ตอนที่แล้วบทที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13

บทที่ 12


วันนี้ลง 12 13 14

บทที่ 12

“เหล่าแหย(นายท่าน)! นายน้อย! เกิด ... เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

“เซียวเซียว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สวี่เหยาเหวินเดินออกจากห้อง ถามด้วยเสียงทุ้ม

เห็นเพียงเซียวเซียวตรงหน้า ดวงตาสดใสชัดเจน ใบหน้างดงามรูปไข่ ผิวขาวเหมือนหิมะในฤดูหนาว

แม้ตอนนี้เซียวเซียวจะมีอายุเพียง 14 - 15 ปีเท่านั้น แต่ก็เริ่มเผยเสน่ห์ที่หญิงสาวแรกแย้มควรมีแล้ว ในอนาคตจักต้องเป็นสาวงามอย่างแน่นอน

“เซียว ... เซียวเซียว?”สวี่ล่ายผงะไปครู่หนึ่ง มองสาวงามตัวน้อยเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ ความทรงจำเกี่ยวกับเซียวเซียวแวบเข้ามาในหัวเขา

เซียวเซียวคือเด็กข้างถนนที่สวี่ล่ายรับเข้ามา แต่ต่อมา เนื่องจากมีความเฉลียวฉลาดและเชื่อฟัง จึงเป็นที่โปรดปรานของเย่เสวี่ยหลิง เป็นเหตุให้เย่เสวี่ยหลิงรับเธอไปในฐานะสาวใช้คนสนิท

ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลสวี่และตระกูลเย่กำลังตึงเครียด เย่เสวี่ยหลิงถูกกักบริเวณ เซียวเซียวจึงกลายเป็นผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือที่สุดระหว่างสวี่ล่ายและเย่เสวี่ยหลิง

“เหล่าแหย เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว! การประลองหาคู่ครองครั้งนี้ได้ดึงดูดสาวกสายในของนิกายเทียนเยว่มาเข้าร่วม!”

เซียวเซียวมีสีหน้าวิตกกังวล เล่าเสียงดัง

“อะไรนะ!? สาวกสายในของนิกายเทียนเยว่?” สวี่เหยาเหวินได้ยินแบบนั้น ลึกๆแอบประหลาดใจอยู่บ้าง

“อ้อ เจ้ากำลังพูดถึงสหายแซ่หลิวใช่หรือไม่? ข้าเคยพบเขามาก่อน แม้พลังรบของชายผู้นี้ไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะชนะ” สวี่ล่ายยักไหล่ ไม่ได้สนใจอะไร

“ล่ายเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าเคยประมือกันแล้วหรือ?”

“อ่า ... จะเรียกว่าประมือก็คงใช่ ตอนนั้นในร้านอาหาร ...”

สวี่ล่ายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหอจูเซียนคร่าวๆ

“ล่ายเอ๋อ เจ้า ... เจ้าสามารถสู้ ‘กระบี่ลมกรดหลี่อวี้ถิง’ ได้จริงๆหรือ?” สวี่เหยาเหวินประเมินลูกของเขาอีกครั้งด้วยท่าทางไม่เชื่อ

“เหอ เหอ ท่านพ่อ! ลูกได้พูดไปแล้ว ว่าระหว่างฝึกฝนในป่าหมอก ลูกประสบโชคเล็กน้อย จึงกล้ากลับมายังตระกูลสวี่ แต่ก่อนกลับได้แวะเติมกระเพาะที่หอจูเซียน และบังเอิญเจอคนจากตระกูลหลี่มารังแกตระกูลสวี่เราพอดี ในฐานะนายน้อยของตระกูล  แน่นอนว่าข้าไม่อาจทนเฉยดูคนของตัวเองถูกรังแกได้ ดังนั้นจึงมอบบทเรียนให้พวกเขา ...”

สวี่ล่ายดูสบายๆ และพึงพอใจมาก เล่าเรื่องการต่อสู้ในร้านอาหารคร่าวๆ

“ทำไมเจ้าไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรก?” สวี่เหยาเหวินจ้องเขม็ง

“ท่านพ่อ! ก็พอเข้าห้องท่านก็คิดลงโทษข้าด้วยกฏตระกูลทันที แล้วข้าจะมีเวลารายงานเรื่องนี้ได้อย่างไร?” สวี่ล่ายเบ้ปาก กล่าวด้วยใบหน้าขุ่นหมอง

“นายน้อย มันไม่ใช่แบบนั้น สาวกสายในที่ข้ากล่าวยังมาไม่ถึง ได้ยินมาว่าสองสามคนแรกที่มาถึงก่อนเป็นแค่ศิษย์น้องของเขาเท่านั้น” เซียวเซียวพูดอย่างใจจดใจจ่อ

“ไม่สำคัญว่าจะมาแล้วหรือยังไม่มา ยังไงซะฐานบำเพ็ญเพียรของพวกเขาน่าจะใกล้เคียงกัน ตอนนี้ข้าสวี่ล่ายมิใช่คนเดิมอีกแล้ว จะหมาป่าหรือจิ้งจอกก็ไม่ใช่ปัญหา กลับไปบอกเสวี่ยหลิงว่าสบายใจได้ ครั้งนี้ข้าจะโค่นคู่ต่อสู้ทั้งหมด แล้วแต่งงานกับนางอย่างแน่นอน” สวี่ล่ายโบกมือ ยืดอกเชิดหน้าทำท่าทางของผู้ชนะ

“ล่ายเอ๋อ อย่าทะนงตนนัก”

“ข้าทราบแล้วท่านพ่อ”

“อืม รู้ตัวก็ดีแล้ว” สวี่เหยาเหวินพยักหน้าโล่งใจ “พวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้ามีบางอย่างต้องทำ ขอตัวสักพัก ล่ายเอ๋อ อย่าลืมไปบ้านลุงสองของเจ้าด้วยล่ะ”

สวี่เหยาเหวินรู้ว่าสวี่ล่ายและเซียวเซียวมีเรื่องมากมายต้องพูดกัน จึงหาข้อแก้ตัวจากไปอย่างรู้ทัน

“ลูกทราบแล้ว” สวี่ล่ายพยักหน้ารับ

“ดีมาก”

“น้อมส่งเหล่าแหย” เซียวเซียวรีบถอยเปิดทาง ก้มหัวแสดงความเคารพ

เมื่อสวี่เหยาเหวินจากไป ในที่สุด เซียวเซียวก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “นายน้อย ข้าได้ยินมาว่าสาวกสายในนั้นทรงพลังมาก และเขามาที่นี่เพื่อคุณหนูโดยเฉพาะ”

“ทรงพลังมาก? และพวกเขามาที่นี่เพื่อเสวี่ยหลิงโดยเฉพาะ ทำไมกัน?”

เห็นสีหน้ากังวลของเซียวเซียว สวี่ล่ายรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าผ่อนคลาย

“นั่นเพราะคุณหนูมีพรสวรรค์ในการฝึกตนอันน่าทึ่ง อีกทั้งยังมีผลึกสตรีหยกเติบโตในร่างกาย นี่ดึงดูดความสนใจจากหลายฝ่าย ประมุขเย่เลยจงใจใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ คิดโอบกอดต้นไม้ใหญ่อย่างนิกายเทียนเยว่ และข้าได้ยินมาว่าประมุขเย่ได้ทำสัญญากับหลิวคุน หลานชายของอาวุโสหลิวแห่งนิกายเทียนเยว่อย่างลับๆแล้ว”

“อะไรนะ!?” สวี่ล่ายตกใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ไม่ใช่แค่นั้น ว่ากันว่าพลังรบของหลิวคุนได้ไปถึงขั้น 3 ของขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว ดังนั้นงานประลองหาคู่ในครั้งนี้ แท้จริงเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อปูทางให้เขาเท่านั้น”

“ขั้น 3 ขอบเขตรวมวิญญาณ!?” สวี่ล่ายพอได้ฟังต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบ ลอบร้องในใจ ‘ทรงพลังมากจริงๆด้วย’

เห็นได้ชัดว่า ด้วยพลังรบในปัจจุบันของสวี่ล่ายเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวกระโดดได้ขนาดนั้น ไม่น่าจะสามารถโค่นยอดฝีมือที่เหนือกว่าตนสองขั้นได้

แน่นอน หากสวี่ล่ายมีเวลาสะสมค่าปราณสังหารจนครบ 1,000 แต้ม อาศัยทักษะลับราชานรกประทับร่าง อาจจะยังสู้ได้ แต่ตอนนี้มันเป็นแค่ความเพ้อฝันของคนโง่เท่านั้น

“นายน้อย บ่าวแอบออกมาส่งข่าวโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงเวลาต้องกลับแล้ว คนอื่นจะได้ไม่สงสัย”

“อืม ... เดินทางปลอดภัย” สวี่ล่ายพยักหน้า

“เจ้าค่ะ ...” เซียวเซียวมองสวี่ล่ายซึ่งกำลังครุ่นคิดสีหน้าเคร่งขรึม ในที่สุดกัดริมฝีปาก เอ่ยประโยคสุดท้าย

“นายน้อย คุณหนูหลงงมงายในท่านนัก ถ้าหาก ... ถ้าหากนายน้อยไม่มั่นใจว่าสามารถชนะการประลอง เหตุใด ... เหตุใดไม่พาคุณหนูหนีตามกันเล่า?”

“หือ? หนีตามกัน?” สวี่ล่ายชะงัก รู้สึกว่ามันก็น่าสนใจดี แต่ไม่นานก็รู้สึกผิดที่คิดแบบนี้

ก่อนอื่นเลย ถ้าเขาหนีตามกันกับเย่เสวี่ยหลิง เช่นนั้นทั้งตระกูลสวี่คงตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง

ประการที่สอง เขาและเย่เสวี่ยหลิงต้องร่อนเรพเนจร ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก แล้วแบบนี้จะทำให้เธอมีความสุขได้หรอ?

“ไม่จำเป็น ข้าสวี่ล่ายเป็นคนซื่อสัตย์ จะทำอะไรขี้ขลาดอย่างหนีจากสมรภูมิได้อย่างไร? นอกจากนี้ ทุกอย่างในโลกล้วนมีทางออก ตราบใดที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ถึงขั้น 4 ขอบเขตรวมวิญญาณ ข้าสวี่ล่ายย่อมมีวิธีจัดการ” มุมปากสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย มีแผนอยู่ในใจแล้ว

“เป็นเรื่องจริงหรือ?” เซียวเซียวมีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าเธอก็เริ่มเกิดความไม่เชื่อถือ

“จริงแท้แน่นอน เซียวเซียว เจ้ากลับไปบอกเสวี่ยหลิง ให้นางรออย่างสงบ ข้า สวี่ล่ายจะเข้าร่วมการประลองหาคู่อย่างแน่นอน และจะเอาชนะศัตรูทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จและยุติธรรม จากนั้นเข้าพิธีแต่งงานกับนางอย่างสมเกียรติ” สวี่ล่ายตบไหล่เซียวเซียวกล่าวอย่างจริงจัง

“นายน้อย ...” ดวงตาของเซียวเซียวกระพริบเป็นดวงดาราระยิบระยับ ใบหน้าที่ดูหลงใหลจ้องมอง สวี่ล่ายเบื้องหน้าเธอ

“มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” สวี่ล่ายชะงัก เขาย่อมเห็นท่าทีที่แปลกไปของเซียวเซียว

“ไม่ .. ไม่มีอะไร เพียงแต่ ... ข้ารู้สึกว่านายน้อยเปลี่ยนไปมากตั้งแต่กลับมาครั้งนี้” เซียวเซียวหน้าแดง กล่าวด้วยท่าทีเขินอาย

“คนเราย่อมมีวันเติบโต นี่เป็นเรื่องธรรมดา ข้าสวี่ล่ายเมื่อกลับมาก็ได้ตื่นรู้แล้ว”สวี่ล่ายเผยใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง

“อื้ม” เซียวเซียวพยักหน้าอย่างแรง แล้วหันหลังวิ่งหนีไป

มองเซียวเซียวที่จากไป สีหน้าของสวี่ล่ายค่อยๆสงบลง

ถูกตัอง แม้ว่าเขาจะเหลือที่พึ่งสุดท้ายที่ยังไม่ได้ใช้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชนะการประลองได้จริงๆ

“ไม่สิ! มั่นใจหน่อย ข้าสวี่ล่ายต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน!” สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาทั้งสองกระพริบไหวด้วยประกายแข็งกร้าว

...

ในงานเลี้ยง ภายนอกสวี่ล่ายยังคงยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ภายในใจเขากำลังคิดถึงแผนการสำหรับเวลาที่เหลืออยู่

ไม่นาน หลังจากดื่มสุราไป 3 จอก รับประทานอาหารเลิศรสครบทั้ง 5 หมู่ สวี่ล่ายก็ลุกขึ้นและออกจากงานเลี้ยงโดยอ้างว่าร่างกายยังเหนื่อยล้า เดินทางกลับที่พักของตน

หลังจากปิดประตูและหน้าต่างแล้ว สวี่ล่ายนั่งไขว่ห้างบนตั่ง หยิบแผ่นหยกออกมาจากแหวนมิติของเขา

“บันทึกสร้างค่ายกลสวรรค์แตกตื่น ...”

ใช่แล้ว! นี่คืออีกวิธีหนึ่งที่สวี่ล่ายคิดไว้ในใจ มันคือทักษะลับในการประสานค่ายกล

ด้วยคุณสมบัติปัจจุบันของสวี่ล่ายต่อให้ติดจรวดบำเพ็ญเพียร ก็เกรงว่าจะไล่ตามชายในขั้น 3 ขอบเขตรวมวิญญาณไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม ยังเหลือเวลากว่าหนึ่งเดือนก่อนการประลอง สวี่ล่ายตั้งใจจะทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับการประสานค่ายกลนี้

ซึ่งหากสำเร็จ อาจมีโอกาสพลิกสถานการณ์ แต่ถ้าล้มเหลวล่ะก็ ...

“ไม่! ห้ามล้มเหลวเด็ดขาด!”

[ติ๊ง!]

[ภารกิจเสริม : ห้ามล้มเหลวในการฝึกฝนทักษะประสานค่ายกล]

“บ้าอะไร!?” สวี่ล่ายสะดุ้งที่ได้รับเสียงเตือนจากระบบ สะดุ้งตัวลงจากตั่งด้วยความตกใจ

[รางวัลความสำเร็จ : สร้างพันธมิตรหนึ่งราย ได้รับแต้มสะสม 500 แต้ม]

หลังจากภารกิจของระบบแจ้งเตือนอย่างกะทันหัน มันก็สงบลงโดยไม่ส่งเสียงใดๆอีก

“บัดซบ! หากยังเป็นแบบนี้บ่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วข้าคงตกใจกลัวจนเสียสติเป็นแน่” สวี่ล่ายปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก พยายามสงบใจดวงน้อยๆที่เต้นรัว แล้วนั่งลงอีกครั้ง

สวี่ล่ายไม่คาดคิดเลย ว่าจะสามารถเรียกใช้ภารกิจเสริมโดยไม่ตั้งใจ แบบนี้คงต้องศึกษาทักษะการประสานค่ายกลให้ดีและรอบคอบซะแล้ว

“ทักษะการประสานค่ายกลต้องไม่ล้มเหลว ...”สวี่ล่ายเริ่มปั่นความคิด พลิกม้วนเหล็กดำในทะเลตันเถียนหาข้อมูลเพิ่มเติม

“หือ? เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ จำเป็นต้องศึกษาทักษะประสานค่ายกล และหลอมหินค่ายกลเชิงรุกขั้น 1 ให้สำเร็จ?” สวี่ล่ายกระพริบตา รู้สึกว่าถ้าเรื่องแค่นี้น่าจะทำได้

คิดได้แบบนี้ สวี่ล่ายแนบแผ่นหยกลงบนหน้าผากเขาโดยไม่พูดอะไรซักคำ

แสงสีทองสว่างวาบ ความรู้พื้นฐานจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการประสานค่ายกลปรากฏขึ้นในใจเขา

ไล่ตั้งแต่การจำแนกและคัดเลือกสมุนไพร แร่ และวัสดุจากสัตว์ปีศาจไปจนถึงทักษะการกลั่น วิธีการสร้างค่ายกล และสุดท้ายคือการประสานค่ายกล

สวี่ล่ายเริ่มเกิดอาการนอนไม่หลับ ดื่มด่ำไปกับการศึกษาศาสตร์การประสานค่ายกลนี้

...

สามวันต่อมา

“ฮู่ว!” สวี่ล่ายผ่อนลมหายใจยาว ค่อยๆเก็บแผ่นหยก

“ร้ายกาจยิ่งนัก ซือถูเหยาสู่ผู้นี้สมควรเป็นปรมาจารย์การประสานค่ายกลอย่างแท้จริง ‘บันทึกสร้างค่ายกลสวรรค์แตกตื่น’ เล่มนี้เป็นตำราที่อัศจรรย์สำหรับทุกยุคทุกสมัย” ปากของสวี่ล่ายส่งเสียง จิ๊ จิ๊ ในเชิงชื่นชม

หลังจากศึกษามันอย่างรอบคอบเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดสวี่ล่ายก็เข้าใจความรู้พื้นฐานของการประสานค่ายกล ขั้นต่อไปคือการหาซื้อวัสดุหลักจำนวนมากและเริ่มหลอมหินค่ายกล

“วัสดุงั้นหรือ ...”

สวี่ล่ายลูบคางด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบางอย่าง ในใจเขากำลังนึกถึงหญิงงามทรงเสน่ห์——เหยาว่านซิน

...

ณ พันธมิตรการค้าว่านตง

“เถ้าแก่ ข้าต้องการซื้อวัสดุจำนวนมาก นี่คือรายการสินค้า เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ข้าคุณชายมีเวลาค่อนข้างจำกัด รบกวนท่านโปรดเร่งมือด้วย”

สวี่ล่ายพูดจบก็โยนใบไผ่ในมือให้เถ้าแก่ร้านวัยกลางคนของพันธมิตรการค้าว่านตง จากนั้นก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่เกรงใจ

“อ้อ เช่นนั้นคุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าจะตรวจสอบให้ ...” เถ้าแก่วัยกลางคนไม่ใส่ใจกับพฤติกรรมนี้ เขายกใบไผ่ขึ้นแนบหน้าผากอย่างลวกๆ

“ทรายสีชาดคุณภาพสูง แก่นโลหะ แก่นทองแดง หยกขาว หญ้าเฉียนโหลว ...... ทุกชิ้นอย่างละร้อย?” เถ้าแก่ร้านวัยกลางคนตกตะลึงเมื่อเห็นรายชื่อพวกนี้ กรามเขาอ้าค้าง เกือบร่วงกระแทกพื้น

“อะไร? อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่มี?”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด