ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ลาก่อนบ้านเกิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 เปลี่ยนโฉม

ตอนที่ 23 ฝูงหมาป่าจันทรา


ค่ำคืนได้มาถึง

ก็อก ก็อก ก็อก

มู่เหลียงเคาะประตูห้องมินโฮ

“มินโฮ ได้เวลามื้อเย็นแล้วนะ”

มู่เหลียงยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจัง

“เด็กสาวอายุสิบสี่อย่างมินโฮคงถึงวัยต่อต้านแล้วสินะ”

ประตูที่ทำมาจากไม้นั้นแทบไม่กั้นเสียงที่มู่เหลียงพูดเลย มันรอดผ่านเข้าไปหลังประตูทั้งหมด

ตึบ!

ประตูถูกดึงเปิดออกอย่างรวดเร็ว

มินโฮยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ

“ฉันไม่ได้ต่อต้านนะ”

“จ้า จ้า ไม่ต่อต้านก็ไม่ต่อต้าน”

มู่เหลียงพูดขึ้นราวกับตัวเองเป็นพ่อที่มีลูกสาว

เขายิ้มก่อนที่จะตีหน้าผากของเด็กสาวเบาๆ และพูดขึ้นว่า

“มา…กินข้าวเย็นกัน”

“อ้ะ?!”

มินโฮนัยน์ตาเบิกกว้างทันที เมื่อมองไปยังห้องโถง เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ในตอนนี้ที่ห้องโถงนั้นมีโต๊ะสีเหลี่ยมยกสูง และมีเก้าอี้ไม้สี่ตัว

และบนโต๊ะนั้นก็มีหม้อเหล็กวางอยู่ พร้อมกับชามที่มีไม้เสียบเนื้อเอาไว้

“เอ้าตกใจอะไร? ไปกินข้าว”

มู่เหลียงเดินไปที่โต๊ะพร้อมกับกวักมือเรียกด้วยท่าทีสบายๆ

“นี้…ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา มู่เหลียงเป็นคนสร้างของทั้งหมดนี้เลยหรอ”

มินโฮเดินมานั่งบนเก้าอี้และสำรวจมันพร้อมกับพูดขึ้น

สัมผัสที่เธอลูบกับโต๊ะนั้นมันเรียบมากจนเธอแปลกใจ

“ก็ทำแบบลวกๆ แหละ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เมื่อกี้ก็พึ่งจะสร้างอ่างน้ำเสร็จ”

มู่เหลียงตักน้ำซุปให้มินโฮพร้อมกับตอบด้วยท่าทีที่ราวกับเป็นเรื่องปกติ

“เราคงไม่คิดจะนั่งกินข้าวข้างกองไฟกันตลอดไปหรอกจริงไหม?”

“เดี๋ยว…เมื่อกี้บอกว่าอ่างน้ำหรอ?”

มินโฮตกใจแทบกัดลิ้นตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่มู่เหลียงพูด

“ใช่ ก็เราต้องมีอะไรไว้รองน้ำไม่ใช่หรอ ฉันก็เลยสร้างอ่างน้ำขึ้นมา”

แล้วมู่เหลียงก็ชี้ไปที่มุมห้อง ที่มีอ่างน้ำขนาดใหญ่สูงประมาณเอวมู่เหลียงได้

ด้วยพละกำลังที่มีในตอนนี้มันง่ายมากที่จะทำงานช่างฝีมือจากไม้

เมื่อก่อนมู่เหลียงนั้นต้องตัดแกะไม้ที่ละน้อยๆ แต่ตอนนี้เขาแค่ฟันมีดลงไปไม้ก็แทบไม่ต่างจากก่อนเนยแข็ง

“แล้วมันเก็บน้ำได้แค่ไหน”

มินโฮถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนเลิกสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะวิ่งไปดูอ่างน้ำอันนั้น

“มันก็พอที่จะเก็บน้ำไว้ใช้พอสำหรับเด็กอย่างมินโฮสัก 10 คนได้”

มินโฮเมื่อได้ยินก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ

“แล้วจะเอาน้ำมาจากไหนมากมายขนาดนั้น!”

“ก็รอจนกว่าฝนจะตกสิ”

มู่เหลียงตอบด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

สำหรับน้ำกินแค่ไปเอามาจากฐานของพวกโจรเคราโลหิตก็พอ เพราะในเมื่อพวกมันตั้งฐานที่อยู่กันได้แปลว่าฐานของมันต้องมีแหล่งน้ำหรือเก็บน้ำเอาไว้

“แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรฝนจะตกลงมาอีก นี้ก็ไม่ตกมาเจ็ดวันได้แล้ว”

มินโฮกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง และเริ่มนึกถึงเรื่องกลิ่นตัวขึ้นมาได้ ทำให้เธอไม่อยากจะกินน้ำซุปของโปรดของเธอเลยด้วยซ้ำ

มู่เหลียงหยิบเนื้อเสียบไม้ย่างมากินอย่างเอร็ดอร่อย

“รีบกินเข้าตอนที่มันยังร้อนๆ อยู่  เดียวพอกินเสร็จแล้วฉันมีอะไรให้ดูอีก”

“แล้วนี้มันอะไร?”

มินโฮถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย

“กินแล้ว…เดี๋ยวก็รู้เอง”

มู่เหลียงตอบก่อนที่จะมองไปยังชามของเด็กสาว

“ได้งั้นจะกินมันเดี๋ยวนี้แหละ!”

มินโฮถือเนื้อย่างขึ้นมาในขณะที่อีกมือถือชามซุปเอาไว้

ไม่ถึงสิบนาที เด็กสาวก็กินทุกอย่างหมด

“อ้าา…สบายท้องจัง….เอ้าหล่ะฉันกินเสร็จแล้วว่าไงต่อ!”

มินโฮเลียปากเล็กน้อยก่อนที่จะใช้สายตาใสซื่อของเธอมองมายังมู่เหลียง

ตอนนี้มินโฮนั้นเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่กำลังรอดูว่าพ่อของเธอจะทำอะไรให้เธอแปลกใจ

มู่เหลียงเอากระดานไม้วาดรูปออกมา เป็นกระดานไม้ที่มีภาพวาดที่ชื่อ บ้านเกิด ของเขา

มู่เหลียงพูดขึ้น

“อย่าได้สัมผัสภาพนี้ตรงๆ นะ เพราะเดี๋ยวผงถ่านมันจะลอกออก”

“รู้แล้วน่า”

มินโฮรับกระดานไม้มาอย่างสนใจและพลิกดูหลายมุม

เมื่อได้เห็นชัดๆ แววตาของเธอก็เป็นประกาย ก่อนที่ปากของเธอจะอ้ากว้างขึ้น

ภาพนี้เป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคย เป็นฉากที่เธอเคยเห็น และส่งผลกระทบกับความรู้สึกของมินโฮทันที

“งดงาม…มันงดงามจริงๆ”

จมูกของมินโฮเริ่มมีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกับสายตาที่พร่ามัว

“ชื่อของภาพวาดนี้คือ บ้านเกิด…”

มู่เหลียงพูดขึ้น และลูบหัวของมินโฮเบาๆ

ก่อนที่เขาจะออกไปจากห้องโถง ไปยังลานบ้าน และมองออกไปยังวิวทิวทัศอันมืดมิดของดินแดนที่แห้งแร้ง มันมืดมากจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเอง

เวลานี้มู่เหลียงไม่ได้ต้องการดูวิว เขาต้องการรับลม เพราะคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว

เขาคิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ข้ามโลกมาแล้วได้เจอกับเด็กสาวคนนี้ และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขามาถึง

และเขาก็คิดถึงความรู้สึกของมินโฮที่เชื่อใจเขาอย่างมาก แม้จะเจอกันแค่เจ็ดวันก็ตาม และยินดีที่จะออกเดินทางไปกับเขา

-ที่มู่เหลียงวาดภาพนี้ออกมาเพื่อเก็บรวบรวมความทรงจำดีๆ -ที่มีต่อค่ายให้กับมินโฮเพื่อระลึกถึง บ้านเกิด

บรู๊วววววว

ในค่ำคืนที่ควรเงียบสงบกับมีเสียงของหมาป่าเห่าหอนขึ้น

มันได้ทำลายความรู้สึกซาบซึ้งนี้ของมู่เหลียง

เขาเดินไปมองยังจุดที่เกิดเสียง และเห็นจุดสีขาวจำนวนหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ มันเป็นจุดขาวที่วางอยู่บนอะไรสักอย่างที่สีดำ และกำลังเคลื่อนที่อยู่

“มู่เหลียง!! กลับเข้ามาเร็ว!!”

เสียงแหบแห้งของเด็กสาวที่พึ่งร้องไห้ตะโกนขึ้น

มินโฮยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน พร้อมกับโบกมือเรียกมู่เหลียงอย่างแรง

“อะไร…เกิดอะไรขึ้น?!”

มู่เหลียงเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย และเห็นว่าตาของมินโฮนั้นแดง

“เข้ามาก่อนข้างนอกมันอันตราย”

มินโฮรีบดึงแขนมู่เหลียงให้เข้าบ้าน และปิดประตูทันที

ก่อนที่มินโฮจะรีบเดินไปที่กองไฟ และเอาท่อนฟืนออก ทำให้ไฟมอดลง

“แฮ้ก…แฮ้ก..แฮ้ก…”

มินโฮหายใจเบาๆ แต่ถี่ขึ้น

“นี้เป็นอะไรไป หรือเพราะเสียงหมาหอนเมื่อกี้?”

มู่เหลียงเข้าไปดูอาการและพูดอย่างเป็นห่วง

“หมาป่าจันทรา…..พวกมันเป็นฝูงสัตว์อสูรที่อันตรายมาก”

มินโฮสูดน้ำมูกเล็กน้อย

เธอนั้นประทับใจกับภาพวาดของมู่เหลียงมากจนร้องไห้ออกมา แต่ตอนนี้อารมณ์ซาบซึ้งมันได้หายไป

เพราะควาามกลัวต่อหมาป่าจันทรา

“มินโฮ…ลืมอะไรรึป่าว? พวกเราก็มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเป็นพวกเหมือนกัน”

มู่เหลียงกระทืบเท้าหนึ่งที ก่อนที่จะหัวเราะในลำคอ

แอ๊!!!!

เต่าทมิฬคำรามขึ้น ราวกับส่งเสียงเตือนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวมัน

บรู๊ว!!!

ไกลออกไปจุดที่มืดมิดก็มีเสียงของหมาป่าเห่าหอนกลับมา ก่อนที่เสียงจะห่างออกไปเรื่อยๆ

“พวกมันไปแล้ว”

มินโฮกระพริบตาหลายครั้งด้วยความประหลาดใจ หูกระต่ายของเธอนั้นจากที่หุบลงก็ค่อยๆ กลับขึ้นมาตั้งตรงอีกครั้ง

“ใช่มันไปแล้ว”

มู่เหลียงตอบ ที่จริงเขานั้นสื่อสารกับสัตว์อสูรของตัวเองบ่อยมาก จนเขาพอจะเข้าใจเสียงคำรามเมื่อครู่ว่าหมายถึงอะไร

หากแปลเป็นภาษาคนก็คือ เต่าทมิฬได้ขู่พวกหมาป่าจันทราให้ออกไปจากอาณาเขตของมัน

ทางหมาป่าจันทราเองก็ไม่ยอมแพ้ และตอบกลับมาว่า เดี๋ยวเราจะได้เจอดีกัน

“รอดแล้ว”

มินโฮเดินไปก่อกองไฟขึ้นมาอีกครั้ง

เธอนั้งนิ่งราวกับคนเสียขวัญไปพักหนึ่ง และอยู่ๆ ก็นั่งคิดว่าตัวเองนั้นลืมอะไรไป

“จริงสิ…มินโฮแล้วภาพวาดของฉันไปไหนแล้ว”

มู่เหลียงถามขึ้น ในขณะที่สีหน้าของมินโฮนั้นซีดลงทันที และมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก ก่อนที่จะโล่งใจเมื่อเห็นภาพวาดวางอยู่บนโต๊ะ

เมื่อครู่เด็กสาวนั้นเป็นห่วงมู่เหลียงเกินไปจน ทิ้งกระดานภาพวาดทันที และรีบไปหามู่เหลียง

มินโฮเดินไปหยิบรูปภาพมาและถามขึ้น

“มู่เหลียง….มีวิธีเก็บรักษาภาพนี้เอาไว้ให้อยู่นานๆ ไหม”

“ก็แค่แขวนไว้ในห้องนอนของมินโฮก็พอแล้ว”

มู่เหลียงตอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

“งั้นมาช่วยฉันทำที่แขวนหน่อย”

มินโฮถือภาพวาดอย่างระมัดระวังด้วยมือทั้งสองข้าง

“ได้เดี๋ยวฉันช่วยเอง”

มู่เหลียงมองไปยังภาพวาด และรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ภาพวาดนี้ได้กลายเป็นของล้ำค่าของมินโฮไปแล้ว

มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เมื่อมู่เหลียงมองเห็นภาพกับเด็กสาวนี้

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด