ตอนที่แล้วบทที่ 197 – พลังอำนาจที่เพิ่มขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 199 – การโจมตีของสัตว์อสูรประหลาด

บทที่ 198 – ผลึกเวทย์มนต์


หลังออกจากที่พักมาแล้ว ผมตระเวนไปทั่วเมืองอย่างไม่มีจุดหมาย ในหัวของผมได้แต่คิดอยู่อย่างเดียว ตอนนี้ผมไม่เหลือที่ยืนในอาณาจักรอ้ายเซี่ยแล้ว ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกอาจารย์ตอนนี้จะเป็นกังวลขนาดไหน แล้วไหสุ่ยผู้บอบบางจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมยังไม่รู้อนาคตเลยว่าจะได้เจอกับพวกเขาอีกหรือไม่

ตอนที่ผมกำลังเดินไปเรื่อย ๆ อยู่นั้นเอง ผมได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้น “วันนี้เป็นวันเปิดร้านวันแรกของข้าน้อย ขอเชิญทุกท่านให้เกียรติเข้ามาเยี่ยมชม และซื้อหาสินค้าในร้านของข้าน้อยได้เลย...”

ผมหันไปมองตามเสียงนั้น พบว่าต้นเสียงมาจากร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ผมคิดอะไรออกขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมเดินทางกับคนจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลย เหรียญเพชรที่อยู่ในตัวของผมนั้นก็เริ่มน้อยลงไปทุกที ผมควรจะขายสิ่งที่ตัวเองมีออกไปเป็นเงินบ้าง

หลังจากตกลงใจได้แล้ว ผมรีบเดินเข้าไปที่ร้านนั้นทันที ร้านขายเครื่องประดับนี้เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะปรับปรุงร้านมาใหม่เอี่ยม มันดูโอ่อ่าอลังการมาก แค่ผมก้าวเท้าเข้าไปในร้าน พนักงานเข้ามาต้อนรับทันที กล่าวทักทายออกมา “นายท่าน กรุณาเข้ามาด้านในก่อน ท่านสามารถเดินดูรอบ ๆ ร้านได้ตามสะดวกเลย พวกเราเพิ่งเปิดร้าน แน่นอนว่าต้องมีส่วนลดพิเศษให้แก่นายท่าน”

ผมพยักหน้าให้เขา แล้วเดินตามเข้าไปในร้าน

ภายในร้านมาลูกค้าอยู่จำนวนไม่น้อย ต่างพากันเลือกชมเครื่องประดับที่พวกเขาสนใจกันอยู่

ผมเอ่ยถามพนักงานที่เข้ามาต้อนรับ “ร้านของเจ้ารับซื้อพวกอัญมณีหรือไม่?”

พนักงานคนนั้นอึ้งไปสักพัก “แน่นอนขอรับ! พวกเรารับซื้ออัญมณีด้วย นายท่านต้องการจะขายอัญมณีใช่หรือไม่?”

ผมพยักหน้า

“ได้โปรดรอสักครู่” เขาบอกออกมา “ข้าจะไปตามผู้รับผิดชอบมาต้อนรับท่าน” หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินหายไปทางข้างหลังร้าน

ในเวลาไม่นานนัก พนักงานคนนั้นก็เดินนำชายวัยกลางคนที่มีท่าทางเหมือนพ่อค้าออกมา แล้วแนะนำ “ท่านนี้คือผู้จัดร้านของพวกเรา ท่านควรจะเจรจากับเขาโดยตรง”

ผู้จัดการร้านคนนั้นกล่าวออกมา “ขอทักทายท่านลูกค้า พวกเราเข้าไปพูดเรื่องค้าขายกันด้านในดีกว่าหรือไม่?” เขาเป็นผู้รู้วิธีทำการค้าจริง ๆ สิ่งมีค่าบางอย่างไม่ควรถูกเปิดเผยออกมาโดยง่าย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ผมเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน เขาปิดประตูห้องอย่างมิดชิด ก่อนจะเริ่มเจรจา “นายท่าน ไม่ทราบว่าท่านมีเจตนาจะแลกเปลี่ยนสิ่งใด?”

ผมนำผลึกเวทย์สีม่วงขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากกระเป๋ามิติ ก่อนที่จะยื่นไปให้เขา นั่นทำให้เขาอุทานออกมา “หินผลึกสีม่วง ทำไมขนาดมันใหญ่อย่างนี้!” เขารับมันไปอย่างระมัดระวัง สายตาระหว่างที่เขามองมันนั้น เต็มไปด้วยความชื่นชม และอยากได้ไว้ครอบครอง

“ท่านจะรับมันเอาไว้หรือไม่?” ผมถาม

ในตอนแรกเขาพยักหน้า แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นส่ายหน้าทันที “ผลึกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป มันไม่มีตำหนิเลย และมันสามารถรองรับพลังเวทย์ได้จำนวนมหาศาล มันเป็นผลึกม่วงระดับสูงมาก น่าจะรองรับการยิงของปืนใหญ่เวทย์ได้มากกว่า 100 ครั้ง แต่ข้าเกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถจ่ายราคาของมันได้” (ปืนใหญ่เวทย์นั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายนัก ถึงแม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่โดยปกติแล้วจะใช้ในการป้องกันเมืองเท่านั้น ทุกครั้งที่ยิงออกไปหนึ่งครั้ง พลังทำลายของมันจะเท่ากับเวทย์โจมตีระดับสูงทีเดียว แต่มันต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังเวทย์ไม่น้อย ในการที่จะใช้ได้ในแต่ล่ะครั้ง และแหล่งกำเนิดพลังเวทย์ของมันก็คือผลึกเวทย์ต่าง ๆ นั่นเอง นี่ทำให้ผลึกเวทย์มนต์นั้นเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก ถ้าไม่ใช่เมืองใหญ่ หรือเมืองที่มีสำคัญจริง ๆ จะไม่มีมันอยู่ในครอบครองเลย ส่วนปราการเต๋อหลุนนั้นมีปืนใหญ่เวทย์อยู่ถึง 200 กระบอก นั่นทำให้การป้องกันของที่นั่นแข็งแกร่งมาก)

ร้านที่ใหญ่ขนาดนี้ยังไม่สามารถมีเงินพอซื้อผลึกม่วงนี้ได้อย่างนั้นหรือ? ผมขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นช่วยประมาณราคาของมันให้กับข้าได้หรือไม่”

เขาตอบออกมาทันทีอย่างมั่นใจ “ไม่น่าจะต่ำกว่า 20,000 เหรียญเพชรแน่นอน”

หา!! มันมีมูลค่าขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย? 20,000 เหรียญเพชรนี่นะ มันยิ่งกว่ามากมายมหาศาลสำหรับผมเสียอีก ผมได้แต่ยิ้ม ก่อนจะเสนอออกไป “ถึงแม้ว่าราคานี้จะต่ำไปสักหน่อย แต่ตอนนี้ข้ากำลังต้องการใช้เหรียญเพชรอย่างเร่งด่วน ถ้าท่านต้องการ ข้าพร้อมที่จะขายมันให้ท่านด้วยราคานี้เลย”

ดวงตาของเขาลุกโชนขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ามูลค่าจริง ๆ ของมันจะสูงกว่านี้หลายเท่านั้น เห็นเขากัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยออกมา “เช่นนี้ได้หรือไม่ กรุณารอสักครู่ ข้าต้องออกไปพบปะสหายก่อนสักเล็กน้อย เพื่อดูว่าจะรวบรวมเงินได้สำเร็จหรือไม่ อันที่จริง พวกเราน่าจะสามารถจ่ายสำหรับผลึกเวทย์นี้ได้ แต่ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะเปิดร้านนี้ขึ้นใหม่ ทำให้เงินทุนส่วนหนึ่งหมดลงไปกับการลงจัดหาสินค้าเข้าร้าน ข้าไม่มีเงินสดติดร้านอยู่มากขนาดนั้นแล้ว”

แล้วเขาก็รีบออกจากห้องทำงานไป ในระหว่างนั้นผมก็เล่นผลึกเวทย์สีม่วงในอยู่ในมือไปพลาง ๆ ถึงแม้ว่าผมจะรับรู้ถึงพลังเวทย์ที่บรรจุอยู่ในผลึกสีม่วงนี้ได้ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่นา ทำไมมันถึงได้มีมูลค่ามากมายขนาดนี้ แล้วถ้าผู้จัดการร้านคนนี้รู้ว่า สิ่งที่ผมห่อแล้วสะพายหลังไว้คือคทาเวทย์ซู่เกอลาที่ประดับด้วยผลึกมากมาย เขาจะทำหน้ายังไงนะ

ผู้จัดการร้านใช้เวลาไปพอสมควรก่อนจะกลับมาอีกครั้ง ทั้งใบหน้าและเสื้อผ้าของเขาล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอเขายังเห็นผมอยู่ในห้อง เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จนผมต้องเอ่ยถามเขายิ้ม ๆ “เป็นอย่างไร? ท่านกลัวว่าข้าจะหนีไปอย่างนั้นหรือ?”

เขายิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วม ก่อนจะกล่าวออกมา “ข้ารวบรวมเงินได้ครบแล้ว พวกเราไปที่สหพันธ์เวทย์มนต์เพื่อทำการแลกเปลี่ยนกันเถิด” (ในการแลกเปลี่ยนจำนวนมากขนาดนี้ มีแต่สหพันธ์เวทย์มนต์เท่านั้นที่สามารถจัดการให้ได้)

ผมเดินตามเขาไปที่สหพันธ์เวทย์มนต์ แน่นอนว่ามันมีประกาศจับของผมติดอยู่ที่นี่ด้วย โชคดีที่ผมนั้นสวมหมวกไม้ไผ่ใบเดิมปิดบังใบหน้าอยู่ แต่หลังจากที่ผมส่งบัตรม่วงของผมให้ผู้จัดการร้านเพื่อทำการแลกเปลี่ยนนั้น เขาหันกลับมามองที่ผมอย่างประหลาดใจ แล้วหลุดปากถามออกมา “ท่านมีบัตรม่วงนี้อยู่ในครอบครอง แสดงว่าต้องเป็นนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงไม่น้อย”

แต่ผมเพียงกล่าวกลับไปอย่างเย็นชา “ไม่ต้องถามอะไรให้ยุ่งยาก รีบทำการแลกเปลี่ยนให้เรียบร้อยดีกว่า”

ภายใต้การจับตามองของผม ผู้จัดการร้านทำการโอนย้ายเงินจำนวน 20,000 เหรียญเพชรเข้าสู่บัญชีของผมเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่า! ผมรวยแล้ว!

หลังจากกลับมาที่ร้านเครื่องประดับอีกครั้ง ผมมอบผลึกเวทย์สีม่วงก้อนนั้นให้แก่เขา และเห็นเขาปฏิบัติต่อมันราวกับเป็นลูกของตัวเอง นั่นทำให้ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

เมื่อเขาควบคุมตัวเองได้บ้างแล้ว เขากล่าวกับผมอย่างอ่อนน้อม “ท่านนักเวทย์ ถ้าโอกาสหน้าท่านบังเอิญได้ครอบครองผลึกเวทย์อีกครั้ง รบกวนช่วยนึกถึงร้านของข้าน้อยด้วย พวกเราจะต้องให้ราคาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน”

ผมส่ายหน้า “ข้าไม่คิดเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้ห่างไกลเกินไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับมาเมืองนี้อีกหรือไม่”

ผู้จัดการร้านเผยยิ้มออกมา “ร้านเครื่องประดับจี๋เสียงของเรานั้นมีสาขาอยู่ไม่น้อย ท่านสามารถพบกับร้านค้าของพวกเราได้เกือบทุกเมืองเลย”

โอ้! ที่แท้ก็เป็นร้านที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่นี่เอง

เขายังหยิบบัตรออกมายื่นให้ผม “นี่เป็นบัตรสำหรับลูกค้าระดับสูงของทางร้านเรา ไม่ว่าท่านจะไปที่สาขาใด ท่านจะได้รับบริการเป็นพิเศษอย่างแน่นอน”

ผมหยิบบัตรสีเหลืองนั้นมา “บัตรพวกนี้แบ่งระดับหรือไม่?”

“แน่นอน!” เขาตอบ “สำหรับลูกค้าระดับสูงนั้นเรายังแบ่งออกเป็นห้าขั้น แต่บัตรใบนี้ถือว่าสูงที่สุดแล้ว เราจะมอบให้เฉพาะลูกค้าที่มีความสำคัญเท่านั้น”

ผมกระแอม “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก หวังว่าต่อไปจะได้ทำธุรกิจกันอีก” แล้วผมก็เก็บบัตรนั้นเอาไว้

ผู้จัดการร้านเป็นคนออกมาส่งผมที่หน้าร้านด้วยตัวเอง ถ้าดูจากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของเขานั้น ผมว่าครั้งนี้เขาคงทำกำไรได้ก้อนใหญ่แน่นอน และบางทีเครือข่ายร้านเครื่องประดับนี้อาจจะกลายเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดก็ได้ ถ้าในอนาคตผมมาทำการซื้อขายด้วยบ่อย ๆ แน่นอน ผมก็ได้ประโยชน์จากพวกเขาไม่น้อย และคงมีร้านไม่มากที่ผมจะสามารถแลกเหรียญเพชรมาเพื่อใช้จ่ายได้

ผมใช้เงินที่เพิ่งได้มาไปเกือบ 100 เหรียญเพชรเพื่อจัดหาของใช้ที่จำเป็น มันถูกบรรทุกไว้เกือบเต็ม 2 คันรถแน่ะ แล้วผมก็เดินทางกลับไปยังที่พัก นี่ต้องขอบคุณเหล่ามังกรที่มีน้ำใจพวกนั้น ผมคงจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินไปอีกนานเลยล่ะ

หลังจากแจกจ่ายของที่ผมซื้อมาให้กับชาวบ้านของหมู่บ้านเทพเจ้าในวันรุ่งขึ้นแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังอาณาจักรซิวต้ากันต่อ

ตอนนี้พวกเราพยายามทำตัวเป็นขบวนพ่อค้าที่กำลังเดินทาง นั่นทำให้หลีกเลี่ยงปัญหาไปได้ไม่น้อย เราเดินทางกันมาถึงเมืองโพหลีหม่าอย่างราบรื่น นี่เป็นสถานที่แรกที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมาคมทหารรับจ้าง และอีกอย่าง หุบเขาของพี่ใหญ่จ้านหู่ก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด