ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 675 สะเทือนพันธมิตร (ฟรี)
จ้าวปกครองแห่งสหประชาไท่คูซวนตบอกด้วยสีหน้าโล่งอก
“เป็นเรื่องดีที่เจ้านี้มันไม่ได้เล็งมายังสหประชาไท่คูซวนของข้า! เพราะมันคงรู้ว่าสหประชาไท่คูซวนนั้นแข็งแกร่ง ไม่ควรจะยั่วยุ”
เขามีท่าทางที่อวดดีอย่างมาก ก่อนที่จะมีเสียงส่งผ่านกระแสจิตเข้ามาในหัวของเขา และได้บอกว่าแม่ทัพซู่เว่ยได้ถูกสังหารตายคาวิหารศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิ ไม่พอไป่หยินยังเผาเมืองทั้งเมืองและปล้นชิงทรัพทุกอย่างไป
“อะไรนะ…พูดอีกทีสิ ว่าใครถูกสังหาร..”
สีหน้าและท่าทางของจ้าวปกครองสหประชาไท่คูซวนเปลี่ยนไปทันที สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกใจสามส่วน อีกสามส่วนไม่ยอมรับและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และส่วนที่เหลือคือมึนงงและสับสน
แม่ทัพซู่เว่ยของเขานั้น เป้นถึงหนึ่งในผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง และเพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งความแข็งแกร่งและสติปัญญา และเป็นถึงจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 มีฝีมือไม่เป็นรองใครและโดดเด่นที่สุดในกองกำลังสหประชาไท่คูซวน
แม้แต่จ้าวปกครองผู้เป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ก็ยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าจะฆ่าซู่เว่ยคนนี้ได้ด้วยวิธีการธรรมดาๆ
พูดกันตามตรงแม่ทัพซู่เว่ยนั้นเปรียบเหมือนไม้ตายลับของสหประชาไท่คูซวน ในเมื่อขุนพลใหญ่ของสหประชาไท่คูซวนอย่างจินเปาเป็นตัวแทนของกองกำลังในครั้งนี้ ทำให้ความไว้วางใจทั้งหมดไปอยู่ที่ซู่เว่ย
ซู่เสี่ยวไป่ไม่เพียงจะฆ่าแม่ทัพซู่เว่ย แต่เขายังสร้างความโกลาหลไปทั่วจักรวรรดิสหประชาไท่คูซวน และปล้นทุกสิ่งไป ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียวทั้งฆ่าและปล้นไปพร้อมกัน
ตอนนี้จักรพรรดิเช่อเชียนั้นเริ่มหายใจได้ไม่เต็มปอดแล้ว
“ตอนนี้พันธมิตรของเรากำลังเผชิญปัญหา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของงานนี้คือกำจัดตัวตนกลับชาติมาเกิดนี้ซะ หากว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงจะแค่วันเดียว สิ่งที่พวกเราทำกันมาตลอดนี้จะสูญเปล่า เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
เมื่อซู่เสี่ยวไป่เริ่มบุกโจมตีดินแดนบ้านเกิดของพวกเขาแล้ว ตัวจ้าวปกครองเองก็ไม่อาจจะนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
พวกเขาไม่เคยเห็นตัวตนปีศาจแบบนี้มาก่อน แม้จะเผชิญหน้ากับกองทัพขนาดใหญ่ และถูกกองทัพจ่อหน้าประตูบ้านแท้ๆ ตัวตนนี้ยังกล้าที่จะเข้าไปสร้างความโกรธแค้นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก และบุกไปถล่มดินแดนแม่ของศัตรูอีก การกระทำของตัวตนนี้ไม่ต่างจากยอมตัดแขนตัวเอง เพื่อขย้ำคออีกฝ่าย
เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครทันระวังตัวว่าซู่เสี่ยวไป่จะแว้งกัด
ที่จริงการบุกของซู่เสี่ยวไป่นั้นป้องกันได้ง่าย แต่สหประชาไท่คูซวนนั้นลืมสิ่งหนึ่งไป
นั้นคือซู่เสี่ยวไป่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปที่ใดก็ได้ หากมีเงาของเขาอยู่ตรงนั้น เขาสามารถส่งกองทัพเงาจำนวนเป็นล้านเข้าไปถล่มสหประชาไท่คูซวนเมื่อไรก็ได้ แม้ตัวจริงจะอยู่ห่างออกไปเป็นพันปีแสง
ด้วยความสามารถนี้แม้แต่จ้าวภัยพิบัติที่ทรงพลังก็ยังคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่า จะมีผู้ทำแบบนี้ได้ ทำให้พวกเขาไม่ระวังตัว
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์วินาศกรรมครั้งนี้ไป กล่าวได้เลยว่าจ้าวภัยพิบัติสามในสิบอันดับแรกเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเขาต้องรีบเร่งเพื่อสังหารซู่เสี่ยวไป่
ในขณะเดียวกัน ซู่เสี่ยวไป่กำลังเหลือบมองไปยังหนึ่งในจักรพรรดิของสหประชาไท่คูซวน โดยที่สีหน้าของเขานั้นนิ่งสงบมาก ก่อนที่ซู่เสี่ยวไป่ได้ระเบิดร่างของจักรพรรดิคนนั้นไปพร้อมกับประตูคลังสมบัติ และเข้าไปขนทุกอย่างออกมาอย่างหน้าตาเฉย
รวมไปถึงวิชาต่างๆ อีกด้วยที่ซู่เสี่ยวไป่ได้รับออกมา
และตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทุกอย่างราบรื่นไปหมด ไม่มีอะไรมาขัดขวางเขาได้เลย
“ครั้งนี้ได้วิชาระดับภัยพิบัติพันวิชา กับผลึกต้นกำเนิดสองพันล้านก้อน”
สายตาที่ดูแคลนนั้นฉายออกมาจากนัยน์ตาของซู่เสี่ยวไป่อย่างชัดเจน สิ่งที่เรียกตัวเองว่าสหประชาไท่คูซวนซึ่งแค่ชื่อก็ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการอย่างมาก แต่เมื่อมาเห็นกับตาจริงๆ มันก็แค่จักรวรรดิที่มีดินแดนเยอะกว่าคนอื่น แต่เมืองแต่ละเมืองหรือดินแดนไม่ได้แข็งแกร่งหรือร่ำรวยอะไรเลย
พอมาเห็นกับตาแบบนี้แล้ว สหประชาไท่คูซวนไม่ได้มีค่าอะไรไปนอกจากบ่อน้ำที่มีแต่ปลาเน่าๆ
การปล้นดินแดนของสหประชาไท่คูซวนนั้นได้ผลตอบแทนน้อยมาก จนไม่จำเป็นต้องนำร่างจริงมา
ดินแดนแห่งนี้ล่องลอยอยู่ลึกเข้าไปในห้วงมิติ แต่ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บ่งบอกได้ถึงว่าเคยผ่านศึกสงครามมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็มักจะเกิดตรงจุดเดิมเสมอ ซึ่งซู่เสี่ยวไป่ไม่ใช่คนแรกที่มาถึง
“ไม่คิดเลยว่าจ้าวปกครองสหประชาไท่คูซวนจะสามารถทะลวงเขตแดนจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ได้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จริงๆ”
ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกประหลาดใจ เพราะตั้งแต่เขาเริ่มฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ได้ เขาก็เริ่มสนใจการเคลื่อนไหวของจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 และดูเหมือนว่าเวลานี้จ้าวภัยพิบัติขั้น 10 เริ่มจะอยู่ไม่สุขอีกแล้ว
การบุกเข้าไปฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 หลายคนที่แนวหลัง และบุกไปฆ่าถึงดินแดนแม่ของพวกมัน ในไม่ช้าจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 จะต้องเผยตัวออกมา
สำหรับการตายของจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับรากฐานความแข็งแกร่งของจักรวรรดิระดับสูง เพราะไม่รู้ว่าอีกกี่ยุคกี่สมัยถึงจะให้กำเนิดตัวตนเช่นนี้ขึ้นมาได้อีก หรืออาจจะไม่สามารถมีได้อีกแล้ว
นั้นเป็นเหตุผลที่ซู่เสี่ยวไป่ ทำเรื่องบ้าๆ อย่างการเข้าไปฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ที่แนวหลัง
แต่หลักๆ คือเรื่องของเงิน ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นผลพลอยได้ ทั้งการทำลายแนวหลังของศัตรู และทำลายขวัญกำลังใจไปด้วย
และยังมีอีกหลายอย่างที่เกิดจากผลกระทบในครั้งนี้ ซึ่งซู่เสี่ยวไป่เองก็ลืมคิดไปเหมือนกัน จนตอนนี้ผลนั้นเริ่มจะตีกลับมาแล้ว
จักรวรรดิระดับสูงทั้งห้านั้นผนึกกำลังกันมากขึ้น จากการคาดเดาของซู่เสี่ยวไป่เขามั่นใจว่าต้องมีขุมอำนาจหรือใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่งั้นไม่มีทางที่พวกจักรวรรดิระดับสูงจะร่วมมือกันแบบนี้ได้
และตอนนี้ยิ่งเวลาผ่านไปความสามัคคียิ่งเพิ่มขึ้น
แต่ซู่เสี่ยวไป่เองก็สังหารจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ไปจำนวนหนึ่ง ก็ไม่ต่างจากตัดแขนตัดขาพวกมันออกไปแล้ว และยังทำลายกองทัพเกือบครึ่งไปด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากที่จะบุกต่อ
“หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงจะมีความตั้งใจที่แน่วแน่ แต่พันธมิตรนี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน”
ซู่เสี่ยวไป่บ่นอยู่คนเดียว เขารู้ดีว่าพวกมันคงไม่ทนอยู่เฉยๆ ทำให้ซู่เสี่ยวไป่เริ่มกลับมาสนใจเรื่องการรักษาสถานภาพณ์นี้เอาไว้ก่อน ยังไงทรัพยากรทั้งหมดของจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเขาดูดไปหมดแล้ว ศัตรูเองถึงบุกมาก็ไม่ได้รับอะไรกลับไป
ตรงกันข้าม หากว่าเขาบุกไป สถานการณ์จะแตกต่างไปจากเดิม เพียงใช้แค่ร่างเงาอย่างเดียว และไม่ต้องมีแผนการใดๆ ทั้งสิ้น สั่งให้บุกอย่างเดียว แค่นั้นทุกที่ที่เงาไปถึง แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าจะหายไปหมดสิ้น หรือแม้แต่กางเกงในสักตัวก็ไม่เหลือ ซู่เสี่ยวไป่จะเก็บเกี่ยวทุกอย่างแล้วนำมาหมุนเวียนทั้งหมด
แม้ว่าดินแดนเหล่านั้นจะยากจนแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยก็พอจะมีคลังสมบัติอยู่ แล้วซู่เสี่ยวไป่เองก็กวาดคลังสมบัติของจักรวรรดิไท่เจียงแทบจะหมดแล้ว -เขาจำเป็นตองขยายออกไปด้านนอก และเริ่มขโมยจากจักรวรรดิระดับสูง แม้จะเป็นดินแดนที่ยากจนก็ตาม
ซู่เสี่ยวไป่ผู้ที่สนใจแต่เรื่องสู้รบและตัวเองนั้น ได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่น่าสนใจขึ้นทำให้เขาละทิ้งหน้าที่ชั่วคราว และมาให้ความสนใจกับมังกรเก้ามายา
มันน่าสนใจมากที่มังกรเก้ามายากำลังสร้างดวงแก้วลูกที่หกออกมา
“โห้….เฉี่ยวเห้อ ดูเหมือนแกจะทะลวงเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 ได้แล้ว”
“ดูเหมือนว่าแก่นโลหิตของข้าจะส่งผลกับเจ้าอย่างมากเลยสินะ ทำให้ฝีมือและตบะรุดหน้าขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมว่า ความเร็วในการเติบโตของแกจะมากกว่าข้าเสียอีก”
ความเร็วในการบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่เกิดจากการพึ่งพาระบบทั้งหมด แต่อีกทางหนึ่งมังกรเก้ามายานั้นเกิดจากการฝึกฝน และเป็นไปตามวลีที่กล่าวไว้ว่า กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว
มันเกิดจากการที่มังกรเก้ามายาสะสมตบะบำเพ็ญเพียรมาอย่างยาวนาน กว่าจะถึงจุดที่ปลดปลอยออกมา แต่ด้วยความช่วยเหลือจากแก่นโลหิตของซู่เสี่ยวไป่ทำให้ มังกรเก้ามายาเองก็ได้รับผลจากการบ่มเพาะของระบบของเขาด้วย
(https://b.faloo.com/563542.html
ลิ้งต้นฉบับครับสำหรับคนที่อยากอ่านล่วงหน้า เพราะผมไม่สามารถซื้อตอนแปลได้ในตอนนี้ ต้องฝากให้คนอื่นซื้อให้ตลอด และติดปัญหาว่าไม่สามารถเปิดแคบรูปเพื่อนำมาแปลได้ด้วย จึงยากต่อการแปลมาก ในตอนนี้ อาจจะใช้เวลาสักพักถึงจะกลับมาแปลได้เสถียรเท่าเดิม ขอกราบอภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย)