ตัวประกอบแรงค์ EX — 0082
23. อัตราการเข้าเรียน 50% (2)
* * *
ภายในห้องของจูซูย็อก
จูซูย็อกกำลังนอนแผ่อยู่บนเตียง พลางอ่านกำหนดการล่วงหน้าผ่านโฮโลแกรม แต่ไม่นานก็ปิดหน้าจอทิ้งด้วยความหงุดหงิด
ใบหน้าเจือความผิดหวังอยู่หลายส่วน
‘…คุณปู่วางแผนไว้แต่แรกแล้วสินะ’
ในระยะหลัง เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้บ่อยขึ้น
แต่จุดประสงค์มิใช่แค่การเข้าร่วมปาร์ตี้
ผู้ใหญ่มักให้เขาไปงานพร้อมกับคนเดิมๆ เสมอ – หัวหน้ากรรมการรักษาระเบียบ นักเรียนปีสามโรงเรียนแสงเงิน โอเยจี
จนกระทั่งจูซูย็อกรับรู้ได้เองโดยสัญชาตญาณ
และข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมา คือเครื่องยืนยันอันแจ่มแจ้ง
[รุ่นพี่เยจี] พวกเขาบอกให้เราไปงานปาร์ตี้ด้วยกันอีกแล้ว
[ฉัน] งานที่จัดร่วมกับ TC?
[รุ่นพี่เยจี] ใช่ นายต้องใส่ทักซิโด ส่วนฉันใส่เดรส… ถ้าจำไม่ผิดต้องแต่งตัวให้เข้ากันด้วย
[จูซูย็อก] เอาจริงดิ…
เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเลยเถิดถึงเพียงนี้
‘ยังกับเป็นการประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า เราสองคนหมั้นหมายกันแล้ว!’
แต่ไหนแต่ไร จูซูย็อกจะยกงานดูแลเครื่องแต่งกายให้คิมชอล – ผู้เป็นทั้งบอดี้การ์ด คนขับรถ และเลขา – ช่วยจัดการแทนทั้งหมด
‘วันนั้นอึยชินกับเฮียวทงก็จะมาด้วย…’
ถ้าแต่งตัวแบบนั้นไป พนันได้เลยว่าเพื่อนร่วมชั้นต้องเข้าใจผิดแน่
จูซูย็อกปวดเศียรเวียนเกล้าสถานหนัก
[รุ่นพี่เยจี] ฉันจะทำแชมเปญในงานหกใส่เดรส จะได้เปลี่ยนไปใส่เดรสสำรองแทน… แต่ถ้าในงานมีเพลเยอร์ที่ซ่อมชุดได้ก็จบเห่… นายพกทักซิโดไปเปลี่ยนด้วยก็ดี
[ฉัน] ครับ!
[รุ่นพี่เยจี] ฉันเองก็อยากหนี…
[ฉัน] ขอโทษครับ รุ่นพี่เยจี
[รุ่นพี่เยจี] นายจะขอโทษทำไมซูย็อก? เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกคนแก่ๆ ต่างหาก ^^!
‘รุ่นพี่เยจีก็ไม่อยากถูกจับคลุมถุงชนเหมือนกัน’
พี่สาวแท้ๆ ของโอเยจี - โอเยจอง – หนีออกจากบ้านในวันที่ครอบครัวเตรียมประกาศการหมั้นหมายระหว่างเธอกับลูกพี่ลูกน้องของจูซูย็อก
โอเยจองมิได้แข็งแกร่งเท่าโอเยจี แต่ก็เป็นคนมีฝีมือและจิตใจเด็ดเดี่ยว เธอเล่นงานบอดี้การ์ดทีเผลอแล้วฉวยโอกาสหนีไป
บนผนังในห้องรับรองสำหรับเตรียมจัดงานหมั้น มีคำว่า ‘อย่ามาประสาทแดกกับกู’ ขนาดใหญ่ถูกสลักไว้ด้วยมีดอย่างป่าเถื่อน
‘ตอนนั้นเราก็ตกใจมากเหมือนกัน’
โอเยจองมักเลี่ยงการออกสื่อ และไม่ชอบออกงาน
จนมีข่าวลือว่าร่างกายของเธอไม่แข็งแรง จึงนิสัยขี้อายและเก็บตัว
แต่พอได้เห็นคำว่า ‘อย่ามาประสาทแดกกับกู’ ถูกสลักไว้บนผนังห้อง จูซูย็อกค่อนข้างมั่นใจว่าข่าวลือพวกนั้นไม่เป็นความจริง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่ตระกูลโอไม่ค่อยพาโอเยจองออกสื่อ คงเพราะอยากปิดบังนิสัยป่าเถื่อนเสียมากกว่า
‘จนถึงตอนนี้ก็ยังหาพี่เยจองไม่พบ’
เนื่องจากครอบครัวไม่อยากให้เป็นข่าวครึกโครม ตำรวจจึงประกาศตามหาโอเยจองอย่างออกนอกหน้าไม่ได้ และยิ่งยากเพราะแทบไม่เคยมีใครเห็นหน้าของเธอมาก่อน
แต่ลึกๆ ในใจแล้ว จูซูย็อกแอบให้กำลังใจโอเยจองอยู่ห่างๆ
‘ในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ได้ชอบพอกัน… ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ต่างคนต่างแต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบ?’
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าอันดาอินลอยเข้ามาในหัวจูซูย็อก
ขณะหัวใจกำลังพองโต จูซูย็อกกลับมาทำหน้าห่อเหี่ยวอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเอง
เขาหงุดหงิดจนอยากจะหนีออกจากบ้าน หรือไม่ก็แสดงท่าทีต่อต้านทางอ้อม
* * *
มินกือริน - เด็กปฏิเสธโรงเรียน
เธอคือหนึ่งในตัวละครควบคุมได้ ฉันจึงพอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง
‘แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้…’
จากบรรดาตัวละครควบคุมได้ มินกือรินมีบทบาทน้อยเป็นลำดับต้นๆ
ไม่เคยโผล่หน้ามาที่โรงเรียนแสงเงินแม้แต่ครั้งเดียว
‘ตอนแรกคิดว่าเป็นคนไม่ชอบโรงเรียน… แต่ถ้าลองวิเคราะห์ดีๆ จะเห็นว่าไม่ใช่’
ถ้ามินกือรินไม่ชอบโรงเรียน เธอคงไม่โผล่มาสอบกลางภาคแต่แรก
มินกือรินผู้มักตัวติดกับเพื่อนสนิทสมัยเด็ก – ซงแดซอก
แม้แต่ฉันยังแปลกในเมื่อได้เห็นมินกือรินมาโรงเรียนในวันสอบกลางภาค
‘ภายในเกม มินกือรินถูกวินิจฉัยว่าเป็น PTSD (ภาวะฝังใจ) จากเหตุการณ์ในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมมาโรงเรียน สื่อได้ว่าเธออยากจะเอาชนะมัน’
แต่ดูเหมือนว่าพอมาเจอคนเยอะๆ แล้วความตั้งใจจะแตกพ่าย
[ (นิรนาม) ] อ่านแล้วนี่นา
[ (นิรนาม) ] ทำไมไม่ตอบล่ะ?
[ (นิรนาม) ] นี่ใช่ดีไวซ์ของรองหัวหน้าห้องปี 1/0 ไหม?
ฉันใช้เวลาตรึกตรองแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที แต่เธอรัวข้อความกลับมาอย่างร้อนรน
‘เป็นคนสื่อสารผ่านข้อความได้… คุยกับเราตัวต่อตัวคราวก่อนก็ทำได้… หรือสื่อได้ว่า ขอแค่ไม่ต้องอยู่กับคนเยอะๆ เป็นพอสินะ’
ในเมื่อเธออยากเอาชนะความกลัว แถมยังสื่อสารได้ตามปกติ
‘มีวิธีทำให้มินกือรินมาโรงเรียนได้เรื่อยๆ โดยไม่จำกัดแค่วันครูไหม?’
ข้อมูลเกี่ยวกับมินกือรินที่ฉันได้มาจากเกม
แผลใจของมินกือริน
ห้องเรียนปี 1/0
ฉันกลั่นกรองข้อมูลและทรัพยากรในมือ
‘…คิดออกแค่วิธีง่ายๆ แต่บ้าบิ่นแฮะ’
ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองทำอะไรเลย
ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป คงตอบไม่ได้ว่ามินกือรินจะกลับมาโรงเรียนอีกเมื่อไร
[ฉัน] ฉันเอง รองหัวหน้าห้อง 1/0… ขอโทษที่ตอบช้า
[ฉัน] ตามที่เคยให้สัญญา ฉันจะยก ‘หยดน้ำเจือลมหายใจนางเงือก’ ให้ถ้าเธอมาโรงเรียนในวันพรุ่งนี้
[ (นิรนาม) ] ตกลง… จะให้ฉันไปตอนกี่โมง?
[ฉัน] เราจะจัดปาร์ตี้กันช่วงคาบโฮมรูมเช้า มาตอนนั้นแหละ
[ (นิรนาม) ] …เสร็จแล้วฉันกลับบ้านได้เลยใช่ไหม?
คงกะว่าจะรับของแล้วชิ่งหนีเลยสินะ
[ฉัน] ไม่ได้ อย่างน้อยต้องอยู่จนจบคาบโฮมรูม… ฉันจะให้การ์ดกับเธอก็ต่อเมื่อเสียงกริ่งเปลี่ยนคาบดัง
ไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน
[ (นิรนาม) ] ฉันอาจจะทำไม่ได้… ในห้องมีคนมากเกินไป ㅜ_ㅜ….
[ฉัน] แต่ใจเธอก็อยากมาโรงเรียนบ่อยๆ ใช่ไหม
[ (นิรนาม) ] ไม่ได้! ที่นั่นคนเยอะเกินไป!
ไม่ใช่ ‘ไม่อยากไป’ เพราะในห้องมีคนเยอะ
แต่ ‘ไปไม่ได้’ เพราะในห้องมีคนเยอะ
ถ้าอย่างนั้น หากเราแก้ไขปัญหา ‘ไปไม่ได้เพราะมีคนเยอะ’ สำเร็จ มินกือรินก็จะมาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
[ฉัน] …ฉันมีเงื่อนไข ถ้าเธอยอมทำตาม จะให้กลับก่อนโฮมรูมจบก็ได้
[ (นิรนาม) ] …เงื่อนไข?
เมื่อฉันบอกเงื่อนไขไป มินกือรินค่อนข้างสับสน แต่สุดท้ายก็ตอบกลับมาว่า ‘ตกลง’
ถึงจะบอกไม่ได้ว่าหลังจากนี้มินกือรินจะมาเรียนอีกหรือไม่ แต่ก็ถือว่าโอกาสไม่ใช่ศูนย์แล้ว
‘แต่เรานี่สิ… คงต้องออกไปช็อปปิ้ง… ดึกป่านนี้แล้วเนี่ยนะ’
ฉันรีบดีดตัวจากโซฟาเพื่อออกมาซื้อของยามดึก
โชคเข้าข้าง ยังมีร้านรวงเปิดขายของอยู่ในเขตอึนกวาง จึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล
* * *
เช้าวันครู
ฉัน ซาวอลเซอึม ฮันอี และวังจีโฮซึ่งอยู่ทีมอาหาร นัดเจอกันช่วงเช้าตรู่หน้าประตูฝั่งตะวันตก
“เป็นครั้งแรกที่ได้มาด้วยตัวเอง”
ย้อนกลับไปตอนที่นั่งเลือกเมนูกันในห้อง วังจีโฮแสดงความเห็นราวกับเป็นลูกค้าประจำของร้านเบเกอรีประตูฝั่งตะวันตก
…คงเพิ่งเคยมาด้วยตัวเองครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้สั่งเดลิเวอรี่หรือไม่ก็ฝากลูกน้องมาซื้อสินะ
“ฉันมาทุกๆ สองวัน!”
“ฉันด้วย!”
“คราวหน้ามาด้วยกันไหม? มีขนมปังบางชิ้นใหญ่เกินกว่าจะกินคนเดียว… เราจะได้แบ่งครึ่งกัน”
“อื้อ!”
ซาวอลเซอึมกับฮันอีนัดแนะกันอย่างร่าเริง
สองวันครั้ง? ถี่ชะมัด
“คนเพียบเลยแฮะ”
“เด็กโรงเรียนเราทั้งนั้น”
“โชคดีที่จองล่วงหน้า”
แถวซื้อของแบ่งเป็นลูกค้าจองกับลูกค้าปกติ คนจำนวนมากกำลังยืนอออยู่ทั้งในและนอกร้าน
หนึ่งในร้านเบเกอรีชื่อดังของเขตอึนกวาง – MITRON – ร้านแฮนด์เมดหน้าประตูทิศตะวันตกของโรงเรียนแสงเงิน
ชื่อร้านมีความหมายในภาษาฝรั่งเศสว่า ‘ลูกมือคนอบขนม’
‘เป็นชื่อที่ถ่อมตัวมากเมื่อเทียบกับรสชาติและชื่อเสียง’
เราสี่คนยืนเข้าแถวสำหรับลูกค้าสั่งจอง
ไม่เหมือนกับแถวลูกค้าปกติ จำนวนคนในแถวลูกค้าจองลดลงเร็วมาก
เมื่อเริ่มขยับเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ลอยเตะจมูกทันที
“สวัสดีครับ โรงเรียนแสงเงินปี 1/0 ใช่ไหม?”
“สวัสดีค่ะ!”
“สวัสดีครับ!”
บุรุษในชุดพ่อครัวทำขนม ยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะยื่นกล่องที่ถูกห่ออย่างดีให้พวกเรา
เขาคงจะคุ้นหน้าซาวอลเซอึมกับฮันอีที่เป็นลูกค้าประจำ
‘เพิ่งเคยเห็นหน้าพ่อครัวร้าน MITRON แฮะ…’
ฉันเคยมาซื้อเค้กอยู่บ้างประปราย แต่ทุกครั้งจะได้เจอกับลูกจ้างชั่วคราวตรงเคาน์เตอร์
สงสัยจะแวะมาผิดจังหวะตลอด
“หืม…”
“มีอะไร”
วังจีโฮมองพ่อครัวทำขนมด้วยตาเป็นประกายเจือพิรุธ
“เขามีพรคุ้มครองที่เข้มข้นของเผ่าแท้… ใครกันนะ”
พ่อครัวทำขนมผู้เป็นเจ้าของร้าน MITRON คือเพลเยอร์ชื่อดัง
คงไม่แปลกกระมัง หากจะมีพรคุ้มครองที่เข้มข้นของเผ่าแท้
“ขอโทษที่ทำให้รอนะ! กลับกันเถอะ!”
“อื้อ! จัดการเสร็จแล้วล่ะ”
ซาวอลเซอึมกับฮันอีเดินกลับออกมาหลังจากชำระเงินเสร็จ
แต่วังจีโฮทำท่าเหมือนยังอยากอยู่สืบพ่อครัวผู้ได้รับพรคุ้มครองจากเผ่าแท้ต่อ
โดยไม่ปล่อยให้หลุดพูดอะไรแปลกๆ ออกไป ฉันรีบลากตัวเขากลับเข้าโรงเรียน
* * *
ห้องเรียนปี 1/0
ดูเหมือนทีมดอกไม้จะเตรียมมาทั้งกระเช้าดอกไม้ และดอกไม้ที่จะให้ฮัมกึนยองติดบนเสื้อ
ดอกคาร์เนชั่นสีแดงกระจายอยู่เต็มกระเช้าสีขาวล้วน แซมด้วยดอกยิปโซฟิลลาและดอกคอนสวรรค์ประปราย
มีริบบิ้นกำมะหยี่ผูกอยู่กับกระเช้า ใกล้กันมีของตกแต่งรูปทรงคันธนูและลูกศรสีน้ำเงิน
‘ตกแต่งแบบนี้เพราะแสงประทานของฮัมกึนยองคือ ‘เนตรและธนูแสงของนักลอบยิง’ แถมยังมีฉายาในวงการเพลเยอร์ว่า ‘ศรสวรรค์’ ด้วยสินะ’
ไม่มีใครขายกระเช้าดอกไม้ประดับด้วยคันธนูและลูกศรอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอซื้อมาติดต่างหาก
“ฉันซื้อมาจากร้านเครื่องประดับที่ตลาดนัมแดมุนน่ะ!”
ขณะฉันยืนจ้องของตกแต่ง คิมยูรีอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ตลาดนัมแดมุนอยู่ไกลจากตลาดดอกไม้ยังแจดงพอสมควรเลยนี่”
“นั่นแท็กซี่แค่ประมาณสี่สิบนาทีเอง”
นั่นก็ไกลแล้วนะ
“ตลาดนัมแดมุนมีแต่ของน่าตื่นเต้นทั้งนั้นเลย”
“ใช่! มีของแปลกๆ เพียบ… เดินแล้วรู้สึกอยากซื้อของที่ไม่ได้ต้องการ…”
“เรนาซื้อเข็มกลัดกับเครื่องประดับรูปไวโอลินมาไม่ต่ำกว่าสิบชิ้น… ฉันเองก็ซื้อเครื่องประดับรูปดอกแม็กโนเลียมาเหมือนกัน”
“อึก… ซื้อเพลินไปหน่อย แต่ฉันไม่เสียใจหรอกนะ!”
เม็งเฮียวทงกับอีเรนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นขณะช่วยกันย้ายโต๊ะ
เมื่อเทียบกับทีมอาหารแล้ว ทีมดอกไม้สิ้นเปลืองเวลามากกว่า แต่ดูเหมือนจะมีช่วงเวลาดีๆ กันอยู่
หลังจากจัดโต๊ะเสร็จและนำเค้กออกมาวาง อีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดหมายกับมินกือริน
ก่อนมินกือรินจะมาถึง ฉันมีบางอย่างจะรบกวนพวกเด็กๆ สักหน่อย
ขณะครุ่นคิดว่าจะเกริ่นเรื่องนี้กับทุกคนยังไงดี
“รองหัวหน้าห้องยิ้มมีพิรุธอีกแล้ว!”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เม็งเฮียวทงดึงดูดความสนใจของเพื่อนๆ มาอยู่กับฉัน
“ฮะฮะฮะ!”
“อึยชินยิ้มเหมือนมีอะไรอยากจะพูดเลยนะ”
ค่อนข้างน่าเศร้าที่ไม่มีใครโต้แย้งคำว่า ‘รอยยิ้มมีพิรุธ’ นั่นเลย แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีให้ฉันได้พูด
“พอดีมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะ”
ฉันยื่นสิ่งที่ซื้อมาเมื่อวานให้กับเด็กๆ ปี 1/0
* * *
ทางเข้าห้องเรียนปี 1/0 อยู่ตรงมุมเปลี่ยวของอาคารพอดี
เมื่อมินกือริน – ผู้ซ่อนตัวอยู่ในเงาใกล้กับบันได - เห็นฉันเดินออกจากห้อง เธอเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
วันนี้เธอสวมแว่นตาเลนส์เปล่า กับแจ็กเกตฮู้ดคลุมหัว
‘ถุงกระดาษนั่น… ของขวัญให้ครูฮัมกึนยอง?’
มินกือรินกำลังกอดถุงกระดาษขนาดประมาณ A4
“ฉันมาแล้ว และจะพยายามทำตามที่นายบอก… แต่ถ้าไม่ไหวจะกลับบ้านทันที และนายต้องส่งไอเท็มการ์ดให้ฉันผ่านไปรษณีย์เพลเยอร์!”
มินกือรินยื่นข้อเสนอเอาแต่ได้
ฉันพยักหน้ารับ
“ตามนั้น”
“…แน่ใจนะ? ถ้านายไม่ทำตามสัญญา ฉันจะฟ้องครูฮัมกึนยองจริงๆ ด้วย!”
ดูท่ามินกือรินจะสนิทกับฮัมกึนยองกว่าที่คิด
ถ้าอย่างนั้น แผนบ้าๆ ของฉันก็มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
“ขอแค่แวะไปที่ห้องเรียนสักนิด ไอเท็มการ์ดจะเป็นของเธอ”
ขณะกล่าว ฉันนึกทบทวนภาพที่เด็กห้องศูนย์ยอมทำตามคำขอแปลกๆ ของฉันโดยไม่ไต่ถาม
“แค่ไปให้เห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องก็พอ”
ฉันยื่นไอเท็มที่ซื้อมาเมื่อคืนให้มินกือริน
______________________
★★ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดราคา สามารถตรวจสอบได้ที่ Inbox ของเพจ BJK Novel★★
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel