ตอนที่แล้วบทที่ 126 – สุราผลไม้ที่ยอดเยี่ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 128 - ทำให้ไหสุ่ยสะเทือนใจ

บทที่ 127 - กลิ้งเป็นลูกน้ำเต้า


อาจารย์เจิ้นหันมาที่มู่จือ ยิ้มให้แล้วกล่าวว่า “มู่จือ! ทำไมเธอไม่เอาแก้วของเธอให้อาจารย์ดื่มล่ะ เธอเป็นผู้หญิง! การดื่มสุรามันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพน่ะ!”

แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของมู่จือทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงทันที เธอรีบดื่มเหล้าที่เหลือทั้งหมดในแก้วแบบรวดเดียว ก่อนที่จะเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ดื่มเหล้านี่คะอาจารย์! นี่มันน้ำผลไม้ต่างหาก ฮิฮิ!”

เขาจ้องเธอด้วยความหงุดหงิดมาก มือนั้นลูบอยู่ที่เคราของตัวเองไม่หยุด

เจ้าชายเคอจาต้องเอ่ยปากขึ้น “มาลองดื่มสุราของข้าดูกันต่อเถอะ! อาหารก็ยังเหลืออยู่มีหลายจาน มา! เชิญทุกท่านทานกันให้อร่อย!”

เหมือนกับว่ากำลังรอสัญญาณให้เริ่มแข่งขันอยู่ พอได้ยินเขากล่าวดังนั้น! ผมกันมู่จือเริ่มจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างโหดร้ายทันที แต่ก็นะ! ในโต๊ะมีผู้อาวุโสนั่งอยู่ด้วยตั้งมากมาย  พวกเราต้องรักษามารยาทเอาไว้บ้าง พวกเราแค่ไม่พูดไม่จา ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างมีมารยาทอย่างเร็วแค่นั้นเอง ส่วนบรรดาผู้อาวุโสก็คุยกันไปกินกันไปพลาง ในเวลาไม่นานบนโต๊ะก็มีจานที่ว่างเปล่าอยู่หลายใบแล้ว!

อาจารย์เจิ้นถึงกับต้องหันมาพูดกับผม “หวา! จางกง เธอนี่มันไม่ได้เก่งเวทย์มนต์อย่างเดียวเสียแล้ว เรื่องกินนี่ก็เก่งมากเลยนี่!”

อาจารย์ตี้พูดเสริมมาแบบอารมณ์ดี “เจ้ายังไม่รู้อะไร! แต่ลูกศิษย์ตัวดีของข้าคนนี้มีฉายาอยู่นะ ถังข้าวธาตุแสง! เจ้าเคยได้ยินมั้ย?”

ผมได้แต่กล่าวอย่างกะอักกะอ่วม “ผมไม่ได้เก่งเวทย์มนต์อะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องกินนี่ผมสู้ไม่ถอยจริง ๆ อย่างวันนี้ถ้าไม่ได้เป็นเพราะโชคดีแล้วล่ะก็ ผมคงไม่รอดจากมือของผู้นำตระกูลรื่อแน่” คิดย้อยกลับไปถึงสถานการณ์ตอนนั้น ผมยังขนลุกอยู่เลย

แต่หลังที่พูดเรื่องพวกนี้ออกไป ผมรู้สึกว่าตัวเองเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดให้มู่จือได้ยิน เลยแอบมองไปที่เธอ แต่ก็พบว่าเธอกำลังกินอาหารอยู่อย่างมีความสุข ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสิ่งที่ผมพูดออกไปเลย ผมหันไปถามกับเจ้าชายว่า “ท่านลุง! สถานการณ์ของตระกูลรื่อเป็นอย่างไรบ้างแล้วครับ?”

เจ้าชายได้แต่ถอนหายใจ “ข้าส่งคนเข้าไปจับพวกเขาทันทีหลังจากจบการประลอง แต่ทั้งตระกูลนั้นว่างเปล่า เหมือนกับคนทั้งหมดหายไปในอากาศ นอกจากคนรับใช้ 2-3 คน ที่เหลือไม่มีใครอยู่เลย ดูเหมือนรื่อซือฟงได้เตรียมตัวสำหรับสถานการณ์แบบนี้ไว้อย่างดี ข้าได้ออกคำสั่งให้ตามจับพวกเขาแล้ว แต่โอกาสที่จะจับตัวได้คงน้อยมาก”

ผมพยักหน้ารับรู้ “ผมเองก็ไม่คาดคิดว่า ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลรื่อจะให้การสนับสนุนกองกำลังที่ชั่วร้าย” เพื่อที่จะกันไม่ให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นหรือหวาดกลัวจนเกินไป ผมไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับราชามารเลย ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าพวกเขาจะคิดว่ากองกำลังที่ตระกูลรื่อสนับสนุนอยู่คือเผ่าปีศาจ แล้ววิ่งเข้าไปชนกับปัญหาใหญ่ตอนที่จัดการกับตระกูลนี้!

อาจารย์เจิ้นตัดบท “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพวกนี้แล้ว องค์ชาย! ท่านยังพอเหลืออาหารอีกสักหลายจานหรือไม่? ข้ายังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยอิ่มเลย ฮ่าฮ่า!”

เจ้าชายเคอจารีบออกปากขอโทษที่จัดเตรียมไว้ไม่เต็มที่ แล้วรีบออกคำสั่งให้ทำอาหารเข้ามาเพิ่มอีกชุดทันที แต่นอนว่ามู่จือกับผมยังไม่ยอมหยุด อาหารที่ถูกนำมาขึ้นโต๊ะนั้นมีรสชาติไม่เป็นรองภัตตาคารหยกปริ่มน้ำเลยแม้แต่น้อย และมันก็ทยอยหายเข้าไปในปากที่เหมือนกับหลุมดำของพวกผมไม่หยุด

หลังจากมื้ออาหารอันแสนโอชาได้จบลง ผมได้แอบถามเจ้าชายเพื่อจะขอยืมหนังสือบทกลอนเล่มนั้น เขาบอกผมว่ามันถูกพบอยู่ในสถานที่โบราณแห่งหนึ่ง มันมีอยู่เพียงเล่มเดียวเท่านั้นและถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ใช่ผมเป็นคนเอ่ยปาก เขาไม่มีทางที่จะยอมให้ใครเอามันออกไปจากห้องทำงานแน่!

ผมเดินออกจากวังของเจ้าชายพร้อมกันกับมู่จือ หน้าของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข เอ่ยปากถามเธอ “เป็นยังไงบ้างวันนี้? พอใจมั้ย?”

แต่มู่จือกลับมองผมอย่างเย็นชา “หืมม! อย่ามาถามเลยว่าพอใจมั้ย? นี่เป็นความผิดของนายล้วน ๆ คนมากขนาดนี้ ฉันจะไปกินอิ่มได้ยังไง?”

อา!! นี่เธอยังไม่อิ่มอีกเหรอ? เธอกินลงไปขนาดนั้นแล้วนะ ถึงจะค่อย ๆ แอบกินก็เถอะ! ผมได้แต่ค่อย ๆ ถอนหายใจ ก่อนจะถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นจะเอายังไงต่อดี? คงจะไม่ใช่ว่าเธออยากให้ฉันพาไปที่อื่น ไปหาอะไรกินเพิ่มอีกตอนนี้เลยนะ?”

มู่จือหันมามองผมอย่างมีเลศนัย ยิ้มเยาะผม ก่อนจะกล่าว “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น! แต่นายต้องจำเอาไว้ให้ดี นายติดเลี้ยงข้าวฉันที่หยกปริ่มน้ำอยู่หนึ่งมื้อ!” หลังจากพูดจบ เธอก็หันหน้ากลับ แล้วเริ่มวิ่งออกไปตามทางกลับสถาบัน มีเสียงหัวเราะกังวานลอยย้อนกลับมา!

ผมหายโง่ในที่สุด ตะโกนไล่หลังเธอไป “เธอหลอกฉันนี่! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” แล้วผมก็เริ่มวิ่งตามเธอไป

ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในเมือง ดังนั้นพวกเราจึงใช้แรงของตัวเองวิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เวทย์มนต์อะไรเข้าช่วย ขณะที่วิ่งไล่กัน ผมได้แต่คิด ทำไมเธอวิ่งเร็วขนาดนี้เนี่ย ผมฝึกร่างกายมาแล้วนะ ทำไมยังไล่ไม่ทันเธออีก?

ตอนที่ออกมานอกชุมชน และเริ่มเห็นประตูทางเข้าของสถาบันแล้ว ผมมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เลย ผมรีบใช้การเคลื่อยย้ายระยะใกล้ส่งตัวเองไปปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอทันที แน่นอนว่ามู่จือที่ไม่ได้ระวังตัว ไม่มีทางที่จะหยุดได้ทัน เธอพุ่งเข้าหาผมทั้งตัว ส่วนผมที่ก็ไม่ได้ระวังเรื่องแรงส่งที่เธอวิ่งมา ทำให้ผมหยุดเธอไว้ไม่ได้เหมือนกัน พวกเราพากันล้มลงกับพื้น แล้วกลิ้งอยู่บนนั้นเป็นลูกน้ำเต้าเลย!

หัวของมู่จือกระแทกเข้าที่หน้าด้านซ้ายของผมอย่างจัง ทำให้ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ส่วนมู่จือก็คลำหัวของตัวเองแล้วส่งเสียงออกมา “นี่มันเจ็บนะ!”

จนเวลาผ่านไปสักครู่นั่นแหละ! ผมถึงจะกลับมาได้สติจากอาการมึนงงนั้น ตอนนี้มู่จือนอนทับอยู่บนตัวผม ยังคลำหัวของตัวเองอยู่ ตัวของเธอนั้นนุ่มมาก ผมเผลอเอามือของตัวเองจับไปที่เอวของเธออย่างไม่รู้ตัว แม้จะยังมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงผิวที่นุ่มเนียนของเธอ

จากสัมผัสของผม ทำให้มู่จือรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ แล้วรีบลุกขึ้นออกจากตัวผมทันที “นายจะทำอะไรน่ะ? เจ้าคนลามก!”

ตอนนี้มู่จือหน้าแดงไปหมด จ้องผมเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้ามุ่ยแต่ดูน่ารัก “ที่แท้นายเป็นคนอย่างนี้นี่เอง! คนเลว!”

ผมรีบเรียกร้องความเป็นธรรมทันที “ฉันเลวยังไง? เธอเป็นคนวิ่งมาชนฉันเองนะ!”

เธอแสดงอาการไม่รับรู้เหตุผลขึ้นมาทันที “ฉันไม่สน? มันเป็นความผิดของนาย ใครใช้ให้นายมาโผล่มาตรงหน้าฉันแบบไม่รู้ตัว? ชนนายแบบนี้ ฉันเจ็บมากเลยรู้มั้ย? นายดู ๆ หัวของฉันปูดไปหมดแล้ว! ฉันจะไปเจอหน้ากับคนอื่นได้ยังไง?”

ผมรีบตรวจดูหัวของเธอทันที มันบวมออกมาจริง ๆ ด้วย ตอนที่ชนกันมันคงไม่เบาเลยจริง ๆ นั่นแหละ แต่ผมยังแหย่เธอได้อยู่ “หวา!! มู่จือ เธอมีเขาด้วย ฮ่าฮ่า!”

มือของเธอดึงหูของผมเอาไว้ทันที “นายนี่มันเป็นคนดีจริง ๆ ทำคนอื่นเจ็บแล้ว ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก! ฉันไม่ยกโทษให้นายแน่!”

ผมรีบกล่าว “ไม่หัวเราะแล้ว ๆ มา! เดี๋ยวฉันช่วยเธอรักษามันให้ รับรองว่ามันจะหายไปแน่นอน!”

เธอปล่อยหูของผมแล้ว แต่ยังมองอย่างสงสัย “แน่นะ! ถ้ามันไม่หาย นายตาย!”

เห็นเธอเจ็บตัว ใจผมก็แปล๊บ ๆ อยู่เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงรีบรวมธาตุแสงเอาไว้ที่มือ ก่อนจะร่ายเวทย์ฟื้นฟูธาตุแสงออกมา

มู่จือ! ที่พอเห็นดวงแสงสีขาวบนมือของผมแล้ว ก็รีบขยับถอยออกไป “นายจะทำอะไร?”

ผมชะงักไปครู่หนึ่ง “ก็จะช่วยรักษาเธอไง! ทำไมเหรอ? นี่เป็นเวทย์ฟื้นฟูธาตุแสง มันได้ผลดีเลยนะ!”

แต่มู่จือส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไม่เอา! ฉันไม่ให้นายรักษาให้แล้ว! ฉันไม่ค่อยถูกกับธาตุแสงมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

อา! มีเรื่องอะไรประเภทไม่ถูกกับธาตุโน้นธาตุนี้ด้วยเหรอ? ผมไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย! ผมเลยแค่กระแอมเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “เธอนี่มันเป็นคนพิเศษจริง ๆ ไม่ถูกกับธาตุแสง สุดยอดมาก! แล้วอย่างนั้นจะทำยังไง ไม่ให้ฉันรักษา? อืม! รีบเข้าไปหานักเวทย์น้ำให้ช่วยกันดีกว่า เธอคงจะไม่ได้ไม่ถูกกับธาตุน้ำด้วยใช่มั้ย ฮ่าฮ่า!”

มู่จือมองมาที่ผม ก่อนจะบอก “นี่เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับตระกูลของฉัน ฉันก็ทำอะไรกับมันไม่ได้นี่! รีบกลับเข้าไปในสถาบันกันเถอะ!”

แล้วเธอก็เป็นคนยื่นมือมาจับมือผมเอง เดินนำผมกลับเข้าไปที่สถาบัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด