ตอนที่แล้วตอนที่ 272 แบล็คแบท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 274 ราชวงศ์

ตอนที่ 273 คอนสแตนติน


ตอนที่ 273 คอนสแตนติน

เซี่ยเฟยไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกในรอบที่ 2 ตามคำแนะนำของพอตเตอร์ แต่คะแนนของเขาก็มากพอที่จะทำให้เขาผ่านการแข่งขันรอบคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขันที่แท้จริงได้

ขณะเดียวกันในการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบที่ 2 หลี่โม่ก็สามารถแสดงผลงานออกมาได้อย่างโดดเด่น โดยสามารถออกแบบระบบเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ภายใต้สถานการณ์จำลองได้ถึง 25% และทำให้เขาสามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาได้ด้วยคะแนนอันดับ 1 ขณะที่ลำดับของเซี่ยเฟยอยู่มากกว่า 1,000

เซี่ยเฟยยังคงยุ่งอยู่กับการประชุมโดยไม่สนใจลำดับในรอบคัดเลือกของเขาเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็สนใจเพียงแค่การผ่านรอบคัดเลือกไปยังการแข่งขันที่แท้จริงเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอันดับในรอบคัดเลือกเลย

ในเช้าวันที่ 2 หลังจากการแข่งขันรอบคัดเลือกสิ้นสุดลง เซี่ยเฟยก็ได้รับการติดต่อมาจากไป๋เย่ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ดังนั้นการติดต่อมาในครั้งนี้จึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

เซี่ยเฟยวางเครื่องมือลงกับพื้นพร้อมกับรับน้ำส้มจากแอวริลมาดื่มแก้กระหาย จากนั้นเขาก็เชื่อมต่อระบบสื่อสารซึ่งภาพที่ปรากฏขึ้นมาก็ไม่ได้มีเพียงแต่ไป๋เย่เท่านั้น แต่หลี่โม่ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ไป๋เย่ด้วย

“ว่าไงแอวริล” หลี่โม่เริ่มทักทายแอวริลที่อยู่ข้าง ๆ เซี่ยเฟยก่อน โดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเซี่ยเฟยเลยด้วยซ้ำ

การปรากฏตัวของหลี่โม่อย่างกะทันหันทำให้แอวริลลนลานอยู่เล็กน้อย เธอจึงรีบใช้มือเกาะเกี่ยวแขนของเซี่ยเฟยเอาไว้พร้อมกับหันไปพูดคุยกับหลี่โม่ที่อยู่ในหน้าจอ

“นี่คุณคิดจะทำอะไรกับเซี่ยเฟย!?”

“หึ! ที่คุณปฏิเสธผมก็เพราะว่าเขาสินะ” หลี่โม่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันดูถูก

แอวริลเชิดหน้าอกของเธอขึ้นพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น ขณะเดียวกันดวงตาของเธอก็จ้องมองไปยังหลี่โม่ราวกับพยายามจะปกป้องเซี่ยเฟยเอาไว้

เซี่ยเฟยไม่คิดว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับหลี่โม่อย่างกะทันหันแบบนี้ เพราะในความเป็นจริงเขาชอบที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้อย่างเงียบ ๆ มากกว่า อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหนี เพราะการท้าทายซึ่ง ๆ หน้าก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่สำหรับเขาด้วยเหมือนกัน

“แอวริลเธอช่วยออกไปก่อนได้ไหม? พอดีฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณไป๋กับคุณหลี่” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับแอวริลด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่ว่ายังไงในสายตาของเขาแอวริลก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสา เขาจึงพยายามให้เธอออกห่างจากสถานการณ์อันวุ่นวายให้ได้มากที่สุด

แอวริลกังวลเรื่องเซี่ยเฟยอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธคำขอของชายหนุ่ม เธอจึงยอมถอยห่างออกไปแต่ยังคงจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยแววตาที่กังวล

เซี่ยเฟยเช็ดน้ำมันที่เปื้อนมือบนชุดทำงานตามปกติ ก่อนที่เขาจะหยิบบุหรี่ออกมาจุดและพ่นควันออกมาเป็นกลุ่มใหญ่

“ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

“คุณคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอที่แอวริลจะไปอยู่กับคุณ” หลี่โม่ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“มันก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมกว่าถ้าหากว่าเธอไปอยู่กับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันก็เป็นการตัดสินใจของตัวแอวริลเอง ไม่ว่าจะคุณหรือฉันก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอทั้งนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“คนจน ๆ อย่างคุณจะมาเข้าใจเรื่องชนชั้นสูงอย่างพวกเราได้ยังไง อันที่จริงตระกูลหลี่ไม่ได้สนใจเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากตระกูลเจี่ยนด้วยซ้ำ แต่เงินจำนวนนั้นมันก็เป็นเงินจำนวนมากพอที่คุณคงจะไม่สามารถหามาได้แม้ว่าจะทำงานไปทั้งชีวิตแล้วก็ตาม สาเหตุที่ตระกูลหลี่ยอมลดตัวลงมาหาตระกูลเจี่ยนก็เพราะว่าฉันชอบแอวริลมาก เอาล่ะฉันขอพูดตรง ๆ เลยนะเลิกยุ่งกับแอวริลซะ! แล้วฉันจะยอมให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงเพียงเท่านี้” หลี่โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก

เซี่ยเฟยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกอยู่เล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดตระกูลของแอวริลก็พยายามใช้เงินกดดันให้เขายอมถอยออกไป ขณะที่หลี่โม่ก็ใช้เรื่องเงินขึ้นมาข่มขู่เขาซึ่ง ๆ หน้า หรือว่าพวกชนชั้นสูงได้วัดคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเงินเพียงอย่างเดียว?

“ได้สิ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ

“หึ! ตอนแรกฉันก็คิดว่าคุณจะเป็นพวกหัวรั้น แต่ดูเหมือนคุณจะพอรู้สภาพของตัวเองอยู่บ้างสินะ บอกจำนวนเงินที่คุณต้องการมาได้เลยเดี๋ยวฉันจะให้คนของฉันโอนเงินไปให้ในภายหลัง” หลี่โม่กล่าวขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ว่า

“ฉันเคยบอกนายแล้วใช่ไหมว่าในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ เห็นไหมตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ต่างไปจากสุนัขตัวน้อย ๆ ที่ยอมกระดิกหางเข้าหาฉันเลย ทันทีที่ฉันยอมโยนเศษเนื้อติดกระดูกให้มันเป็นอาหาร”

หลี่โม่หันไปพูดกับไป๋เย่ราวกับว่าเซี่ยเฟยไม่ได้อยู่อีกฟากของหน้าจอ ซึ่งการกระทำของเขาถือว่าเป็นการดูถูกเซี่ยเฟยอย่างรุนแรง

“แน่ใจนะว่าจะพูดกับฉันแบบนี้ ราคาที่ฉันเรียกร้องไม่ใช่น้อย ๆ นะจะบอกให้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“อยากจะเรียกเท่าไหร่ก็เรียกมาเลย ฉันยอมจ่ายได้ทุกราคา” หลี่โม่กล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเงินมูลค่า 2 เท่าของบริษัทไฟร์สตาร์ไฟแนนซ์” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา 2 นิ้ว

คำตอบนี้ถึงกับทำให้หลี่โม่รู้สึกตกตะลึง และในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามยั่วโมโหเขาอยู่

ปัง!

หลี่โม่ใช้มือตบโต๊ะอย่างแรงก่อนที่เขาจะตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“กล้าดีนี่! แบบนี้ค่อยน่าสนุก ถ้างั้นก็ช่วยแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา พวกเราจะได้เห็นดีกันในการแข่งขันแน่ อย่าพึ่งรีบยอมแพ้ไปซะก่อนล่ะ!!”

“คุณก็เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพ่นควันออกมาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย

หลี่โม่หันหลังเดินออกจากหน้าจอไปด้วยใบหน้าที่สีแดง ไป๋เย่จึงพยายามเรียกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองเอาไว้ ซึ่งบนใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ฉันขอเตือนนายในฐานะเพื่อนร่วมค่ายฝึกเดียวกันว่า ใครก็ตามที่ทำให้หลี่โม่โกรธไม่เคยจบลงด้วยดีกันสักคน” ไป๋เย่กล่าวเตือนเซี่ยเฟย

“ที่จริงเรื่องที่นายคิดก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด เยว่เกอก็เป็นของฉันด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ปัง!

“นายจะต้องเสียใจกับความอวดดีของตัวเอง!!” ไป๋เย่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับตบโต๊ะอย่างรุนแรง

“อะไรกันผู้หญิงของนายก็ชอบฉัน ผู้หญิงของลูกพี่ลูกน้องนายก็ชอบฉันด้วยเหมือนกัน แล้วฉันจะต้องมีอะไรที่เสียใจ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยใบหน้ายียวนกวนประสาท

คำตอบนี้ทำให้ไป๋เย่โกรธจนแทบจะเป็นบ้า เพราะท้ายที่สุดเขาก็เกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เขาจึงไม่เคยพบเจอกับใครที่กล้ายั่วยุเขาแบบนี้มาก่อนเลย แต่ในขณะที่เขาพยายามจะโต้ตอบกลับไปหลี่โม่ก็ส่งเสียงตะโกนเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน เขาจึงปิดระบบสื่อสารและวิ่งตามหลี่โม่ไปอย่างเร่งรีบ

เซี่ยเฟยดูดบุหรี่พร้อมกับเงยหน้าพ่นควันขึ้นไปในอากาศด้วยท่าทางอันผ่อนคลาย ราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“ทำไมนายถึงดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย การยั่วยุศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนั้นมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมนี่นา” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ตราบใดก็ตามที่มันกล้ามาคุกคามฉัน ฉันก็จะถือว่าพวกมันคือศัตรู” เซี่ยเฟยกล่าว

“หลี่โม่คุยอะไรกับนาย?” แอวริลรีบวิ่งเข้ามาหลังจากที่ได้เห็นเซี่ยเฟยตัดระบบสื่อสารไป

“เขาแค่ต้องการให้ฉันอยู่ห่างจากเธอ แต่ฉันบอกเขาไปแล้วว่าถ้าหากเขาต้องการให้ฉันอยู่ห่างจากเธอจริง ๆ ก็ให้ยกบริษัทของตระกูลเขาให้กับฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าเขายอมยกบริษัทให้กับนายจริง ๆ นายจะยอมทิ้งฉันไปงั้นเหรอ?” แอวริลบ่นอย่างไม่พอใจ

“ถึงแม้เขาจะยกจักรวาลให้กับฉัน แต่มันก็เปลี่ยนใจฉันไม่ได้หรอก” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับลูบผมสีทองของหญิงสาวเบา ๆ

คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของแอวริลเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วเธอก็เอาใบหน้าซุกเข้าไปในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่ออดอ้อน

เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนเซี่ยเฟยจึงได้ทำการผลิตระบบเรดาร์แบล็คแบทขึ้นมาทั้งหมด 3 ชุด โดยชุดหนึ่งเขาได้ส่งมันไปให้ทูรามตามสัญญาที่ให้ไว้ และเก็บอีกสองชุดเอาไว้ใช้ในการแข่งขัน

หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสำนักงานลงทะเบียนการแข่งขัน เพื่อเพิ่มระบบเรดาร์แบล็คแบทในนามบริษัทควอนตัม ซึ่งมันก็ทำให้หลังจากนี้เขาสามารถเรียกใช้ระบบเรดาร์แบล็คแบทในการแข่งขันได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวว่าใครจะทำการเบิกระบบเรดาร์แบล็คแบทออกไปเลย เพราะตลอดการแข่งขันมันได้มีบริษัทหลายพันแห่งได้ส่งอุปกรณ์ของพวกเขาเข้ามาทำการลงทะเบียน ดังนั้นการพยายามหาระบบเรดาร์แบล็คแบทท่ามกลางระบบเรดาร์นับหมื่นชนิดจึงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เลย

นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังตั้งราคาของระบบเรดาร์แบล็คแบทเอาไว้ค่อนข้างสูง และเนื่องจากการแข่งขันรายการโกลเดนฟิงเกอร์มีข้อจำกัดทางด้านต้นทุน มันจึงไม่มีใครยอมเสี่ยงเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อทดลองใช้ระบบเรดาร์ที่พวกเขาไม่รู้จักอย่างแน่นอน

การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ได้แบ่งการแข่งขันย่อย ๆ ออกเป็น 24 รายการ ซึ่งใครก็ตามที่สามารถทำคะแนนรวมจากการแข่งขันย่อย ๆ ได้สูงที่สุดก็จะได้แชมป์การแข่งขันรายการนี้ไป

รอบแรกเป็นการแข่งขันเพิ่มประสิทธิภาพระบบพลังงาน โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพระบบพลังงานของยานรบโดยไม่ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานของเครื่องปฏิกรณ์ ซึ่งเซี่ยเฟยก็เลือกที่จะทำการติดตั้งระบบควอนตัมคอลไลเดอร์เพื่อเพิ่มพลังงาน และผลลัพธ์ก็ทำให้เขาได้อันดับ 1 โดยเฉือนชนะหลี่โม่ไปเพียงแค่แต้มเดียว

การแข่งขันในรอบที่ 2 เป็นการออกแบบเกราะของยานรบ โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันความเสียหายทุกอย่างให้ได้อย่างสมดุลย์

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกราะของยานรบแบ่งออกเป็นความเสียหายหลายประเภท เช่น ความเสียหายจากพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจากปืนเลเซอร์, ความเสียหายจากการระเบิดของขีปนาวุธและความเสียหายที่เกิดจากการจู่โจมด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ปัญหาก็คือโดยปกติการมุ่งเน้นการป้องกันไปยังความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง มักจะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันความเสียหายอีกอย่างหนึ่งลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถ้าหากว่าใครสามารถออกแบบเกราะป้องกันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด คนคนนั้นก็จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันรอบนี้ไป

เซี่ยเฟยคิดวิธีการแก้ปัญหาโจทย์ข้อนี้ด้วยวิธีการแบบปกติไม่ได้เหมือนกัน แต่เขาได้ใช้ช่องว่างของกฎในการออกแบบยานรบให้เป็นทรงข้าวหลามตัดทุกทิศทาง ซึ่งไม่ว่าการโจมตีจะมาจากทิศทางใดมันก็จะถูกมุมลาดเอียงของเกราะลดทอนการโจมตีของมันลงไป

คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้ผู้จัดการแข่งขันรู้สึกอับอาย เพราะมันไม่มีทางที่ใครจะสร้างยานอวกาศรูปทรงนี้ขึ้นมาได้จริง ๆ แต่พวกเขาก็ลืมระบุข้อกำหนดกฎระเบียบในเรื่องนี้เอาไว้ มันจึงทำให้เซี่ยเฟยได้รับชัยชนะเป็นอันดับ 1 โดยมีคะแนนเหนือกว่าหลี่โม่ที่ได้อันดับ 2 อยู่ที่ 27 คะแนน

ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทควอนตัม

“พี่เฟยชนะ 2 รอบติดต่อกันแล้ว และมีคะแนนนำอันดับ 2 ถึง 28 คะแนน ถ้าการแข่งขันยังคงดำเนินแบบนี้ต่อไป พวกเราก็จะกลายเป็นแชมป์ในการแข่งขันรายการนี้” ชาร์ลีพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ใจเย็น ๆ การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์กินเวลานานกว่า 1 เดือน และนี่ก็เป็นผลการแข่งขันจากการแข่งขันเพียงแค่ 2 รอบเท่านั้น โอกาสเป็นแชมป์ในความเป็นจริงยังคงห่างไกล แต่เซี่ยเฟยก็ทำได้ดีที่ใช้ช่องโหว่ในการแข่งขันแซงผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอยู่มากกว่า 20 คะแนน” พอตเตอร์กล่าว

“ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ พี่เฟยถึงมาเข้าร่วมการแข่งขันรายการอื่นแบบนี้ ตอนแรกเขายังบอกอยู่เลยว่าเขาไม่อยากเสียเวลาในการแข่งขัน เขาเลยเลือกจะเข้าร่วมการแข่งขันในรายการเฉพาะที่เกี่ยวกับการโปรโมตสินค้าของเราเท่านั้น แต่จู่ ๆ พี่เขากลับเข้าร่วมการแข่งขัน 2 รายการแรกเฉยเลย” ชาร์ลีถามขึ้นมาอย่างสับสน

“พวกคุณไม่ต้องคิดมาก ถึงยังไงเซี่ยเฟยก็ต้องมีเหตุผลในการทำแบบนี้อยู่แล้ว สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำมีเพียงแค่การเชื่อใจเขาอย่างเดียวก็พอ” ซาร่ากล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยช่วยเหลือเธอออกมาเธอก็เชื่อฟังคำสั่งเขามาโดยตลอด

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน พี่เฟยเป็นคนที่ทำอะไรอย่างรอบคอบมาโดยตลอดอยู่แล้ว และถ้าหากว่าพี่เขาได้แชมป์รายการนี้จริง ๆ มันก็ยิ่งส่งผลให้บริษัทของเรามีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น” ชาร์ลีกล่าว

ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ชาร์ลีพูดก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย

การแข่งขันได้ดำเนินเข้าสู่วันที่ 2 ซึ่งการแข่งขันในวันนี้คือการแข่งขันวัดความเร็ว โดยทั้งเซี่ยเฟยและหลี่โม่ต่างก็ได้รับอันดับ 2 ร่วมกันที่มีคะแนนตามหลังอันดับ 1 อยู่ 5 คะแนน

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการแข่งขันมากเกินไป เขาจึงเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าแข่งขันการซ่อมบำรุงโดรนในช่วงบ่าย

หลังจากเดินออกมาจากห้องแข่งขันชายหนุ่มก็ได้พบกับแอวริลที่รออยู่ด้านนอกอยู่แล้ว โดยบริเวณรอบ ๆ ตัวของเธอมีบอดี้การ์ดหลายสิบคนคอยซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน ซึ่งเซี่ยเฟยก็ยังคงพยักหน้าให้กับผางชิงเพื่อเป็นการทักทาย

“เซี่ยเฟยนายเก่งมากเลย! ตอนนี้คะแนนของนายนำอยู่เป็นอันดับ 1” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“อะไรกันการแข่งขันเมื่อกี้ฉันแพ้นะ คอนสแตนตินที่ได้อันดับ 1 ทำยานรบได้เร็วกว่าฉันตั้งเกือบ 2 นาที” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ช่างมันเถอะ! ไม่ว่านายจะแข่งได้อันดับไหนแต่นายก็เป็นอันดับ 1 ในใจของฉันอยู่ดี” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“เข้าใจแล้วจ้า พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ! การแข่งขันซ่อมโดรนในช่วงบ่ายเป็นเรื่องที่ฉันถนัด ฉันคิดว่าผลการแข่งขันในรอบนี้ของฉันน่าจะออกมาดีพอสมควร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้มือเกาคางหญิงสาวตรงหน้า

“ถึงยังไงผลลัพธ์ในตอนบ่ายมันก็จะเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี”

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากข้างหลังของพวกเขา ซึ่งเจ้าของเสียงก็คือชายหนุ่มในชุดขาวที่มีผมเผ้าอันยุ่งเหยิง

อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าของชายคนนี้ก็ค่อนข้างที่จะดูผิดแปลกไป เพราะเขาติดกระดุมไม่เข้าคู่จนทำให้เสื้อเชิ้ตดูลาดเอียงในมุมแปลก ๆ และรองเท้าที่เขาใส่ก็เหมือนกับรองเท้าที่ไม่เคยถูกทำความสะอาด มันจึงเลอะเทอะสิ่งสกปรกจนทำให้มันกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม

“อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ และแม้แต่คุณก็ไม่สามารถจะคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ กับคอนสแตนตินผู้ซึ่งได้รับชัยชนะอันดับ 1 ในการแข่งขันเรื่องความเร็ว

คอนสแตนตินมองไปที่เซี่ยเฟย จากนั้นเขาก็หันไปมองทางแอวริลก่อนที่มุมปากของเขาจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับโค้งคำนับตามมารยาทของชนชั้นสูง

“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมชื่อคอนสแตนตินมาจากอาณาจักรเทียนโลหิต คุณผู้หญิงได้โปรดรับความรักจากคนบาปคนนี้ด้วย แล้วผมจะอุทิศชีวิตทั้งหมดของผมเพื่อคุณคนเดียว”

เสียงของคอนสแตนตินไม่ดังมากนัก แต่ในขณะนี้การแข่งขันเพิ่งจบลงผู้ชมนับพันจึงกำลังทยอยออกมาจากสนามแข่งขัน แล้วมันก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะได้พบกับภาพที่คอนสแตนตินกำลังสารภาพรักกับแอวริล!

ผู้คนรอบข้างต่างก็หยุดดูชายสองหญิงหนึ่งคนนี้ด้วยสายตาที่สงสัย และทันใดนั้นพวกเขาก็สามารถจดจำหญิงสาวคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว

“นั่นมันคุณหนูตระกูลเจี่ยนไม่ใช่เหรอ?”

“ตระกูลเจี่ยนไหน? แต่ผู้หญิงคนนี้ก็สวยจริง ๆ นะ”

“อะไรกันนี่คุณไม่รู้จักตระกูลเจี่ยนเหรอ? พวกเขาคือตระกูลผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดที่คอยให้บริการระบบสตาร์ลิงไปทั่วทั้งจักรวาลเลยนะ”

“อะไรนะ?! นี่เธอเป็นคุณหนูของบริษัทนั้นงั้นเหรอ?”

“ดูเหมือนตอนนี้เธอกำลังมีปัญหานะ เหมือนก็มีผู้ชาย 2 คนกำลังพยายามไล่ตามเธออยู่”

“คนพวกนี้กล้ามากจริง ๆ ถึงขนาดกล้าจีบคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน”

ในเวลาเดียวกันผางชิงก็นำทีมบอดี้การ์ดกันฝูงชนเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้

แอวริลกำลังรู้สึกช็อก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักกับเธอกลางท้องถนนและที่สำคัญคือเธอไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน

“ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันไม่รู้จักคุณ” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น ขณะที่ใช้แขนอีกข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวแขนของเซี่ยเฟยไว้

ถึงแม้คำพูดคำจาของคอนสแตนตินจะเหมือนกับคุณชายเจ้าสำราญ แต่ท่าทางที่เขาแสดงออกมากลับดูไม่ต่างไปจากอันธพาลข้างถนน

“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงพอจะบอกชื่อผมได้ไหมครับ? ผมยินดีจะต่อสู้กับคนคนนี้เพื่อแย่งชิงตัวคุณมา”

แต่ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากระยะไกล

“ถ้าพวกคุณต้องการจะต่อสู้กัน ฉันขอลงสนามไปต่อสู้กับพวกคุณด้วย เพราะฉันก็ชอบผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน!”

***************

ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะสารภาพรักกับสาวที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก 55555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด