ตอนที่แล้วบทที่ 214 – อาหารเลิศรสของเผ่าปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 216 – ปีศาจน้อยผู้มีเมตตา

บทที่ 215 – ปีศาจจิ้งจอกหกหาง


พอพวกเราตัดสินใจที่จะเดินทางไปในภูเขาที่เป็นป่าทึบ ก่อนที่จะเดินทางจึงได้จัดการเรื่องม้าที่ใช้อยู่ให้เรียบร้อยไปเสียเลย ผมคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่ามันจะขายได้ราคาสูงถึงขนาดนั้น เจ้าของคอกม้าที่รับซื้อพวกมันไปจากผม เป็นคนบอกว่าเนื่องจากม้าของพวกผมนั้นเป็นพันธุ์หายาก มีเท่าไรเขาขอรับซื้อทั้งหมด ถ้าผมรู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ผมคงจะไม่ปล่อยม้าที่เหลือไปหรอก

ตอนนี้พวกเรากำลังเดินอยู่บนทางอันคดเคี้ยวบนภูเขาแล้ว ผมกล่าวกับซูเหอ “ตามที่ดูจากแผนที่ ถ้าพวกเราข้ามภูเขาลูกนี้ไปได้ จะช่วยย่นระยะทางในการเดินทางไปเมืองหลวงลงไม่น้อยใช่มั้ย”

เขาพยักหน้า “ถูกแล้ว! มันย่นเวลาในการเดินทางได้ประมาณ 3 วัน แต่มีน้อยคนนักที่จะใช้เส้นทางตัดผ่านภูเขาอย่างนี้ ทั้งจากเส้นทางที่ยากต่อการเดินทาง และมีโอกาสสูงที่จะเจอกับปีศาจอสูรที่ดุร้าย”

“ไม่มีปัญหา เจ้านำทางให้ดีเถอะ” ผมเริ่มขู่เขาอีก “ถ้าทำพวกข้าหลงทาง รับรองได้เลยว่าข้าจะส่งเจ้าไปเป็นอาหารของปีศาจอสูรพวกนั้นด้วยมือตัวเองเลย”

นั่นทำให้เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านหัวหน้า! ข้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วน่า ได้โปรดอย่าทำให้ข้ากลัวมากไปกว่านี้เลย แค่นี้ข้าก็แทบจะตายอยู่แล้ว”

ผมคำรามเย็นชาอยู่ในลำคอ “เลิกเสแสร้งได้แล้ว หือม!..” ตอนที่หันไปมองเขาขณะพูดอยู่ ผมกลับเห็นว่าตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ น้ำลายเริ่มไหลซึมออกมาจากมุมปากอย่างไม่ตั้งใจ

นั่นทำให้ต้องรีบหันไปมองตามสายตาของเขาในทันที ทางนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งจากเผ่าปีศาจกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา รูปร่างหน้าตาของเธอนั้นจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

ผมฟาดมือไปที่หลังของซูเหออย่างจัง เพื่อปลุกให้เขามีสติขึ้นมาก่อน เขาสะดุ้งขึ้นสุดตัว หันมามองที่ผมด้วยสายตาโกรธเคือง “ท่านทำอะไร?”

โดยไม่สนใจสายตาของเขา ผมเตือนออกไป “เจ้ากำลังมองอะไรอยู่? ควบคุมตัวเองหน่อยตอนที่อยู่กับพวกเรานี้ ถ้าเจ้าทำให้เกิดปัญหาขึ้น เจ้าได้สนุกอย่างที่ตัวเองคิดไม่ถึงแน่ ๆ”

เขายังมองมาที่ผมอย่างท้าทาย ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย “พวกเราเหล่าผู้ชายที่แท้จริงทุกคน ต่างก็เสาะหาเพื่อชื่นชมหญิงสาวที่มีความงดงาม ฉลาด และทำให้มีชีวิตชีวานี่นา สาวคนนั้นรูปร่างงดงามมาก ทุกสัดส่วนในร่างกายนั้นสมบูรณ์แบบจริง ๆ ว้าว!.. นี่มันช่างยอดเยี่ยมนัก ถ้าเกิดว่าอยู่ในชุดวัน...โอ้ย! ทำไมท่านถึงได้ตีข้าอีกล่ะ?”

“นี่ยังถือว่าปราณีอยู่นะ” ผมกล่าวกับเขา “ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปข้าจะใช้แรงเต็มที่แน่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มองผู้หญิงคนนั้นอีก!”

เห็นท่าทางที่จริงจังของผม เขาได้แต่ก้มหัวลงมองพื้นเท่านั้น แล้วตอนนี้หญิงสาวเผ่าปีศาจคนนั้นเดินเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อย ๆ ปีศาจสาวตนนั้นมีความงดงามเกินกว่าหญิงสาวชาวมนุษย์คนใด นั่นทำให้พวกเราตกอยู่ในอาการเดียวกันกับซูเหอไม่มีผิด ยืนงุนงงหลงใหลกับความงามนั้นตาไม่กระพริบ

ถึงแม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่ได้งดงามเท่ากับมู่จือ แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังสามารถสะกดทุกคนลงได้ โดยเฉพาะเรือนร่างที่อวบอิ่มสมบูรณ์นั่น เธอเยื้องกรายเข้ามาหาพวกเราอย่างสง่างาม ทุกอิริยาบถของเธอช่างกระตุ้นความรู้สึกเป็นอย่างมาก สะโพกและหน้าอกที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า มันทำให้ความคิดของพวกเราเตลิดไปอย่างบ้าคลั่ง ควบคุมไม่ได้แล้ว

ในที่สุดเธอก็เคลื่อนตัวผ่านพวกเราไปได้ แต่สายตาของพวกเรายังคงหันไปจับจ้องอยู่ที่เธออย่างเดิม หญิงสาวคนนั้นหันกลับมามองที่พวกเรา หัวเราะออกมาน้อย ๆ และนั่นมันยิ่งทำให้ปลุกเร้าอารมณ์ของพวกเรามากยิ่งขึ้นไปอีก

แล้วผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่ตรงต้นขาอย่างไม่รู้สาเหตุ น่าจะมีอะไรแทงเข้าไปที่ตรงนั้น แต่ช่างมันไปก่อนเถอะ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้สติกลับมา สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากก็คือ ด้วยระดับพลังของตัวเอง ผมยังตกอยู่ในการสะกดของเธอได้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว ผมรีบตะโกนออกมา “ทุกคน! ตื่นได้แล้ว เธอเป็นปีศาจสาวเท่านั้น!!” แน่นอนผมใส่พลังเวทย์เข้าไปในเสียงตะโกนนี้ด้วย เจตนาก็คือจะปลุกให้ทุกคนได้สติกลับมา

เหมือนกับว่าจ้านหู่จะฟื้นขึ้นมาเป็นคนแรก เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ก่อนจะพึมพำ “ช่างทรงพลังจริง ๆ”

ในแววตาของปีศาจสาวเจ้าเสน่ห์เริ่มมีท่าทีประหลาดใจ หันมาจ้องมองผมอย่างสังเกต “ข้าไม่เคยนึกเลยว่าจะมีใครบางคนสามารถฟื้นคืนสติกลับมาได้เอง เมื่อได้เห็นรูปร่างที่งดงามเย้ายวนแบบไร้ที่ติของข้าเต็มตาแบบนี้”

ผมแอบหมุนเวียนพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายอย่างเงียบ ๆ ชักนำพลังศักดิ์สิทธิ์ให้มารวมกันอยู่ที่บริเวณหน้าอกของตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เสน่ห์อันร้ายกาจของปีศาจสาวตนนี้สามารถเข้ามาทำอะไรผมได้อีก ก่อนจะกล่าวตอบกลับไป “เจ้าถือว่าร้ายกาจมาก ปีศาจน้อย! ทำไมถึงคิดจะล่อลวงพวกเรา?”

เธอหัวเราะคิกคัก “ข้าแค่หิวเท่านั้น เหตุผลนี้พอหรือไม่?” เสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูอ่อนโยน แต่มันแฝงไปด้วยพลังที่ปลุกเร้าอารมณ์อยู่อย่างเข้มข้น ผมคำรามเสียงเย็นชาออกมา ก่อนจะปล่อยรัศมีของพลังผสานระหว่างเวทย์มนต์และพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าใส่เธอทันที

เด็กสาวปีศาจนั้นดูตื่นกลัว ไม่ได้พยายามที่จะล่อลวงต่อไป แต่สร้างชั้นแสงสีดำออกมาเพื่อต้านทานการโจมตีของผมแทน

แต่ทั้งพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์และเวทย์มนต์ธาตุแสงมีคุณสมบัติในการปราบปรามเวทย์มนต์มืดทั้งคู่ การป้องกันของเธอไม่มีทางได้ผลเลย พลังแสงที่ผมส่งไปสลายชั้นเวทย์มืดของเธอลงอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปผนึกเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา

ปีศาจสาวตนนั้นพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของรัศมีแห่งแสงนี้ แต่แล้วก็ต้องร้องคร่ำครวญออกมา “นี่มันเวทย์มนต์แสงของเผ่ามนุษย์! พวกเจ้าไม่ใช่เผ่าปีศาจ!”

สีหน้าของผมกลายเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที “ในเมื่อเจ้ารู้ความลับของพวกข้าแล้ว คิดว่าวันนี้จะรอดไปได้อีกอย่างนั้นหรือ?” แล้วผมก็เดินเขาไปหาเธออย่างเย็นชา

ตอนนี้ทุกคนที่เหลือฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนต่างภาคภูมิใจในระดับความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี แต่ยังเกือบถูกสังหารด้วยน้ำมือของปีศาจสาวตัวเล็ก ๆ ตนหนึ่ง

ผนึกแห่งแสงนั่นบีบตัวรัดแน่นขึ้นทุกขณะ เด็กสาวเผ่าปีศาจยิ่งส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ และรูปร่างของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ภายใต้สายตาที่มองเข้าไปอย่างประหลาดใจของทุกคน เธอค่อย ๆ กลายร่างเป็นปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายกับหมาจิ้งจอก แต่ที่น่าตกใจก็คือ จิ้งจอกตัวนี้มีหางถึงหกเส้น! ซูเหออุทานออกมาด้วยความหวาดหวั่น “ปีศาจจิ้งจอกที่ยกระดับแล้วหรือนี่?”

ผมหันไปถามเขา “เธอเป็นปีศาจอสูรใช่หรือไม่?”

เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยออกมา “เธอน่าจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ท่านช่วยคลายผนึกนั่นลงสักเล็กน้อยเถิด” ผนึกแห่งแสงนั่นหยุดการหดตัวลง และคืนสภาพกลับมาอยู่ในขนาดเดียวกับตอนเริ่มต้นตามคำสั่งของผมทันที

ซูเหออธิบายเพิ่มเติมออกมาอีก “ปีศาจอสูรที่สามารถยกระดับตัวเองได้นั้นมีน้อยมาก ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอมันเข้าที่นี่”

ผมถามอย่างสงสัย “ปีศาจอสูรที่ยกระดับตัวเองได้ แตกต่างกับสัตว์เวทย์ประเภทเติบโตของนักเวทย์เผ่ามนุษย์อย่างไร?”

เขาพยักหน้า “มันมีความแตกต่างกันอย่างมาก ปีศาจอสูรที่ยกระดับตัวเองได้นั้นน่ามหัศจรรย์กว่านัก ไม่เพียงแต่มันยกระดับพลังขึ้น แต่ยังยกระดับสติปัญญาของตัวเองขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ ท่านก็เห็นว่าเธอนั้นเจ้าเลห์มากเหลือเกิน จากจำนวนหางที่ปรากฏออกมาให้เห็น จิ้งจอกหกหางน่าจะเป็นปีศาจอสูรระดับ B เท่านั้น แต่สติปัญญาของเธอนั้นเหนือกว่าปีศาจอสูรระดับ B ไปไกลมาก ถ้าเธอสามารถยกระดับจนมีเก้าหางได้ เธอจะกลายเป็นปีศาจอสูรระดับ A เมื่อถึงตอนนั้น คงจะไม่มีใครรับมือเธอได้ง่าย ๆ แล้ว

ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามต่อ “แล้วปีศาจจิ้งจอกมีการโจมตีที่พิเศษอะไรบ้างหรือไม่?”

ซูเหอขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยได้ยินว่าพวกนี้มีการโจมตีอะไรที่แข็งแกร่งนัก แต่ที่หางของพวกมันมีเหล็กไนซ่อนอยู่ แถมยังมีพิษที่รุนแรงมากอีกด้วย แม้ว่ามันจะไม่ทำให้ตายในทันที แต่มันก็จะทำให้คนที่ได้รับพิษเข้าไปไม่สามารถขยับตัวได้เลย ความสามารถพิเศษของเธอจริง ๆ น่าจะเป็นการที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรก็ได้ และสามารถเลียนเสียงได้เกือบทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ เธอน่าจะปลอมตัวเป็นผู้หญิงที่งดงามคนหนึ่งของเผ่าปีศาจชั้นสูง ถ้าพวกเราถูกเธอสะกดเอาไว้ได้จริง ๆ แล้วถูกพิษนั่นเข้าไป พวกเราโดนเธอดูดเลือดจนหมดตัวแห้งตายแน่ ๆ”

“โหดร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ?” ผมมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว

เขาพูดต่อ “ข้าเองก็ยังสงสัยอยู่ ว่าทำไมปีศาจอสูรอย่างนี้ถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? พวกมันต้องการเลือดของสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น เพื่อช่วยในการยกระดับตัวเอง นั่นทำให้พวกมันถูกไล่ล่ากวาดล้างจนแทบจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว เพราะการหาเหยื่อที่โหดร้ายของพวกมันเองนั่นแหละ ที่ไปกระตุ้นความโกรธของส่วนรวมขึ้นมา และอีกอย่าง ปีศาจจิ้งจอกน้อยตนนัก ที่จะฝึกฝนได้ถึงระดับของเธออย่างนี้ ในเผ่าปีศาจของพวกเราตอนนี้ มีเพียงปีศาจจิ้งจอกหางเดียวทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมอยู่เท่านั้น”

ผมก้าวเขาไปยืนอยู่เหนือร่างที่กองอยู่กับพื้นนั่น “ในเมื่อเจ้านั่นเป็นจำพวกที่โหดร้ายทารุณ วันนี้ข้าคงจะไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว คงจะมีผู้บริสุทธิ์อีกไม่น้อยที่ต้องตายลงในเงื้อมมือของเจ้าอีก” กล่าวจบ ผมก็ยกมือของตัวเองขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด