ตอนที่แล้วบทที่ 509 ชายชราผู้มาเยี่ยมอย่างกะทันหัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 511 ข่มขู่? จักรพรรดิผู้ต่ำต้อย!

(ฟรี) บทที่ 510 ราคาของการหลับใหลและจุดประสงค์ของเซิงเชียน!


เมื่อมองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า หลี่เต้าหยวนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

บุคคลนี้เข้าสู่พื้นที่ลับอย่างเงียบๆ ที่แม้แต่บรรพบุรุษก็ไม่ได้สังเกตเห็นในตอนแรก?

และสิ่งที่ชายชราสวมอยู่… ดูเหมือนจะเป็นเสื้อคลุมมังกร?!

หลี่เต้าหยวนกลืนน้ำลายและถามออกมาตรงๆว่า “ผู้อาวุโส นี่คือพื้นที่ลับตระกูลหลี่ของข้า ท่านเข้ามาได้ยังไง?”

ก่อนที่จะค้นพบตัวตนของอีกฝ่าย น้ำเสียงและท่าทีของเขายังคงสุภาพ

ชายชราในชุดคลุมมังกรไม่สนใจเขา มองไปที่หลี่อู๋เซียงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชีวิตไม่จีรัง กรงขังไม่ถาวร ไม่คาดคิดว่าบรรพบุรุษตระกูลหลี่จะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”

ดวงตาของหลี่อู๋เซียงหดตัว เขากระตุกมุมปากและกล่าวด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อว่า “องค์จักรพรรดิ… ไม่พบกันเสียนาน”

แม้ว่าน้ำเสียงจะสงบ แต่กำปั้นที่อยู่ด้านหลังกลับกำแน่น เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเขาสงบน้อยกว่าพื้นผิวมาก

“องค์จักรพรรดิ?” หลี่เต้าหยวนขมวดคิ้ว หันศีรษะและถามว่า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านรู้จักเขาหรือ?”

รอยยิ้มบิดเบี้ยวฉายผ่านดวงตาของหลี่อู๋เซียง

มากกว่ารู้จักเสียอีก เขาเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซิง จักรพรรดิสูงสุดในตำนาน—เซิงเชียน!

ตาแก่นี่ยังมีชีวิตอยู่!

เขาพรูลมหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่รู้จัก เขาเป็นผู้อาวุโสของชายชราคนนี้… เจ้าออกไปก่อน ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าทำ”

“ทราบแล้ว”

หลี่เต้าหยวนไม่ใช่คนโง่

ฝ่ายตรงข้ามสามารถเข้ามาในพื้นที่ลับได้อย่างง่ายดาย และเขายังสวมเสื้อคลุมมังกรทอง ดังนั้นตัวตนของเขาจึงเห็นได้ชัดว่าพิเศษมาก

บทสนทนาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าร่วมได้

“ท่านบรรพบุรุษ ข้าจะรออยู่ด้านนอก หากต้องการอะไรสามารถเรียกข้าได้เลย”

หลังจากที่หลี่เต้าหยวนพูดจบ เขาก็โค้งคำนับและถอยกลับไป

ความหมายของคำนั้นชัดเจน

ไม่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นมิตรหรือศัตรู ตระกูลหลี่ก็พร้อมสำหรับทุกสิ่ง

หลี่อู๋เซียงไม่ได้โต้แย้งใดๆ

เซิงเชียนแสดงรอยยิ้มและพูดอย่างเห็นด้วยว่า “อนิจจา เจ้าเป็นชายหนุ่มที่ดีและจิตใจของเจ้าก็ค่อนข้างสงบ”

ในวัยของหลี่เต้าหยวน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าชายหนุ่ม แต่มันดูเหมือนว่าจะไร้ความไม่เหมาะสมเมื่อออกมาจากปากของชายชรา

หลี่อู๋เซียงพยักหน้าและเห็นด้วย “เต้าหยวนเก่งมากจริงๆ เพียงว่าพรสวรรค์ยังขาดอยู่เล็กน้อย”

“เต้าหยวน?” เซิงเชียนเลิกคิ้วขึ้น “เขาคือหลี่เต้าหยวน ผู้นำตระกูลหลี่ บิดาผู้ให้กำเนิดของหลี่หรานหรือ?”

ดวงตาของหลี่อู๋เซียงวูบไหวเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาเยี่ยมอย่างกะทันหัน

เขาไม่รีบร้อนตอบ แต่จับจ้องไปที่เซิงเชียนและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “องค์จักรพรรดิไม่ได้มาคราวนี้เพียงเพื่อจะเยี่ยมเยียนตระกูลของข้าใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเขา เซิงเชียนก็โบกมือ “แน่นอนว่าไม่ ด้วยร่างกายของชายชราผู้นี้ ข้าจะมีเวลาเดินเล่นได้อย่างไร”

หลี่อู๋เซียงขมวดคิ้วลึกยิ่งขึ้น “เช่นนั้นอะไรคือสาเหตุที่องค์จักรพรรดิเสด็จมาในครั้งนี้...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เซียงเชียนก็ขัดจังหวะขึ้นก่อน

“เราเองก็นับเป็นสหายเก่ากัน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี เจ้าคงไม่ให้ข้ายืนคุยหรอกใช่ไหม?”

หลี่อู๋เซียงพยักหน้าและพูดว่า “เป็นข้าหุนหันไปเอง มาเถิด องค์จักรพรรดิเชิญนั่งลงก่อน”

เซิงเขียนไม่เปลี่ยนแปลงรอยยิ้มของเขา “ดี”

ในศาลามีกลิ่นหอมของชาโชยมา

เซิงเชียนวางถ้วยชาในมือแล้วชมเชย “ชาที่ดี! หลายวันแล้วตั้งแต่ที่ข้าตื่นจากการหลับใหล และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้นั่งดื่มชาเงียบๆ เป็นรสชาติที่ชวนคิดถึงจริงๆ…”

หลี่อู๋เซียงส่ายหัวพลางกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิอย่าล้อข้าเล่นเลย ด้วยสถานะของท่านมีชาอมตะใดบ้างที่ไม่สามารถดื่มได้”

เซิงเชียนมองไปที่เขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน บรรพบุรุษหลี่ดูเหมือนจะอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น”

หลี่อู๋เซียงยักไหล่ “ข้าถูกบังคับให้ทำ ชีวิตนั้นมักจะไม่ราบรื่น… มันยากที่จะเกิดเป็นมนุษย์!”

“ข้าเห็นด้วย การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากจริงๆ” เสียงของเซิงเชียนฟังดูจริงใจ และเขาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

หลี่อู๋เซียงไม่พูดอะไรอีก และศาลาก็เงียบลงอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานเซิงเชียนก็พูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยมากมายในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความจริงที่ว่าชายชราคนนี้ยังมีชีวิตอยู่”

หลี่อู๋เซียงพยักหน้าโดยไม่ลังเล “มันเกินความคาดหมายของข้าจริงๆที่องค์จักรพรรดิสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้”

แม้ว่าเขาและเซิงเชียนจะเป็นคนรู้จักเก่า แต่พวกเขาไม่ได้มาจากยุคเดียวกันเลย

ตอนที่หลี่อู๋เซียงพิสูจน์เต๋า เซิงเย่เป็นเจ้าของอาณาจักรนี้แล้ว และเซิงเชียนเป็นผู้ก่อตั้งของราชวงศ์เซิง

เกือบจะมีช่องว่างระหว่างรุ่นระหว่างคนทั้งสอง

แม้ว่าเซิงเชียนจะถอนตัวไปแล้วในเวลานั้น แต่เขาก็ช่วยให้เซิงเย่มีเสถียรภาพหลายครั้ง

เนื่องจากตระกูลหลี่เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หลี่อู๋เซียงจึงมีการติดต่อกับเขามากกว่าหนึ่งครั้ง

แต่ก่อนที่การต่อสู้ระหว่างวิถีธรรมและปีศาจจะเริ่มขึ้น เซิงเชียนก็หายตัวไปโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

ในเวลานั้นคนทั้งอาณาจักรไว้ทุกข์และสวมเสื้อผ้าสีทะมึน งดดื่มสุรา งดการละเล่นทั้งปวง การไว้ทุกข์กินเวลาไปกว่าสามเดือน

ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวใดๆจากเซิงเชียน ทุกคนคิดว่าจักรพรรดิสูงสุดตกตายแล้วจริงๆ

ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ชีวิตของจักรพรรดิก็มีขีดจำกัด

และเมื่อพิจารณาจากอายุของเขา เซิงเชียนก็พ้นวัยอันควรมานานแล้ว

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับนั่งอยู่ตรงหน้าหลี่อู๋เซียงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์…

เซิงเชียนถอนหายใจและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้น ชายชราสมควรตายแล้วจริงๆ และเขามีชีวิตอยู่มามากพอแล้ว แต่โชคชะตามักหลอกลวงผู้คน ชายชราไม่สามารถตายได้…”

“โอ้?”

หลี่อู๋เซียงรู้สึกแปลกเล็กน้อย “เป็นไปได้ไหมว่ามีคนบังคับให้องค์จักรพรรดิมีชีวิตอยู่?”

เซิงเชียนกล่าวว่า “ชายชราถูกบังคับอย่างหมดหนทาง แต่ไม่ใช่โดยผู้คน มันเป็นสวรรค์และโลกใบนี้”

“สวรรค์และโลก?” หลี่อู๋เซียงสับสนมากยิ่งขึ้น

เซิงเชียนอธิบายว่า “ในตอนแรกชายชราตัดสินใจถอนตัว ข้าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับโลกิยะอีกต่อไปและวางแผนที่จะหลับใหลในดินแดนบรรพบุรุษ แต่ก่อนหน้านั้นชายชราใช้หัวใจแห่งสวรรค์ในการทำนาย”

“การทำนายแสดงให้เห็นว่าพันธนาการมังกรคลายออก ราชวงศ์กำลังตกต่ำ และยุคทองจะกลับมาอีกครั้ง…”

เซิงเชียนพูดอย่างเฉยเมย “ดูจากเวลา มันเกือบจะถึงแล้ว”

หลี่อู๋เซียงตกตะลึง “เช่นนั้นองค์จักรพรรดิจึงออกมาในเวลานี้เพื่อพลิกสถานการณ์และช่วยราชวงศ์เซิง?”

“ถูกต้อง”

เซิงเชียนพูดอย่างสงบ “ข้าคิดว่าด้วยเตาแห่งความจริงในมือ ข้าสามารถควบคุมปราณมังกรและฝืนเจตจำนงแห่งสวรรค์ได้ ดังนั้นข้าจึงปิดผนึกตัวเองด้วยเทคนิคลับและรักษาลมหายใจเฮือกสุดท้ายมาจนถึงตอนนี้”

“ทั้งหมดนี้เพื่อราชวงศ์เซิง”

หลี่อู๋เซียงเงียบ

เขาเองก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามพูดอะไรเกี่ยวกับเทคนิคลับ

หากเจ้าต้องการต่อต้านการกัดเซาะของกาลเวลา เจ้าต้องทำให้แน่ใจว่าวิญญาณจะไม่พินาศ และวิธีเดียวคือปิดผนึกมันอย่างสมบูรณ์

มันไม่ง่ายเชกเช่นการนอนหลับ

เมื่อปิดผนึกแล้ว สติสัมปชัญญะยังคงตื่นอยู่ แต่ถูกขังอยู่ในความมืด ไม่สามารถรับรู้สิ่งใดหรือโต้ตอบกับโลกภายนอกได้

ราวกับถูกขังอยู่ในห้องลับอันมืดมิด ไม่สามารถขยับ พูด คิด หรือบ่มเพาะ...

แม้แต่ในระดับจักรพรรดิก็ยังยากที่จะแบกรับความโดดเดี่ยวที่หนาวเหน็บยันกระดูกเช่นนี้ นับประสาอะไรกับเซิงเซียนซึ่งถูกผนึกมาเป็นเวลานาน!

‘นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก!’

หลี่อู๋เซียงแอบกล่าวในใจ

เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเซิงเชียน สติสัมปชัญญะของเขายังคงชัดเจน นอกจากใบหน้าอันซีดเซียวและดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทุกอย่างเกือบจะเหมือนเดิม

ความอุตสาหะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้เกรงว่ามีน้อยคนในโลกที่สามารถกระทำได้

หลี่อู๋เซียงกลับมามีสติและถามว่า “เช่นนั้นองค์จักรพรรดิจัดการแล้วหรือ?”

เซิงเชียนส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ไม่ สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเก่า… และทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่อย่างมาก”

หลี่อู๋เซียงผงะไปครู่หนึ่ง และราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างได้ “องค์จักรพรรดิหมายถึง…”

เซิงเชียนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้ามาที่นี่เพราะหลี่หราน!”

/////