ตอนที่แล้วตอนที่ 57 ยอมจำนน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 59 แดนมรณะ

ตอนที่ 58 ฐานที่มั่นเหลียงซานผู้ทรงอำนาจ (ฟรี)


ตอนที่ 58 ฐานที่มั่นเหลียงซานผู้ทรงอำนาจ

“ภูเขาหลวนจินตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของฐานที่มั่นเหลียงซาน!”

“เนื่องจากเซิงหงได้ริเริ่มที่จะยอมจำนนด้วยตนเอง ภูเขาหลวนจินจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ฐานที่มั่นเหลียงซานโดยอัตโนมัติ เงื่อนไขปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะเลื่อนระดับ ดังนั้นฐานที่มั่นเหลียงซานจึงยังคงเป็นก๊กระดับหนึ่ง!”

“ท่านได้รับ 897 ตำลึงเงิน!”

“ท่านได้รับค่าชีวิต 300 แต้ม!”

“ตอนนี้โจรภูเขา 173 คนจะเป็นส่วนหนึ่งของฐานที่มั่นเหลียงซาน และสังกัดของพวกเขาจะเปลื่ยนแปลงโดยอัตโนมัติ!”

“ท่านได้ยึดครองฝ่ายระดับศูนย์ทั้งหมดของป่าหินวงกต ป่าหินวงกตเป็นส่วนหนึ่งของฐานที่มั่นเหลียงซานอย่างเป็นทางการแล้ว”

ข้อความแจ้งมากมายจากระบบปรากฏขึ้นทีละรายการ

หลังจากอ่านข้อความสุดท้าย แม้แต่ ฉินซู่เจียนก็ยังประหลาดใจ

หลังจากนั้นเขาก็ดูคุณสมบัติของตัวเอง

อย่างที่เขาคาดไว้ ระดับของเขายังมีคุณสมบัติ +2 ระดับอยู่

แต่เนื่องจากระดับของเขาเองอยู่ที่นักสู้ฝึกหัดระดับสิบแล้ว แม้แต่การเสริมพลังของเขาก็ไม่สามารถช่วยให้เขาไปได้ไกลกว่าระดับนี้ ดังนั้นระดับที่แสดงอยู่จึงติดอยู่ที่นักสู้ฝึกหัดระดับสิบ

หลังจากนั้น ฉินซู่เจียนมองไปที่เซิงหง ผู้ถ่อมตนและยอมจำนนต่อเขา เขาไม่ได้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างเลวร้าย และยังให้ตำแหน่งผู้นำระดับสูงแก่เซิงหงอีกด้วย

หลังจากนั้นเขารีบตรวจสอบคุณสมบัติของเซิงหง

ชื่อ : เซิงหง

เอกลักษณ์ : ผู้นำระดับสูง

สังกัด : ฐานที่มั่นเหลียงซาน

ระดับ : นักสู้ฝึกหัดระดับหก

ระดับฝ่าย : ก๊กระดับหนึ่ง

เทคนิคการฝึกฝน : เทคนิคพยัคฆ์ซ่อนระดับหก เทคนิคร้อยดาบสงคราม (เปลวไฟสีฟ้า)

คุณสมบัติของเขาใกล้เคียงกับหนิวเฟิง และซูหยวนหมิง

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเขาอยู่ที่นักสู้ฝึกหัดระดับหก

นอกเหนือจากการได้รับนักสู้ระดับสูงระดับหก สิ่งที่ทำให้ฉินซู่เจียนมีความสุขจริงๆ ก็คือภูเขาหลวนจินมอบโจรภูเขามากกว่า 170 คนให้กับเขา

ไม่ว่าเมื่อไหร่ และที่ไหน การมีคนมากขึ้นคือต้นกำเนิดของความแข็งแกร่งที่ดีที่สุด

ยิ่งเจ้ามีคนมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น

ด้วยการเพิ่มกลุ่มโจรภูเขา 170 คนจากภูเขาหลวนจิน และรวมเข้ากับจำนวนคนที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ ฉินซู่เจียนทำการนับอย่างรวดเร็วและพบว่าฐานที่มั่นเหลียงซานมีโจรภูเขาเกือบ 500 คนแล้ว

จำนวนนี้มากกว่าจำนวนคนที่เขามีแต่แรกหลายเท่า

………..

หลังจากที่ป่าหินวงกตถูกยึดครองโดยสมบูรณ์ ฉินซู่เจียนก็เรียกกลุ่มโจรภูเขาคนอื่นๆ ทั้งหมดในป่าหินวงกตมารวมกัน

ฐานที่มั่นเหลียงซาน

ห้องโถงจงอี้

ฉินซู่เจียนนั่งในตำแหน่งสูงสุด ส่วนเจิ้งฟาง และคนอื่นๆ นั่งด้านล่าง

แต่ไม่เหมือนครั้งล่าสุดที่พวกเขาอยู่ที่นี่ เซิงหง หนิวเฟิง และ ซูหยวนหมิง อดีตหัวหน้าโจรภูเขาก็นั่งที่นี่เช่นกัน

“ภูเขาหมิงไห่ ฐานที่มั่นซวนหยุน และภูเขาหลวนจิน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของฐานที่มั่นเหลียงซาน แล้ว ดังนั้นความร่วมมือทั้งหมดนี้จะยุติลงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ฉินซู่เจียนมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขา จากนั้นมองไปที่ใบหน้าของทุกคนที่ดูแปลกๆ เล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ

“ตอนนี้ฐานที่มั่นเหลียงซานกลายเป็นกองกำลังที่ทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหลียงซานไม่สามารถบิรหารจัดการคนจำนวนมากได้ในคราวเดียว ข้าได้ตัดสินใจจะจัดตั้งห้าหอขึ้นในฐานที่มั่นเหลียงซาน”

“พวกมันจะเป็นหอจงอี้ หอจางเจิ้ง หอเซียงซัว หอเหลียนซี หอชิงเป่า”

“นอกจากนี้ข้าจะเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่งเหนือผู้นำระดับสูง และนั่นจะเป็นหัวหน้าหอ”

“เซิงหง อยู่ที่นักสู้ฝึกหัดระดับหก ดังนั้นจึงเหมาะสมสำหรับเขาที่จะเป็นหัวหน้าหอของหอจางเจิ้ง”

หลังจากที่ฉินซู่เจียนกล่าวเช่นนั้น เซิงหงก็ลุกขึ้นยืนทันที และประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อทำความเเคารพ “ขอบคุณ หัวหน้า!”

“ขอแสดงความยินดี หัวหน้าหอเซิง!”

"ยินดีด้วย…"

ทุกคนยิ้มและแสดงความยินดีกับเขา

หลังจากนั้น ฉินซู่เจียนก็พูดต่อไปว่า “หวังตี่จู่จะเป็นหัวหน้าหอของหอจงอี้”

“หนิวเฟิงจะเป็นหัวหน้าหอของหอเซียงซัว”

“เจิ้งฟางจะเป็นหัวหน้าหอเหลียนซี และซูหยวนหมิงจะเป็นผู้ช่วย”

“จางเทียนหยูจะเป็นหัวหน้าหอชิงเป่า”

หลังจากประกาศเหล่านี้ ฉินซู่เจียน ได้อธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับบทบาทต่างๆ ของบทบาทเหล่านี้

หอจงอี้ถูกตั้งชื่อเช่นนี้เพราะคำว่า "จงอี้ (ภักดี)" เป็นสิ่งจำเป็น

สมาชิกของหอจงอี้ส่วนใหญ่ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบหออื่นทั้งหมดและป้องกันไม่ให้ใครทรยศ

ดังนั้นสมาชิกหอจงอี้ทั้งหมดจึงประกอบด้วยกลุ่มโจรภูเขาเก่าทั้งหมด ซึ่งแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของฐานที่มั่นเหลียงซานตั้งแต่แรก

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หอจงอี้จะเป็นมีดที่คมที่สุดที่ฉินซู่เจียนจะใช้ควบคุมฐานที่มั่นเหลียงซานทั้งหมด

นอกจากนี้ หอจางเจิ้งจะเป็นกลุ่มชั้นนำที่ฐานที่มั่นเหลียงซานจะใช้เพื่อต่อสู้กับศัตรู นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซิงหงผู้ซึ่งมีระดับการบ่มเพาะสูงสุดจึงมีสิทธิ์ได้เป็นหัวหน้าหอ

หอเซียงซัวมีหน้าที่เช่นเดียวกับหอจางเจิ้ง แต่พวกเขาจะได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ช่วยของ หอจางเจิ้ง เพราะแนวทางของพวกเขาไปในทางลอบเร้นมากกว่า

สำหรับหอเหลียนซี จำนวนคนในฐานที่มั่นเหลียงซานยังคงเพิ่มขึ้น ระดับและเทคนิคการบ่มเพาะต่างๆ ของโจรภูเขายังยุ่งเหยิง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อฉินซู่เจียนในระยะยาว

ดังนั้น ฉินซู่เจียนจึงได้จัดตั้งหอเหลียนซีเพื่อสอนเทคนิคการบ่มเพาะของสมาชิกเป็นหลัก

ดังนั้น เจิ้งฟางซึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นหัวหน้าโรงฝึกมาก่อนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้

หอชิงเป่าจะเป็นหูเป็นตาให้กับฐานที่มั่นเหลียงซาน

ตำแหน่งนี้มีความสำคัญ

ฉินซู่เจียนไม่ไว้ใจใครในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมอบตำแหน่งนี้ให้กับจางเทียนหยู

หลังจากแบ่งฐานที่มั่นเหลียงซานออกเป็นหอต่างๆ แล้ว ฉินซู่เจียนได้เลื่อนตำแหน่งหลายคนให้เป็นผู้นำและผู้นำระดับกลาง

แต่ตำแหน่งผู้นำระดับสูงยังคงว่างเปล่าในขณะนี้

ท้ายที่สุดแล้ว ฐานที่มั่นเหลียงซานเป็นก๊กระดับหนึ่งแล้ว โจรภูเขาอยู่ในระดับนักสู้ฝึกหัดระดับสาม เท่านั้น และมันเพียงพออยู่แล้วสำหรับนักสู้เริ่มต้นระดับสี่ที่จะกลายเป็นผู้นำและผู้นำระดับกลาง

สำหรับนักสู้ฝึกหัดระดับห้า นอกเหนือจากผู้นำระดับสูงที่กลายเป็นหัวหน้าหอแล้ว เขาไม่มีคนอื่นอีก

“ป่าหินวงกตอาจตกอยู่ในกำมือเราแล้วในตอนนี้ แต่ก็ยังมีพวกคนนอกจำนวนมากเข้ามาโจมตีเรา ดังนั้นข้าหวังว่าหอจางเจิ้งจะไปจัดการ พร้อมกับด้วยความช่วยเหลือจากหออื่นๆ เพื่อกำจัดคนนอกเหล่านี้อย่างเต็มที่”

“ขอรับ หัวหน้า!” เซิงหง และคนอื่นๆ ตอบพร้อมกันทันที

หลังจากนั้น เซิงหงประสานมือเข้าด้วยกันอย่างสุภาพและพูดว่า “หัวหน้า คนนอกเหล่านี้ไม่ยอมตายหรือถูกทำลาย เพราะพวกเขาสามารถฟื้นคืนชีพได้ภายในหมู่บ้านของตน หากเราต้องการกำจัดพวกเขา เราจะต้องเริ่มด้วยการโจมตีหมู่บ้านของคนนอกก่อน”

“ในตอนนั้น ข้าได้ส่งคนไปตรวจดูหมู่บ้านของคนนอกเหล่านี้ และพวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย”

“ข้าสงสัยว่าอาจมีคนนอกบางคนที่สูงกว่านักสู้ฝึกหัดระดับเจ็ดอยู่ในนั้น”

เซิงหงเป็นหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นของป่าหินวงกต ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมู่บ้านเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงวิธีที่ผู้เล่นเหล่านี้พยายามสังหารหมู่พวกเขา

พวกเขาเคยคิดที่จะทำลายผู้เล่นครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่โชคไม่ดีสำหรับโจรภูเขา ผู้เล่นมีจำนวนสูงมาก และพวกเขาไม่สามารถถูกฆ่าอย่างถาวรได้ พวกเขาได้รับการฟื้นฟูพลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน และกลายเป็นปัญหาที่ไร้ทางออก

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เซิงหงพบว่าต้นตอของปัญหาคือหมู่บ้านเริ่มต้นเหล่านี้

แต่ก็น่าเสียดาย

เขาส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ที่หมู่บ้านเริ่มต้นเหล่านี้ และผลที่ตามมาก็คือเขาเริ่มตื่นตระหนก

ข่าวที่ว่าผู้เล่นบางคนในหมู่บ้านเริ่มต้นอาจถึงนักสู้ฝึกหัดระดับหก หรือสูงกว่านั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

และนี่คือเหตุผลที่เซิงหงไม่โจมตีหมู่บ้านเริ่มต้น และกำจัดภัยคุกคามที่ผู้เล่นเหล่านี้ก่อขึ้นหลังจากทะลวงเข้าสู่นักสู้ฝึกหัดระดับหก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เป็นเพราะเขากังวล

แต่ด้วยการปรากฏตัวของฉินซู่เจียน เขาเห็นว่ามีความหวังที่จะทำลายหมู่บ้านของคนนอกเหล่านี้

ท้ายที่สุด ถ้าชายคนนี้สามารถทำร้ายเขาอย่างรุนแรงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาอยู่ในระดับที่สูงกว่านักสู้ฝึกหัดระดับเจ็ดอย่างแน่นอน

หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมหาข้อมูลจากหนิวเฟิง และซูหยวนหมิง เขาก็ได้ข้อสรุปที่น่าสะพรึงกลัว

และนั่นคือหัวหน้าของเขาน่าจะเป็นนักสู้ที่ทรงพลังในระดับนักสู้ฝึกหัดระดับเก้า

นักสู้ฝึกหัดระดับเก้าค่อนข้างจะเป็นคนที่อยู่จุดสูงสุดของแดนมรณะ

แม้ว่าแดนมรณะจะกว้างใหญ่ แต่มีนักสู้ระดับสูงเพียงไม่กี่คนก็สามารถต่อกรกับชายคนนี้ได้

และด้วยเหตุนี้ เซิงหงจึงดับความคิดร้ายทั้งหมดในใจของเขา เขาไม่ควรเก็บงำมันเอาไว้ และเมื่อฉินซู่เจียนพูดถึงการโจมตีคนนอก เขารายงานข้อมูลทั้งหมดที่เขามีเกี่ยวกับอีกฝ่าย

***หอจงอี้ [ภักดี] หอจางเจิ้ง [สงคราม] หอเซียงซัว [มือสังหาร] หอเหลียนซี [ฝึกฝน] หอชิงเป่า [สืบราชการลับ]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด