ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 324 การมาถึงของเหล่าผู้นำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 326 ชีวิตไม่ต่างจากเกมส์หมากรุก

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 325 เร้าร้อนกับเยือกเย็น


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 325 เร้าร้อนกับเยือกเย็น

แปลโดย iPAT  

ผู้ทำพิธีบัวดำยิ้มให้หลี่ฉิงซานราวกับเขากำลังพูดว่า “ดังที่ข้ากล่าว!” เขาทำตัวราวกับตนเองไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

หลี่ฉิงซานมองไปทางอันฉงจื่อ นางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อค่ายกลอ่อนกำลังลงหรือไม่

ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์อยู่ห่างจากที่นี่มากกว่าห้าร้อยกิโลเมตร แม้นางจะส่งสัญญาณ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมาถึงเร็วเช่นนี้ มีคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียว นี่เป็นแผนการ!

แม้ผู้ทำพิธีบัวดำจะได้รับการสนับสนุนจากค่ายกล แต่เขาก็ไม่มีโอกาสชนะผู้นำสำนักทั้งหมด ประตูแห่งความตายเปิดรอเขาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามคำถามอื่นปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉิงซาน หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดพวกเขาไม่โจมตีเร็วกว่านี้แต่ปล่อยให้ผู้คนล้มตายและให้หลี่ฉิงซานกับอันฉงจื่อเสี่ยงชีวิต

หวังฝูซื่อกล่าว “เจ้าสร้างแท่นบูชาที่นี่ ข้าจะดูว่าครั้งนี้เจ้าจะหลบหนีได้อย่างไร”

“ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา ข้ามิอาจหลบหนีจากอดีต แต่เพราะยังไม่ถึงเวลา ข้าจึงยังมีชีวิตอยู่ ข้ารู้สึกเสียใจมาตลอด แต่วันนี้ผู้บัญชาการจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”

ปรากฏว่าแท่นบูชาดอกบัวสีดำเป็นสิ่งที่ผูกติดกับชีวิตของผู้สร้าง ขณะที่เขาสามารถสร้างค่ายกลด้วยแท่นบูชานี้

หลังจากสร้างแท่นบูชา เขาจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย ดังนั้นเขาจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดทุกคนมีทักษะการหลบหนี ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ถูกขังไว้ในค่ายกล เขาสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดายแม้เขาจะถูกปิดล้อมโดยผู้ฝึกตนก่อกำเนิดทั้งหมดนี้

ด้วยการสังเวชชีวิตผู้คนนับหมื่น ในที่สุดพวกเขาก็สามารถกักขังผู้ทำพิธีไว้ที่นี่ได้สำเร็จ

หลิวจางฉินกล่าว “น่าสงสารหลายหมื่นชีวิตเหล่านั้น”

“นะโม อมิตาพุทธ!” นักบวชรวมจิตสวดมนต์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ

“ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ท่านผู้ว่ามณฑล ท่านต้องดูแลผู้คนนับล้านของมณฑลชิงเหอ ท่านจำเป็นต้องเสียสละบางสิ่ง” ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าว “ไม่จำเป็นต้องโศกเศร้า ท่านนักบวช บาปทั้งหมดของพวกเขาถูกชำระล้างแล้ว มีเพียงคนที่มีชีวิตเช่นพวกเราที่ยังแปดเปื้อนไปด้วยบาปและไม่อาจหลุดพ้น”

ผู้ทำพิธีบัวดำไม่ได้เปิดเผยความหน้าซื่อใจคดของพวกเขาแต่กลับปลอบโยนพวกเขา เขาเต็มไปด้วยความเข้าใจและอดทน

“คนชั่วช้า หุบปาก!” เสียงคำรามดังออกมาจากปากของนักบวชรวมจิต เขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หากเจ้าไม่ลงนรก แล้วผู้ใดจะลง? แม้ข้าจะแปดเปื้อนไปด้วยบาป ข้าก็ยังจะฆ่าและกวาดล้างพวกเจ้าทั้งหมด!”

ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าว “ท่านนักบวช ท่านผิดแล้ว สำนักพิทักษ์กฎหมายบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้คนซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้บัญชาการหวังต้องการฆ่าข้า นิกายขงจื่อปกครองผู้คนและต้องชั่งใจกับการแลกเปลี่ยนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้คนทั้งเมืองถูกสังเวยโดยไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าทรงมีเมตตา แม้พระโพธิสัตว์บางองค์จะกำจัดปีศาจ แต่ท่านจะปล่อยให้ความโกรธครอบงำความเมตากรุณาของท่านไม่ได้”

หลี่ฉิงซานสามารถมองเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แรกเริ่มเหล่าผู้นำพยายามโจมตีด้วยวาจา แต่ผู้ทำพิธีบัวดำยังสงบนิ่งราวกับผิวน้ำ

นักพรตเต๋าขี้โมโหกล่าวอย่างหมดความอดทน “จะพ่นเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้เพื่อสิ่งใด? มาร่วมมือกันฆ่าคนเลวผู้นี้!”

อันเอิ้นฉุนกล่าวกับหลี่ฉิงซาน “ทำได้ดีมาก พานางออกไปจากที่นี่”

นั่นดูเหมือนสัญญาณเริ่มการต่อสู้ ผู้นำทุกคนปลดปล่อยแสงและเริ่มใช้สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของพวกเขา

หลี่ฉิงซานมองผู้ทำพิธีบัวดำอย่างลึกซึ้งอีกครั้งก่อนจะดึงอันฉงจื่อออกไปกับเขา ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราจะไม่พบกันอีก”

หลี่ฉิงซานไม่ได้รู้สึกดีเลย ผู้ทำพิธีบัวดำสงบเกินไป และจากสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์เรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้ว แม้แต่ชีวิตและความตายของเขาก็ดูไม่สำคัญสำหรับเขา โดยไม่ต้องกล่าวถึงความโกรธหรือเจตนาสังหาร เขาไม่เคยพูดหรือแสดงพฤติกรรมที่รุนแรงซึ่งทำให้หลี่ฉิงซานรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายใน

เมื่อมาถึงขอบปราการแสง เขาสามารถออกไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

เมื่อไร้แรงกดดันที่คุกคามชีวิต อันฉงจื่อก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป นางกระอักเลือดคำโตและหมดสติทันที

หลี่ฉิงซานไม่กล้ารั้งรออยู่ เขาเรียกก้อนเมฆและพานางไปยังสถานที่ปลอดภัยซึ่งอยู่ห่างไกลพอสมควร จากนั้นเขาก็ยัดเม็ดยาเข้าปากนางและใช้ทักษะรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง

หลังจากไม่นานอันฉงจื่อก็ตื่นขึ้นอย่างช้าๆ หลี่ฉิงซานเลิกกังวลเกี่ยวกับนาง แต่เขายังขมวดคิ้ว

การต่อสู้ไม่ได้ปะทุขึ้นทันทีเช่นที่เขาคาดคิด ดูเหมือนผู้ทำพิธีบัวดำจะกล่าวบางสิ่งและทำให้เหล่าผู้นำตกตะลึง

แต่มันเกิดสิ่งใดขึ้น?

…..

เงามืดเคลื่อนตัวผ่านป่าไผ่ในฤดูหนาวอย่างเงียบๆ เฉียนหรงจื่อก้าวเท้าไปบนพื้นหิมะเพียงลำพัง

ลานกว้างปรากฏขึ้นต่อหน้านาง มันว่างเปล่าและสงบเช่นเคย

มีเพียงหลิวฉวนเฟิงที่กำลังเขียนนิยายอยู่ที่นั่น นิยายเป็นความภาคภูมิใจเพียงหนึ่งเดียวของเขา ดังนั้นเขาจะปล่อยให้ศิษย์ของตนขโมยความโดดเด่นไปจากเขาไม่ได้

อย่างไรก็ตามเขาเพ่งสมาธิกับการเขียนมากเกินไปจนไม่รู้ถึงการมาของเฉียนหรงจื่อ

เฉียนหรงจื่อยิ้ม เป็นไปตามคาด หลี่ฉิงซานที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าถูกล่อลวงออกไป

วันนั้นหลังจากตอบรับคำเชิญของชิวรุ้ยลิ่ว เฉียนหรงจื่อรายงานเรื่องดังกล่าวต่อหวังฝูซื่อทันที

หวังฝูซื่อบอกให้นางเล่นไปตามน้ำและทำหน้าที่เป็นอินทรีย์รัตติกาลเฉพาะกิจ เขาให้นางสืบข่าวภายในของนิกายบัวขาวและค้นหาฐานทัพของพวกเขา จากนั้นชายชราก็รายงานเรื่องนี้ต่อไปยังผู้บัญชาการเขตรุ้ยอี้

เขาตั้งใจให้ข้อมูลเชิงลึกบางอย่างแก่เฉียนหรงจื่อเพื่อให้นางได้รับความไว้วางใจจากคนระดับสูงของนิกายบัวขาว ความเสี่ยงที่มากขึ้นจะมาพร้อมกับรางวัลที่มากขึ้น ดังนั้นนางจึงได้รับค่าตอบแทนค่อนข้างมากจากทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามเนื่องจากพรสวรรค์ระดับปานกลางของนาง นางจึงไม่สามารถทะลวงขอบเขตได้อย่างง่ายดาย

“ก๊อก ก๊อก!” เฉียนหรงจื่อเคาะเสาไม้ไผ่บนเฉลียงทางเดิน “หลี่ฉิงซานอยู่ที่นี่หรือไม่?”

“เจ้าคือ?” หลิวฉวนเฟิงเงยหน้าขึ้นและรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ศิษย์รักของเขาไม่ได้ดีไปกว่าเขา! แล้วเหตุใดเขาถึงโชคดีเรื่องผู้หญิงมากนัก!

เฉียนหรงจื่อกล่าวถึงสำนักของนางและกล่าวถ้อยคำที่สุภาพสองสามคำก่อนจะหยิบไหสุราออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติ “ข้าลืมไป เขายังไม่กลับมาจากภารกิจทดสอบ ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ต้องการให้เขาดื่มสิ่งนี้ เช่นนั้นข้าขอมอบมันให้ท่านแทน”

หลิวฉวนเฟิงรู้สึกมีความสุขมาก โชคเรื่องผู้หญิงของเขาเริ่มมาแล้ว เขาแสร้งกระแอม “นั่นดูเหมือนจะไม่เหมาะสม เหตุใดเจ้าไม่รอหลี่ฉิงซานกลับมาที่นี่?” เขาไม่รอให้เฉียนหรงจื่อยืนกรานใดๆ เขากล่าวเสริม “หากเป็นกรณีนี้ ข้าก็คงไม่สามารถปฏิเสธ”

หลังจากไม่นาน หลิวฉวนเฟิงก็นอนกอดไหสุราอยู่บนพื้น

“เหมือนข่าวลือ เขาไร้ประโยชน์” เฉียนหรงจื่อหยิบป้ายเจ้าสำนักออกมาจากเอวของเขาและเดินไปยังจุดศูนย์กลางของเกาะ

สายลับเป็นงานอันตราย พวกเขาจะอยู่ในวงล้อมของศัตรูตลอดเวลา มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาถูกค้นพบ โดยเฉพาะสายลับสองหน้าเช่นนาง

อย่างไรก็ตามนางยังปลอดภัยมาตลอด นางไม่ถูกสงสัยโดยนิกายบัวขาว

เพราะนางรายงานทุกอย่างกลับไปยังนิกายบัวขาวในเวลาต่อมา