้อยคนหนึ่งสักหน่อย” เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับมองไปยังท้องฟ้าที่ยังคงเป็นสีเทา

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด