ตอนที่แล้วตอนที่ 255 เยว่เกอเปลี่ยนไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 257 บุคลิกที่เปลี่ยนไป

ตอนที่ 256 ห้องลับ


ตอนที่ 256 ห้องลับ

ภายในค่ายฝึกจัสทิสลีกมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบครัน และพวกเขาก็เก็บเครื่องมือระดับสูงทุกชนิดเอาไว้ในโกดัง เพื่อให้นักเรียนและอาจารย์ภายในค่ายสามารถหยิบยืมอุปกรณ์พวกนี้ไปไว้ใช้งาน

แน่นอนว่าการหยิบยืมอุปกรณ์จากค่ายฝึกจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่าย และยิ่งอุปกรณ์ที่ให้ยืมมีราคาสูงมากเท่าไหร่ราคาที่ต้องจ่ายก็จะสูงเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น

เซี่ยเฟยไม่ได้ใช้เวลาในค่ายชั้นในมากนักแต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเขาก็ได้รับคะแนนฟรี ๆ ในทุก ๆ วัน วันละ 10 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ทางค่ายฝึกได้มอบให้นักเรียนไว้ใช้จ่ายตามต้องการ ดังนั้นภายในบัตรประจำตัวของเขาจึงมีคะแนนอยู่เกือบ 2,000 คะแนน

สิ่งแรกที่เซี่ยเฟยเช่าคือเครื่องตรวจจับความลึกของวัตถุ ก่อนที่เขาจะยื่นบัตรประจำตัวให้ผู้ดูแล

“ตอนนี้คะแนนของคุณเหลืออยู่อีก 1,705 คะแนน ไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไรอีกไหมและเนื่องมาจากคุณเป็นนักเรียนจากค่ายชั้นใน คุณจะได้รับส่วนลดในการแลกซื้อวัตถุดิบ 50%”

“ผมขอผลเนตรนาคากับผลน้ำค้างขาวอย่างละ 1,000 ผลครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ผลเนตรนาคามีราคาผลละ 0.5 คะแนน ส่วนผลน้ำค้างขาวมีราคาผลละ 0.2 คะแนนทำให้สินค้าทั้งหมดที่คุณต้องการมีราคา 700 คะแนนและคุณเหลือคะแนนภายในบัตรอีก 1,005 คะแนน” ผู้ดูแลพูดขึ้นมาอย่างชำนาญ

ผลไม้ทั้งสองชนิดนี้ถือว่าเป็นสมุนไพรที่เขาใช้บ่อยที่สุด เพราะไม่เพียงแต่มันจะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายเท่านั้น แต่มันยังช่วยขจัดพิษและช่วยทำให้จิตใจแจ่มใสขึ้นอีกด้วย

ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีประโยชน์ที่ชายหนุ่มจะเก็บสะสมคะแนนเอาไว้เป็นจำนวนมาก เขาจึงทำการแลกเปลี่ยนคะแนนเหล่านี้เป็นสมุนไพรที่เขามักจะหยิบขึ้นมาใช้บ่อย ๆ

“เอาแก่นตะวันแดงมาอีก 10 ขวด ยานี้เป็นยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการรักษาบาดแผลบริเวณผิวหนัง และมันก็มีผลร่วมกับผลเนตรนาคาค่อนข้างดี” อันธกล่าวขึ้นมาจากด้านข้างขณะที่สายตาของเขากวาดมองไปยังรายการที่เซี่ยเฟยสามารถแลกคะแนนได้

หลังจากเซี่ยเฟยได้ซื้อแก่นตะวันแดงอีก 10 ขวดตามคำแนะนำของอันธ เขาก็ยังเหลือคะแนนอีกทั้งสิ้น 900 คะแนน

เซี่ยเฟยพูดคุยกับอันธอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจแลกคะแนนที่เหลือเป็นยายู่เฟิงอีก 10 เม็ด

ยานี้มีผลทำให้ผู้กินสร้างชั้นเจลบาง ๆ ขึ้นมารอบตัว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันการโจมตีได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยให้ผู้มีพลังสายความเร็วสามารถเร่งความเร็วได้มากกว่าปกติประมาณ 20% เป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมงอีกด้วย ทำให้ยาชนิดนี้เป็นหนึ่งในยาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็วมาก

คะแนนในส่วนที่เหลืออีก 105 คะแนนเซี่ยเฟยได้ตัดสินใจแลกเปลี่ยนคะแนนพวกนี้กับชุดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบริษัทโดยทั่วไปก็มักจะใช้ชุดเครื่องมือเหล่านี้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์ แต่เขาแลกพวกมันมาเพื่อใช้ในการแยกชิ้นส่วนกระดิ่งนรกโดยเฉพาะ

หลังจากแลกคะแนนที่มีจนหมดแล้วเซี่ยเฟยก็เก็บเครื่องตรวจจับเอาไว้ภายในแหวนมิติและเดินทางไปที่ห้องสมุด

ไม่มีใครทำความสะอาดห้องสมุดมานานหลายเดือนแล้ว ทำให้ทั้งภายในและภายนอกห้องสมุดเต็มไปด้วยฝุ่นหนา

ฉินหมางเป็นคนหัวโบราณที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้ระบบทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่ห้องสมุดแห่งนี้จึงดูไม่ต่างไปจากบ้านร้าง

เซี่ยเฟยถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำความสะอาดห้องสมุดอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ก็คือหนึ่งในสถานที่ที่เขาใช้หาความรู้ ซึ่งมันก็อาจจะกล่าวได้ว่าถ้าหากไม่มีห้องสมุดแห่งนี้กับฉินหมาง มันก็อาจจะไม่มีเขาในวันนี้เลยก็ได้

ชายหนุ่มทำความสะอาดห้องสมุดด้วยความรวดเร็ว โดยเขาได้เคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ ราวกับสายฟ้า ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณครึ่งชั่วโมงห้องสมุดก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม

เมื่อทำความสะอาดห้องสมุดจนเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินลงไปยังชั้นใต้ดินพร้อมกับหยิบเครื่องตรวจจับความลึกออกมาจากแหวนมิติ เพื่อทำการตรวจหาห้องลับที่เขาตั้งข้อสงสัยเอาไว้

ชายหนุ่มได้ทำการปรับพลังงานของเครื่องให้อยู่ในระดับสูงสุด และเนื่องมาจากว่าเขาพยายามตรวจจับว่ามันมีห้องลับซ่อนอยู่ในชั้นใต้ดินหรือไม่ เขาจึงปรับระดับความละเอียดเอาไว้ในระยะปานกลางเท่านั้น และกำหนดระยะในการสแกนเอาไว้ที่ 1 กิโลเมตร

การตั้งค่าแบบนี้จะทำให้เครื่องตรวจจับทำการสแกนพื้นที่บริเวณโดยรอบแบบคร่าว ๆ และไม่เสียเวลากับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ

หลังเปิดใช้งานมันก็มีลำแสงเลเซอร์สีแดงเข้มเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาจากเครื่องเพื่อสแกนไปยังจุดต่าง ๆ และสร้างภาพจำลอง 3 มิติขึ้นมา

ประมาณ 10 นาทีต่อมาเครื่องตรวจจับก็ทำงานจนเสร็จ ก่อนที่เครื่องจะปิดการทำงานของตัวเองโดยอัตโนมัติ

เซี่ยเฟยเดินไปดูแบบจำลอง 3 มิติอย่างระมัดระวัง ซึ่งมันแสดงให้เห็นภาพทุกอย่างของห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนังสือขนาดเล็กขนาดใหญ่หรือแม้แต่เสาที่ถูกฝังลึกลงไปใต้พื้นดิน

ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะรอบ ๆ ชั้นใต้ดินไม่มีอะไรนอกจากห้องเก็บของและห้องเก็บหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์

เครื่องตรวจจับความลึกที่เซี่ยเฟยเช่ามานี้คือเครื่องตรวจจับที่ทรงพลังที่สุดที่มีภายในค่าย ซึ่งถ้าหากว่าเขาต้องการเครื่องตรวจจับที่มีพลังมากกว่านี้ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้เครื่องตรวจจับกำลังสูงที่ติดตั้งอยู่บนยานอวกาศ

“หรือว่ามันจะมีพลังไม่พอ?” อันธถาม

“นี่คือเครื่องตรวจจับแบบพกพาที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็คงจะต้องใช้ยานอวกาศ” เซี่ยเฟยกล่าว

ผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมามีโอกาสเป็นไปได้อยู่ 2 แบบ โดยแบบแรกคือมันมีห้องลับอยู่จริง ๆ แต่ห้องลับนี้ถูกหุ้มด้วยวัตถุฉนวน ทำให้เครื่องตรวจจับแบบพกพาไม่สามารถตรวจพบห้องลับแห่งนี้ได้

ส่วนความเป็นไปได้ในแบบที่ 2 คือมันไม่เคยมีห้องลับซ่อนอยู่ภายใต้ห้องสมุดเลย เพียงแต่คนสร้างห้องสมุดวางแผนอย่างสะเพร่ามากเกินไป มันจึงทำให้สัดส่วนในชั้นใต้ดินผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น

หลังจากทำมาจนถึงขนาดนี้เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีกแล้ว เพราะเขาคงจะไม่สามารถเอาค้อนไปทำลายกำแพงในชั้นใต้ดินได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะโดนฉินหมางสาปแช่งไปชั่วชีวิต

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจเก็บเครื่องตรวจจับเอาไว้ในแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะทำการติดต่อไปหาฉินหมาง

“ผมมาถึงห้องสมุดแล้วครับ คุณตาจะให้ผมทำอะไรครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว

ภาพที่ปรากฏคือฉินหมางกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ริมทะเล โดยมีสาวสวย 2 คนช่วยเขานวดขาจนทำให้ชายชรารู้สึกสบายตัว

“ช่วงนี้ไม่มีใครคอยดูแลห้องสมุดเลย มันน่าจะมีฝุ่นอยู่เยอะเลยใช่ไหม” ฉินหมางกล่าว

“มันมีฝุ่นอยู่เยอะเลยครับ แต่ตอนนี้ผมทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว

“แล้วนายเอาของโปรดไปให้เหล่าเฮยแล้วหรือยัง?” ฉินหมางกล่าว

“ผมกำลังจะไปครับ แต่ผมได้เตรียมของชอบของเขาเอาไว้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว

ทันใดนั้นแววตาของฉินหมางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วชี้ไปที่ใบหน้าของเซี่ยเฟยผ่านทางหน้าจอ

“นายทำอะไรแปลก ๆ ในตอนที่ฉันไม่อยู่หรือเปล่า?”

‘คุณตารู้เรื่องที่ฉันใช้เครื่องตรวจจับงั้นเหรอ?’

‘เป็นไปไม่ได้! ฉันทำงานในห้องสมุดนี้มาตั้งนาน มันไม่มีระบบเฝ้าระวังในห้องสมุดนี่นา’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

“คุณตาพูดเรื่องอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

ในเวลาเดียวกันแววตาของฉินหมางก็เปลี่ยนไปอย่างเฉียบคม พร้อมกับแรงกดดันของชายชราที่เริ่มถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรง เขาจึงขอให้หญิงสาวทั้งสองคนที่คอยให้บริการออกไปก่อน ก่อนที่เขาจะพูดกับเซี่ยเฟยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เซี่ยเฟยนะเซี่ยเฟย นายไม่เคยได้ยินคำพูดบนโลกหรือยังไงว่าความอยากรู้อยากเห็นมันฆ่าคนได้”

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมากและมันก็ไม่จำเป็นจะต้องถามเขาก็รู้ว่าฉินหมางรู้เรื่องที่เขาใช้เครื่องตรวจจับในห้องสมุดแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังจากชายชราพูดด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ไม่นาน เขาก็เปลี่ยนท่าทางเป็นหัวเราะขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้จะให้นายไปทำอะไรที่ห้องสมุดหรอก ฉันแค่อยากจะทดสอบว่านายรู้เรื่องห้องลับในชั้นใต้ดินหรือเปล่า ว่าแต่นายรู้มานานแค่ไหนแล้วล่ะ?” ฉินหมางถาม

“รู้มานานแล้วครับ” เซี่ยเฟยตอบตามความเป็นจริง

“แล้วนายไม่เคยหาทางเข้าไปในห้องลับเลยเหรอ?”

“ไม่เคยครับ”

“ดีมาก” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อไปด้วยท่าทางที่จริงจังว่า

“ดีแล้วที่นายยังหาทางเข้าห้องลับไม่เจอ เพราะถ้าหากว่าห้องลับที่ฉันสร้างถูกนายหาเจอได้ง่าย ๆ มันก็คงจะไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว”

“ในมุมหนึ่งนิสัยอยากรู้อยากเห็นของนายมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้านายอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป นายจะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่อันตราย”

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่คิดจะแก้ตัวอะไร

“ฉันรู้ว่านายแค่อยากรู้ว่ามีอะไรถูกเก็บเอาไว้ในห้องลับ นายไม่คิดที่จะขโมยของพวกนั้นออกไปหรอก ถึงยังไงนายก็เป็นคนที่ไว้ใจได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่บอกให้นายเข้าไปในห้องสมุดคนเดียว”

“สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือความลับบางอย่างก็ไม่ควรจะต้องถูกเปิดเผยออกมา ไม่อย่างนั้นคนที่รู้ความลับจะตกอยู่ในอันตราย นายจำเรื่องฟราเทอนิตี้ได้ใช่ไหม? ถ้านายยอมเข้าองค์กรนี้ฉันจะบอกความลับของห้องสมุดให้ แต่ถ้านายไม่คิดจะเข้าองค์กรนั้นก็จำเรื่องที่ฉันพูดเอาไว้ในก่อนหน้านี้ให้ดี ๆ”

เซี่ยเฟยรู้ดีว่าสิ่งที่ฉินหมางกำลังบอกคือการกล่าวเตือนอย่างจริงใจ ไม่ใช่การพยายามต่อว่าเขาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามคำพูดนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เพราะคำพูดของชายชราสามารถสรุปใจความได้ 2 อย่างคือ หนึ่งมีห้องลับถูกซ่อนเอาไว้ในชั้นใต้ดินจริง ๆ และสองคือฉินหมางต้องการให้เขาเข้าร่วมสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้

เซี่ยเฟยรู้อยู่เสมอว่าฉินหมางมักจะคอยให้คำแนะนำที่หวังดีกับเขามาโดยตลอด แต่คำแนะนำของชายชราคนนี้ก็ทำให้เขาเริ่มที่จะรู้สึกสงสัย

“ฟราเทอนิตี้คืออะไรกันแน่? ทำไมคุณตาถึงอยากให้ฉันเข้าร่วมกับองค์กรนี้นักนะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองหลังจากที่เขาตัดการเชื่อมต่อกับชายชราเรียบร้อยแล้ว

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด