ตอนที่แล้วบทที่ 989 (110) ลูกสะใภ้มาเยี่ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 991 (112) เตรียมเงินห้าพันล้าน

บทที่ 990 (111) รู้ได้ไง? (ตอนฟรี)


บทที่ 990 (111) รู้ได้ไง?

“ลุงจี้ ป้าเซียว สวัสดีค่ะ...”

ในห้องนั่งเล่น เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เจิ้นหัวและเซียวซูเหม่ยอย่างประหม่า เธอรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอร้อนกว่าปกติเล็กน้อย

แม้ว่าเธอจะเคยพบกับเซียวซูเหม่ยมาก่อนแล้วในตอนที่อยู่เจียงโจว และคุณผู้หญิงแห่งตระกูลจี้คนนี้ก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเธอเห็นจี้เจิ้นหัว เซียวหยูซวนก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที

“โอ้!”

เซียวซูเหม่ยยิ้มด้วยความดีใจและรีบไปจับมือเซียวหยูซวน “มานี่มายัยหนู มานั่งกับป้า!”

แม้ว่าจี้เจิ้นหัวจะรู้สึกไม่พอใจกับการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะไม่ควรของลูกชาย แต่พอเห็นเซียวหยูซวนหญิงสาวหน้าตาสะสวยมีอาการประหม่าขนาดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจและยิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่งลงเถอะ”

จี้เฟิงยิ้มและกำลังจะเดินไปนั่งลงข้างๆเซียวหยูซวน แต่แม่ของเขากลับจ้องเขาเขม็ง

“ใครบอกให้เจ้านั่ง ไปยืนห่างๆเลย!” เซียวซูเหม่ยตำหนิ จากนั้นเธอก็หันหน้าไปหาเซียวหยูซวนและพูดว่า “ยัยหนู เราไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ยืนตรงนี้เป็นการลงโทษ!”

เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงอย่างลังเล แต่แล้วก็เดินตามเซียวซูเหม่ยไป

จี้เฟิงหัวเราะเสียงดังและรีบเดินเข้าไปหาพ่อของเขา “พ่อครับ จริงๆแล้วผมกับซูหยวน...”

“ฮึ่ม!” จี้เจิ้นหัวอดไม่ได้ที่จะตะคอก “อะไร? เจ้าต้องการที่จะอธิบายอะไรให้พ่อฟัง?!”

จี้เฟิงไม่ได้รู้สึกสลดเลยแม้แต่น้อย เขายังคงหัวเราะเพียงแต่ไม่ได้พูดอะไร

“เจ้าเด็กนี่...” จี้เจิ้นหัวอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดตอนนี้ พ่อขอแค่อย่างเดียว จัดการเรื่องของตัวเองให้ดี อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง อย่าริอ่านเรียนรู้วิชามารจากพวกเด็กเสเพลเหล่านั้น ไม่อย่างนั้นจะมาว่าพ่อไม่ได้ถ้าพ่อจะลงโทษเจ้าอย่างหนัก!”

จี้เฟิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “พ่อครับ พ่อไม่รู้จักนิสัยผมเหรอ ถ้าผมอยากจะทำตัวเลวผมทำไปนานแล้วล่ะครับ”

“ก็เพราะพ่อรู้จักนิสัยเราดียังไงล่ะ ถึงได้อยากจะเตือนก่อนที่เราจะไปทำอะไรผิดพลาดที่มันแก้ไขไม่ได้ ปัญหาที่ตามมามันอาจจะบานปลายใหญ่โตจนคิดไม่ถึง!” จี้เจิ้นหัวจ้องมองลูกชาย “ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าแม่ของเราจะจัดการยังไง”

จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและพยักหน้า ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่พอใจกับพฤติกรรมในเรื่องนี้ของเขามากจริงๆ

ในความเป็นจริง จี้เฟิงไม่รู้ว่าสิ่งที่จี้เจิ้นหัวกังวลนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง เพราะเมื่อในอดีต เนื่องจากเรื่องของผู้หญิงอีกคนถึงได้ทำให้เซียวซูเหม่ยจากหยานจิงไปด้วยความโกรธ เธอจากไปนานกว่าสิบปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เธอหายไปนั้นมันทำให้จี้เจิ้นหัวเศร้าใจและหดหู่ใจมาก แต่เขาก็จำต้องเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ข้างใน

จี้เจิ้นหัวไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาต้องเผชิญกับความทุกข์อย่างที่เขาเคยเจอ ดังนั้นเขาจึงตำหนิจี้เฟิงอย่างรุนแรงเพื่อเตือนสติลูกชาย

สำหรับเซียวหยูซวน จี้เจิ้นหัวไม่ได้มีความไม่พอใจใดๆ แต่เขาแค่ปวดหัวที่เด็กผู้หญิงดีๆคนหนึ่งเต็มใจที่จะติดตามลูกชายไร้หัวคิดคนนี้ เธอไม่ต้องการชื่อเสียงเงินทองและไม่ต้องการแย่งชิงที่หนึ่ง... ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าเด็กเลวคนนี้ถึงได้โชคดีแบบนี้!

ก่อนที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนจะมาถึง เซียวซูเหม่ยได้บอกจี้เจิ้นหัวเกี่ยวกับเซียวหยูซวนแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเซียวหยูซวนไม่ได้ติดตามจี้เฟิงเพื่อชื่อเสียงเงินทอง แต่เป็นเพราะความรักจริงๆ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ จี้เจิ้นหัวก็ยิ่งรู้สึกพูดไม่ออก หากเซียวหยูซวนต้องการติดตามจี้เฟิงเพื่อหวังผลประโยชน์อื่นๆ เขาคงจะพูดได้ง่ายกว่านี้ ตราบใดที่เขาหามาให้ได้ เขาก็ยินดีจะมอบให้เธอเพื่อแลกกับการที่ทั้งสองคนไม่ต้องเจอกันอีก

แต่ปัญหาคือเซียวหยูซวนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น จี้เจิ้นหัวจึงไม่สามารถพูดอะไรได้

ดังนั้นเขาจึงฝากเรื่องนี้ไว้กับภรรยาขอเขา ปล่อยให้เธอจัดการตามความเหมาะสม มันง่ายกว่าที่ผู้หญิงเหมือนกันจะพูดคุยกัน

บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเซียวหยูซวนกำลังมา ครอบครัวของจี้เฟิงจึงเชิญแม่ครัวมาทำอาหารเป็นพิเศษ และเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เซียวซูเหม่ยและเซียวหยูซวนก็ออกมาจากห้อง

ขอบตาของเซียวหยูซวนดูเหมือนจะเป็นสีแดงเล็กน้อย จี้เฟิงเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหวิวๆ แม่ของเขาพูดอะไรกับเซียวหยูซวน?

แต่เมื่อมองดูดีๆ เซียวหยูซวนไม่ได้มีสีหน้าอมทุกข์ใดๆ ตรงกันข้าม ในดวงตาคู่สวยของเธอมีร่องรอยแห่งความสุขให้เห็นอยู่เล็กๆ จี้เฟิงเข้าใจในทันที ดูเหมือนว่าที่เซียวหยูซวนร้องไห้เป็นเพราะความสุขหรือความดีใจมากกว่า!

ระหว่างมื้ออาหาร ท่าทีของเซียวซูเหม่ยได้ยืนยันการคาดเดาของจี้เฟิง เธอคีบอาหารให้เซียวหยูซวนเป็นครั้งคราว ดูจากการแสดงออกของเธอเหมือนแม่สามีที่กำลังดูแลลูกสะใภ้ จี้เจิ้นหัวเป็นใคร มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าภรรยาของเขาหมายถึงอะไร?

ดังนั้นเขาจึงถามเซียวหยูซวนอย่างสุภาพเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของเธอ งานในปัจจุบันและเรื่องทั่วไปอื่นๆ

บรรยากาศเป็นไปด้วยดี มันทำให้จี้เฟิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าการพาเซียวหยูซวนมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะผ่านด่านไปได้ด้วยดี

ในความเป็นจริง แม้ว่าการพาเซียวหยูซวนมาบ้านของเขาที่หยานจิงในครั้งนี้จะทำให้เธอเป็นกังวลมาก แต่เธอไม่รู้ว่าจี้เฟิงนั้นก็กังวลไม่น้อยไปกว่าเธอเลย เพราะถ้าพ่อของเขาไม่เห็นด้วยขึ้นมาจริงๆจะลำบาก

แม้ว่าในตอนนี้พ่อของเขาจะไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวหยูซวน แต่จี้เฟิงก็ไม่คิดที่จะหยิบยกมาพูด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพ่อของเขาเห็นด้วยแล้ว

ในมุมของจี้เจิ้นหัว เขาไม่สามารถแสดงออกได้มากนัก จากมิตรภาพของเขากับถงไค่เต๋อ รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายของเขากำลังมีความสัมพันธ์กับถงเล่ยลูกสาวของเพื่อน แต่ลูกชายของเขากลับพาผู้หญิงคนอื่นกลับมาบ้าน ถ้าเขายังแสดงความรักความเอ็นดูมากเกินไป เขาคงทำหน้าไม่ถูกนักเวลาเจอหน้าถงไค่เต๋อ...

แม้จะยอมรับ แต่ไม่แสดงออกไม่รู้ไม่ชี้น่าจะง่ายกว่า...

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้าลูกชายตัวดีของเขา แต่ใครใช้ให้เขามีลูกชายแบบนี้กันล่ะ? มันทำให้เขาปวดหัวจริงๆ

มันทำให้เขาตระหนักได้ดีขึ้นว่า ไม่ว่าคนเราจะอยู่ตำแหน่งสูงหรือทำงานใดๆ การเป็นพ่อเป็นแม่ต่างก็ต้องปวดหัวกับลูกๆเหมือนกัน

และทัศนคติเช่นนี้ของจี้เจิ้นหัวก็เป็นสิ่งที่จี้เฟิงต้องการ ตราบใดที่ผู้อาวุโสของบ้านอย่างพ่อของเขาไม่คัดค้าน มันก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่มากแล้วสำหรับเขา ส่วนเรื่องในอนาคต เขาจะทำให้เซียวหยูซวนรู้สึกผิดหวังหรือไม่ จี้เฟิงยังไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง นอกเสียจากว่าหัวใจของเซียวหยูซวนไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น ทำไมเขาถึงต้องทิ้งผู้หญิงที่รักเขาด้วย?

ก่อนที่อาหารค่ำจะเสร็จสิ้น จี้เจิ้นหัวได้รับโทรศัพท์และต้องออกไปกลางคัน

ขณะที่กำลังบ่น เซียวซูเหม่ยก็สวมเสื้อโค้ทให้เขา “มีแต่คนพูดว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นเรื่องดี แต่ใครจะรู้บ้างว่าการเป็นเจ้าที่ระดับสูงนั้นไม่สามารถแม้แต่จะกินข้าวให้เสร็จสิ้นภายในมื้อได้? เฮ้อ... ว่าแล้วก็ต้องขอบคุณยิมนาสติกที่เสี่ยวเฟิงให้เราฝึก ไม่อย่างนั้น ต่อให้ร่างกายของคุณแข็งแรงแค่ไหน สุดท้ายจะต้องล้มป่วยแน่ๆ...”

เมื่อได้ยินแม่ของเขาพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที “เอ้อ! แม่ครับ ยิมนาสติกที่ผมสอนไป เป็นยังไงบ้าง? ไม่เลวเลยใช่ไหม?”

“มันดีมากเลยล่ะ!” เซียวซูเหม่ยพยักหน้า “พ่อของเจ้าและแม่ตกลงกันว่าจะฝึกซ้อมทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมง บางครั้งพ่อของเจ้ารู้สึกเหนื่อยมากก็ยังคงยืนยันที่ฝึก แต่มันกลับช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียว!”

“ดีแล้วครับ ในเมื่อมันได้ผล ก็ฝึกต่อไป อย่าหยุด!” จี้เฟิงเน้นย้ำ

แน่นอนว่าเขารู้ดีว่ายิมนาสติกเพื่อสุขภาพนี้ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้า หากยืนหยัดและฝึกมันต่อไป มันจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขาที่เข้าสู่วัยชรา ควรฝึกอย่างแข็งขัน

จี้เจิ้นหัวรับฟังคำแนะนำของลูกชายอย่างจริงจัง เขามีประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ของยิมนาสติกเพื่อสุขภาพชุดนี้ เพียงแค่ว่าเขาไม่สามารถฝึกฝนเป็นเวลานานได้ทุกวัน เนื่องจากชั่วโมงการทำงานที่ยุ่งมากของเขา แต่ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาที่สั้น เขาก็ยืนกรานที่จะฝึกมันให้ได้ทุกวัน...

หลังจากที่จี้เจิ้นหัวออกไป เซียวหยูซวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เห็นได้ชัดว่าเธอประหม่ามากเพื่ออยู่ต่อหน้าจี้เจิ้นหัว

“เอาล่ะ ท่านผู้เฒ่าไปแล้ว รีบกินข้าวเถอะ!” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ

ดวงตาของเซียวซูเหม่ยเบิกกว้างทันที “เจ้าลูกตัวดี ทำไมถึงเรียกพ่อแบบนั้น? นิสัยไม่ดีเลย! เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าพ่อของเจ้าได้ยินแม่จะคอยดูว่าเขาจะจัดการลูกชายตัวดียังไง!”

จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “ผมผิดไปแล้วครับแม่ จะไม่ทำแล้ว แต่อันที่จริง ตอนนี้พ่อกำลังรุ่งเรืองสุดๆ การเรียกเขาว่าท่านผู้เฒ่าก็นับว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อเขาอย่างหนึ่งนะครับ!”

“แก้ตัวไปเรื่อย!” เซียวซูเหม่ยบ่นด้วยความหงุดหงิด

เซียวหยูซวนเม้มริมฝีปากของเธอและหัวเราะเบาๆ บรรยากาศในตอนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น

หลังอาหารค่ำ จี้เฟิงเรียกเซียวหยูซวนไปคุยที่มุมหนึ่งของห้องแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้เธอไม่ประหม่าแล้วเหรอ? ถึงแม้พ่อของฉันจะดูดุๆน่าเกรงขาม แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นคนเข้มงวดขนาดนั้นเลยใช่ไหมล่ะ?”

“ยังจะพูดอีก!” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดุๆ “ตอนที่คุณลุงนั่งอยู่ ฉันไม่กล้าพูดไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ! โชคดีที่เขาดูเหมือนจะไม่ได้คัดค้านอะไร...”

จี้เฟิงหัวเราะทันที “เธอก็เห็นเหมือนกันเหรอ?”

“ทำไมจะไม่ล่ะ!” เซียวหยูซวนมองเขาอย่างโกรธๆ “ฉันไม่ได้โง่นะ ฉันก็พอจะดูออกอยู่บ้าง!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “เอาจริงๆนะ... วันนี้พ่อของฉันคงไม่กลับมาแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ไหม คืนนี้เธอชวนแม่ของฉันฝึกยิมนาสติกเพื่อสุขภาพ อีกอย่างเธอกับแม่จะได้พูดคุยสื่อสารกันมากขึ้นด้วย เธอคิดว่าไง?”

“อ่า... อืม! ก็ได้!” เซียวหยูซวนลังเลเล็กน้อย แม้จะเป็นเซียวซูเหม่ย เธอก็ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เธอนั้นรู้สึกชื่นชมเซียวซูเหม่ยมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ภายใต้สภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เธอสามารถเลี้ยงดูจี้เฟิงให้เติบโตมาได้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนที่ฉลาด แข็งแกร่ง พึ่งพาตัวเองและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเซียวซูเหม่ยเป็นคุณแม่ที่ยอดเยี่ยมและเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมมาก!

“Rrrr~!”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นสายจากจางเล่ย

จี้เฟิงทำท่าชี้ไปที่โทรศัพท์จากนั้นก็เดินหลบไปอีกมุมหนึ่งก่อนจะกดรับสาย “เล่ยซือ โทรมาเวลานี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“ออกไปดื่มกันเถอะ! นายไม่เบื่อหรือไงที่ต้องอยู่บ้านตลอดเวลา!” จางเล่ยหัวเราะ

จี้เฟิงเห็นว่าตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่ เขาน่าจะออกไปนั่งเล่นได้สักพัก ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดว่า “โอเค เราจะไปไหนกันดี?”

“ไม่ต้องรู้หรอก ต่อให้ฉันบอกนายก็คงไม่รู้จักอยู่ดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปรับนายก่อนก็แล้วกัน!” จางเล่ยกล่าว

“ตามใจนายก็แล้วกัน!” จี้เฟิงพยักหน้า

หลังจากวางสาย เซียวซูเหม่ยก็ขมวดคิ้วและถามว่า “จะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอ? กลับมาบ้านทั้งที ทำไมถึงไม่คิดจะอยู่บ้านบ้าง เอาแต่เที่ยวเล่นข้างนอก!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ออกไปนั่งเล่นเฉยๆน่ะแม่ ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“อย่าเมาให้มากนักล่ะ รู้ไหม?!” เซียวซูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะดุ “ถ้าเจ้ายังกล้าดื่มจนเมาอีกล่ะก็ แม้จะโตแล้วก็จะตีให้ร้องเลย!”

“Rrrrr~!” ก่อนที่จี้เฟิงจะทันได้ตอบ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขากดรับสายอย่างสบายๆ “ครับ จี้เฟิงพูด นั่นใครครับ?”

“ฉันชื่อเหอหงเหว่ย คุณชายจี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณลากอู๋จื้อเหอไปตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดงทางภาคเหนือมาเหรอ? เห็นว่าอับอายจนแทบมุดแผ่นดินหนีเลยนี่!” เสียงของเหอหงเหว่ยดังมาจากโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังกลั้นยิ้ม

“ห๊ะ? ฉันเพิ่งจะ...”

จี้เฟิงชะงักทันที “ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไง?”

....จบบทที่ 990 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด