ตอนที่แล้วตอนที่ 20 ติดกับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 ลาก่อนบ้านเกิด

ตอนที่ 21 จดหมายถึงพี่สาว


มินโฮออกมาทำอาหารเช้าอย่างพิถีพิถัน และเดินไปมาในห้องโถงใหญ่เพื่อจัดเตรียมอาหาร ก่อนจะตะโกนเรียกมู่เหลียง

ส่วนมู่เหลียงกำลังตัดไม้ทำฟืนด้วยมีดสนามของเขา และยังเหลาไม้เป็นแผ่นกระดานอีกสองอัน

“มู่เหลียง!! อาหารเช้าเสร็จแล้ว!”

มินโฮส่งเสียงเรียกมู่เหลียงด้วยน้ำเสียงที่สดใส

ก่อนจะเดินออกมาตามมู่เหลียง และเห็นว่ามู่เหลียงกำลังทำอะไรบางอย่างจึงถามขึ้น

“คิดจะทำอะไรอีกแล้วหล่ะ”

“กระดานวาดรูป”

มู่เหลียงตอบพร้อมกับหยุดมือ

ก่อนที่จะปัดเศษไม้บนตัวออก และลุกขึ้น

“หลังกินอาหารเช้าแล้ว ฉันจะไปที่ค่ายอีกรอบ”

ก่อนหน้านี้มู่เหลียงได้ส่งกระแสจิตไปบอกเต่าทมิฬแล้วว่าให้มันเดินทางไปยังค่าย

“ไปที่ค่ายทำไมอีกหล่ะ? ก็ไหนบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

มินโฮกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“เราไม่ควรตามสายโจรพวกนั้นไปงั้นหรอ?”

“มินโฮไม่อยากจะทำเครื่องหมายหรือทิ้งข้อความอะไรทิ้งไว้ให้พี่สาวเลยงั้นหรอ?”

มู่เหลียงพูดขึ้นระหว่างที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับมินโฮ

และไปนั่งลงข้างๆ กองไฟและถามต่อไปว่า

“ถ้าเกิดว่า พี่สาวของมินโฮกลับมาที่ค่าย เพื่อมาหามินโฮหล่ะจะทำยังไง?”

มินโฮนั้นยังอ่อนต่อโลกเกินไป มู่เหลียงเองต้องสอนอะไรให้มินโฮอีกหลายอย่าง

“ก็จริงนะ”

มินโฮพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ

มินโฮเองก็ต้องการที่จะตามหาพี่สาวเหมือนกัน แต่เธอไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ หากวันหนึ่งพี่สาวของเธอกลับมาแล้วจะทำเช่นไร?

“ลองคิดดูแล้วกันว่าจะทิ้งอะไรเป็นข้อความเอาไว้บอกพี่สาวของเธอ”

มู่เหลียงชำเลืองมองหม้อเหล็ก ที่ครั้งหนึ่งคิดว่าเด็กสาวคงเอามันไปแลกเปลี่ยนแล้ว

“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”

มินโฮตอบกลับ มู่เหลียงนั้นเข้าใจมินโฮได้ทันทีจากการอ่านสีหน้าของเธอ

มินโฮเดินมาเติมน้ำซุปใส่ชามก่อนจะยื่นให้มู่เหลียง และพูดอย่างอ่อนใจ

“ตอนนี้น้ำเหลือไม่มากแล้ว เราคงอยู่ได้อีกสองสามวัน หากไม่หาน้ำเพิ่ม”

เด็กสาวรู้ว่ามู่เหลียงนั้นทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน วันนี้เธอจึงตั้งใจปรุงซุปมากเป็นพิเศษ

แต่อาหารเช้าของวันนี้คือเนื้อกิ้งก่าแห้งย่างผสมน้ำซุป

มู่เหลียงรับมาพร้อมกับพูดอย่างไม่ทุกร้อนอะไร

“ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ”

“ก็หวังว่ามู่เหลียงจะหาเจอแล้วกัน!”

มินโฮพูดพร้อมกับกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

มินโฮเองก็ตักน้ำซุปก่อนจะมานั่งลงข้างๆ กองไฟและกินอย่างใจลอย

เธอกินจนจะหมดแล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่าจะทิ้งจดหมายหรือข้อความอะไรไว้ให้พี่สาวของเธอดี

มินโฮกระพริบตาสีฟ้าของเธอสองสามครั้ง และหันหน้าไปขอความช่วยเหลือ

“มู่เหลียง…มู่เหลียงคิดว่าฉันจะฝากข้อความแบบไหนให้พี่สาวดีหละ”

แล้วเช่นเดียวกันมู่เหลียงนั้นก็คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

“มินโฮกับพี่สาวเคยสัญญาอะไรกันไว้ไหม หรือความฝันในอนาคตที่รู้กันแค่สองคน”

“หรือสัญญาอะไรก่อนที่พี่สาวของเธอจะไป และบอกมินโฮเอาไว้”

แล้วตอนนั้นเองร่องรอยความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและแววตาของมินโฮ

ตั้งแต่รู้ว่าค่ายจะถูกโจมตีมินโฮก็รู้ดีว่าสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาวคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

“หรือมีรหัสลับอะไรที่รู้กันแค่สองคน”

มู่เหลียงพยายามแนะนำเพิ่มเติมอีกครั้ง

“รหัสลับ?? มันเหมือนกับประโยค ลับเอาไว้ยืนยันตัวไหม?”

อยู่ๆ แววตาของมินโฮก็เป็นประกายขึ้นมา

“พวกเธอใช้คำพูดอะไรกัน?”

มู่เหลียงเกิดสงสัยว่ารหัสลับของทั้งสองคืออะไร

แล้วความทรงจำหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของมินโฮ ก่อนที่จะพูดขึ้น

“เวลาที่จะเข้ากระท่อมเราต้องเอ่ยถามกันก่อน ของฉันคือหูกระต่ายยาว ของพี่สาวฉันเป็นหูแมวสั้น”

เด็กผู้หญิงสองคนเคยใช้รหัสนี้เพื่อยืนยันตัวตนเวลาออกไปนอกบ้าน

ตั้งแต่พี่สาวของเธอออกไปล่ากิ้งก่า ด้วยความเป็นห่วงว่าน้องสาวอยู่บ้านคนเดียวแล้วจะตกอยู่ในอันตราย หรือไปเปิดประตูให้คนร้ายเข้ามาในบ้านได้ พวกเธอทั้งสองจึงตั้งประโยคลับไว้ยืนยันตัวตนกัน

“งั้นมินโฮก็เขียนข้อความหรือวาดรูปที่สื่อถึงประโยคนี้ ทิ้งไว้ให้พี่สาว แน่นอนว่าพี่สาวของเธอจะต้องรู้”

มู่เหลียงวางชามซุปลงก่อนที่จะเอาผ้ามาตัดออกเป็นแผ่น

ไม่มีทางที่เด็กสาวคนนี้จะรู้เรื่องตัวหนังสืออยู่แล้ว

มู่เหลียงเองมาโลกนี้ได้แปดเก้าวันได้แล้ว เขายังไม่รู้เลยว่าที่โลกนี้ใช้ภาษาตัวอักษรอะไรกัน

เขาไม่เคยเห็นตัวอักษรหรือตัวหนังสือจากที่ไหนเขียนไว้เลย แต่ที่แน่ๆ คือคนเหล่านี้ใช้ภาษาจีนสื่อสารกัน

“แบบนั้นมันเปลืองไปไหมอะ”

มินโฮมองผ้าสีขาวที่ถูกตัดขาดอย่างเสียดาย

“ข้อความที่จะส่งให้พี่สาวของมินโฮสำคัญกว่า”

มู่เหลียงโบกมือราวกับว่าของแค่นี้เล็กน้อยมาก

เขาเอาผ้ากางออกและขึงกับกระดานที่เขาพึ่งทำเสร็ต และใช้ถ่านเป็นตัวดินสอ

มินโฮมองดูอย่างตั้งใจ

“จะวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ ที่ต้องการจะสื่อกับพี่สาวเลย”

มู่เหลียงส่งถ่านหินให้ และไปดูว่าขึงผ้าแน่นรึยัง

“แล้วต้องเขียนยังไง”

มินโฮเอาถ่านหินขึ้นมาแล้วทำท่ามึนงง

“ก็วาดอะไรก็ได้ลงบนผ้าผืนนี้ เป็นโครงร่างหรือลักษณะที่จะสื่อ”

มู่เหลียงพยายามสอนมินโฮ

เขาเอาเศษผ้าที่เหลือมาขึงและเอาถ่านเริ่มขีดเขียนวาดลงไป

“อ่อ!!”

มินโฮนั้นเข้าใจทันที แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวาดยังไง

มู่เหลียงระหว่างนั้นเลือบไปเห็นค่ายอยู่ไม่ไกล เขาจึงสั่งให้เต่าทมิฬหยุดเดิน

เขาหันไปมองเด็กสาวอีกครั้งที่ตอนนี้หูกระต่ายของเธอนั้นพับขึ้นพับลงดูสับสนไปหมด ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“มินโฮ ก็วาดหูกระต่ายของตัวเองสิ และก็แทนตัวพี่สาวด้วยหูแมวก็ได้”

“จริงสิ!”

มินโฮถึงกับรู้แจ้ง และเริ่มวาดภาพลงไปบนผ้าทันที

มู่เหลียงขึงกระดานเข้ากับผ้าอีกผืน และขึ้นไปนั่งบนหัวของเต่าทมิฬและมองออกไปยังค่าย

ขูด ขูด…ขูด

ถ่านสีดำค่อยๆ ขีดลากเป็นเส้น และกลายเป็นเค้าโครงของค่ายแห่งนี้ สภาพแวดล้อมของค่าย

มู่เหลียงใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเพื่อวาดภาพค่ายแห่งนี้ และตั้งชื่อว่า บ้านเกิด

“เสร็จล่ะ”

มู่เหลียงเขียนคำว่า บ้านเกิด ลงไปในมุมล่างขวาของภาพ

เขาวางถ่านลง และเดินกลับไปหาเด็กสาวที่กำลังวาดภาพอย่างขะมักเขม้น และมองผ่านหัวของมินโฮไปมองยังภาพที่เธอวาด

“......”

มุมปากของมู่เหลียงกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาพยายามจะกลั้นขำเอาไว้

เด็กสาวคนนี้มีจิตวิญญาณของจิตรกรอย่างแท้จริง ราวกับเรียนมาจากโรงเรียนสอนเขียนภาพแอ๊บสแตร็กต์

ภาพที่เห็นคือคนที่มีหูกระต่ายยาว ปาดเบี้ยวและยิ้มโชวฟันทุกซี่

และมีภาพของคนที่มีหูแมว ขายาว แต่ตากลมโต

พร้อมกับภาพเต่ายักษ์ และภาพวาดของผู้ชายที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนหลังเต่า

และมีบ้านที่รูปร่างเหมือนบ้านลังเก่าของเธอ

ทั้งหมดนี้คือภาพวาดของเด็กน้อยคนนี้

ฝีมือการวาดภาพของมินโฮนั้นเทียบได้กับเด็กอนุบาลที่โลกเดิมของเขา

“ในที่สุดก็เสร็จสักที!”

มินโฮปาดเหงื่อที่แก้มอย่างมีความสุข และมีรอยดำของถ่านติดไปด้วย แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาพร้อมกัน

“มินโฮ…ช่วยอธิบายทีได้ไหมว่าภาพพวกนี้สื่ออะไร”

มู่เหลียงพูดด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

“ได้เลยไม่มีปัญหา”

มินโฮพูดด้วยความมั่นใจ

และชี้ไปยังตัวละครในภาพวาด พร้อมอธิบายอย่างจริงจัง

“ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านเดิมแล้ว และได้ออกเดินทางไปกับมู่เหลียงเพื่อตามหาพี่สาวแทน ถ้าพี่สาวกลับมาเจอ ให้ไปหาฉันได้ที่กลุ่มทะเลสาบพระจันทร์”

“ดูเหมือนจะสื่อสารครบถ้วนดีนะ”

หลังจากที่ฟังมินโฮอธิบาย และมองไปยังภาพวาดอีกครั้งเขาแทบจะหาจุดเชื่อมโยงไม่ได้เลย

แต่ช่างมันเถอะ มู่เหลียงคิดว่ายังไงพี่สาวของเธอคงไม่กลับมาอีกแล้ว

เหตุผลที่มู่เหลียงต้องการทำแบบนี้ก็เพื่อให้เธอได้ระลึกถึงพี่สาวของเธอ

อันที่จริงมันโหดร้ายมากสี่ปีที่พี่สาวของมินโฮจากไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย

“ใช่ ฉันมั่นใจเลยว่าพี่สาวจะเข้าใจสิ่งนี้!”

มินโฮชูภาพวาดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

“ที่นี้เราจะเอาภาพวาดนี้ไปเก็บไว้ในกล่องไม้ และฝังมันไว้ในกระท่อมหลังเก่าของเธอกัน”

มู่เหลียงระหว่างที่พูดมุมปากของเขาก็กระตุกเล็กน้อย

และบ่นภายในใจ

ถ้าพี่สาวของเธอกลับมาจริงๆ ต่อให้เธอเป็นพระเจ้าก็คงไม่มีทางเข้าใจหรอก

มู่เหลียงมีความคิดที่จะเก็บภาพวาดนี้เอาไว้ ซึ่งมันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของมินโฮ

“ได้เลย!”

มินโฮรีบวิ่งไปหากล่องไม้มาด้วยสีหน้ามีความสุข

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด