ตอนที่แล้วบทที่ 201: ข้าทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 203: หาวิธีรับมือ

บทที่ 202: หวงเยว่โกหก


บัดนี้สีหน้าของหวงเยว่เปลี่ยนเป็นเหยเกเพราะความเจ็บปวดจากการที่นางถูกหลงเหยาจู่โจมแบบกะทันหัน ทำให้ตัวนางเสียหลักทำอาหารในมือกระเด็นหกใส่ศีรษะของตัวเอง จากนั้นร่างกายของนางก็อยู่ในสภาพเละเทะไปทั้งตัว

หลังจากที่หลงเหยาพูดจบ เขาก็รีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ด้านข้างหยินชางพร้อมกับจับมือของเขาไว้

“ไอ้เด็กเวร! เจ้าบังอาจมาหลอกข้า!”

หงส์สาวโมโหมากจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง นางคว้าเนื้อออกจากหัวแล้วขว้างลงพื้นตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ในขณะที่นางพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อระงับความโกรธของตัวเอง

ตอนนี้ผมของหญิงสาวถูกปกคลุมด้วยคราบน้ำมันเหนียว แต่นางก็ต้องเก็บอาหารทั้งหมดจากบนพื้นและนำมันกลับบ้านไปเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครบังเอิญเก็บมันไปกิน รวมถึงไม่ให้ใครรู้ว่าอาหารนั้นเป็นของใคร แล้วสาวมาถึงตัวนางเอง

หวงเยว่รู้สึกโกรธมากที่แผนของตนเองไม่สำเร็จ แถมยังโดนชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมามองด้วยสายตาแปลก ๆ อีก หลังจากกลับมาถึงบ้าน นางก็รีบฝังอาหารไว้ใต้ต้นไม้ข้างบ้านลวก ๆ

ตอนนี้การวางยาพิษหลงเหยาเพื่อขับไล่หยินชางออกจากเผ่าไม่ได้ผลแล้ว

แต่โชคดีที่ไอ้เด็กนั่นเป็นใบ้ ถ้าถึงฤดูหนาวเมื่อไหร่ล่ะก็… ภารกิจของนางก็จะเสร็จสิ้น

...

ในเวลาเดียวกัน หลงโม่กับหูเจียวเจียวมาช่วยสร้างบ้านหินเป็นเวลาครึ่งวัน จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือไปทำงานของตัวเอง

เมื่อถึงตอนเที่ยง จิ้งจอกสาวก็มุ่งหน้ากลับบ้านโดยที่เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะหาปุ๋ยให้คนในเผ่าเอาไปโปรยบนทุ่งหญ้าเพิ่ม

สิ่งที่เธอให้คนนำไปโปรยที่ทุ่งหญ้าครั้งล่าสุดคือปุ๋ย แม้ว่าบริเวณทุ่งเลี้ยงกระต่ายจะมีเพียงหญ้า แต่ปุ๋ยก็จะช่วยให้พวกมันเติบโตได้เร็วขึ้น อีกทั้งลำต้นจะขยายใหญ่ขึ้นด้วย

แต่หญิงสาวไม่รู้ว่าขนาดพื้นที่ของทุ่งหญ้าใหญ่แค่ไหน เพราะวันนั้นเธอให้คนอื่นโปรยปุ๋ยให้ วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะเอาปุ๋ยไปที่ทุ่งหญ้าและดำเนินการเรื่องการสร้างสะพาน

เดิมทีเธอสามารถหาสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้วนำปุ๋ยออกจากมิติได้แล้ว แต่พอคิดว่าหยินชางอาจไม่ชินกับการอาศัยอยู่ในบ้าน เธอจึงเลือกที่จะแวะไปหาเขาก่อน

เมื่อหูเจียวเจียวเดินทางกลับถึงบ้าน มีเพียงหยินชางกับหลงเหยาที่อยู่บ้านเท่านั้น ในขณะที่เด็กคนอื่นออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว

ยามนี้เจ้าตัวเล็กกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนม้านั่งหินตัวเล็กในลานบ้าน โดยที่ท้องของเขาเบียดกับม้านั่ง ส่วนมือและเท้าห้อยต่องแต่งแบบคนหมดแรง แถมใบหน้ายังดูบึ้งตึงอีกด้วย

บอกตามตรงว่าภาพนั้นไม่ต่างจากพยูนเกยตื้นเลย…

อาจเป็นเพราะคนตัวเล็กอารมณ์ไม่ดี เขามังกรกับหางจึงโผล่ออกมาจนหมด และหางก็ห้อยลงมาด้านหลังก้นของเขา

ทางด้านหยินชางกำลังยืนอยู่ไม่ไกลเพื่อคอยป้องกันไม่ให้เจ้าเด็กจอมซนหนีไปป่วนที่ไหนอีก

ประกอบกับเขากังวลว่าหวงเยว่จะเข้ามายุ่งกับหลงเหยาอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงคอยจับตาดูเด็กน้อยคนนี้ไว้ เขามั่นใจว่าผู้หญิงสารเลวนั่นจะต้องหาทางเข้าใกล้หลงเหยาโดยมีเจตนาร้ายแน่นอน

“ทำไมพวกเจ้าอยู่บ้านกันแค่ 2 คนล่ะ แล้วพวกอวี้เอ๋อไปไหนกัน?”

หูเจียวเจียวที่กลับมาแล้วเห็นแค่เด็ก 2 คนนี้รู้สึกสงสัยมาก ปกติเด็กตระกูลหลง 5 คนตัวติดกันอย่างกับตังเม พวกเขาแทบไม่เคยแยกจากกันมาก่อน

แล้วทำไมหลงเหยาต้องทำหน้าบึ้งตึงด้วย?

เมื่อเด็กน้อยเห็นแม่จิ้งจอก เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ก่อนจะทำคอตกพลางตอบว่า

“พวกพี่ ๆ ไม่ชอบเสี่ยวเหยาเลยไม่พาเสี่ยวเหยาออกไปเล่นด้วย”

หูเจียวเจียวได้ยินคำตอบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอเข้าไปหยิกแก้มอ้วน ๆ ของลูกชายพร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าออกไปเล่นคนเดียวก็ได้นี่ ทำไมเจ้าไม่ไปเล่นกับลูก ๆ ของป้าโหวเซียงล่ะ?”

คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้หลงเหยายิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น

“ท่านพี่ไม่ให้เสี่ยวเหยาออกไปเล่น” เขาทำหน้ามุ่ยและยู่ปากบ่นพึมพำ

“ท่านพี่?”

จิ้งจอกสาวสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลงเหยา บวกกับคำเรียกหยินชางที่ไม่เหมือนเดิม เธอจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ทำไมจู่ ๆ เจ้าตัวแสบถึงสนิทสนมกับเด็กหนุ่มมากขึ้น เมื่อวานเขายังเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายอยู่เลย แต่วันนี้เขากลับเรียกหยินชางว่าท่านพี่เสียแล้ว

แม่จิ้งจอกมองไปที่เด็กตัวโตอย่างสงสัย ก่อนจะพบว่าสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก

“หยินชาง มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหรือเปล่า?” หูเจียวเจียวถามด้วยความเป็นห่วง

หญิงสาวจำได้ว่าก่อนออกไปข้างนอกเขายังดูปกติดีอยู่เลย แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมามีใบหน้าที่เศร้าหมองเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก

หยินชางส่ายหัวเบา ๆ

สิ่งที่เด็กชายคิดอยู่ในใจคือจะบอกหูเจียวเจียวเกี่ยวกับปัญหาของหวงเยว่อย่างไรดี

เขากังวลว่าเผ่านี้จะถูกฝูงภูตหมาป่าโจมตีเช่นเดียวกับเผ่าที่ตนเคยอาศัยอยู่

แต่เด็กหนุ่มพูดไม่ได้ ที่ผ่านมาเขาเคยสื่อสารกับพี่ชายของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยพยายามสื่อสารกับภูตคนอื่นมาก่อน...

ทางด้านจิ้งจอกสาวขมวดคิ้วมุ่น ไม่ว่าเธอจะมองหยินชางอย่างไร เขาก็ดูเหมือนจะมีอะไรในใจ

ท่าทางของอีกฝ่ายบ่งบอกว่ากำลังคิดหนัก

เด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?

“เหยาเอ๋อ เจ้าอยู่บ้านตลอดเลยหรือ?” แม่จิ้งจอกถามเสียงเบา

ดวงตาของหลงเหยาสั่นไหวอยู่เสี้ยววินาที แล้วเขาก็พยายามซ่อนความจริงที่ว่าตนเองพาพี่ชายคนใหม่ออกไปขโมยผลไม้ไว้

จากนั้นเจ้าเด็กน้อยก็ตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“ท่านพี่กับเสี่ยวเหยากำลังจะออกไปเล่น แต่เราได้พบกับหวงเยว่ระหว่างทาง นางจะเอาอาหารมาให้เสี่ยวเหยากิน”

หวงเยว่? นางจะใจดีเอาอาหารมาให้เหยาเอ๋อทำไมกัน?

คิ้วเรียวสวยของหูเจียวเจียวขมวดแน่นทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีหงส์สาวมาเกี่ยวข้อง เธอก็รู้สึกว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน

หลังจากที่หลงเหยาพูดจบ เขาก็กระโดดลงจากม้านั่งหินแล้ววิ่งไปกอดขาของแม่ผู้เป็นที่รัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกะพริบตาปริบ ๆ

“แต่เสี่ยวเหยาไม่กินอาหารที่นางเอามาให้ เสี่ยวเหยาเชื่อฟังท่านแม่~”

จากนั้นเจ้าลูกมังกรน้อยก็ยกมือกุมแก้มพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนขอคำชม

นั่นทำให้หูเจียวเจียวหลุดออกจากความคิดของตัวเองและเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายอย่างนุ่มนวล

“เหยาเอ๋อเก่งมาก สมแล้วที่เป็นลูกของแม่”

ทันทีที่เธอพูดจบ คนตัวเล็กก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าเธอ

“ท่านแม่ มีรางวัลไหม~?”

คนเป็นแม่ถึงกับมีสีหน้าตกตะลึง

เมื่อแม่จิ้งจอกคิดว่าหลงเหยาเคยกินของว่างในระหว่างวัน อีกทั้งเขาไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ดังนั้นเธอจึงนำแตงกวาที่กินแล้วสดชื่นออกมาจากมิติให้เขา

โชคดีที่ลูกชายคนสุดท้องไม่ค่อยเลือกกินอาหาร เขามีความสุขทุกครั้งยามที่ได้ของกินเป็นรางวัล

เจ้าเด็กน้อยคว้าแตงกวาไปอย่างตื่นเต้น แล้ววิ่งกลับมานั่งบนม้านั่งหินเพื่อกัดแตงกวากินเสียงดังกร้วม

ต่อมา หูเจียวเจียวหันไปมองหยินชางพร้อมกับยื่นแตงกวาให้เขา “ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลเหยาเอ๋อ”

หญิงสาวเดาว่าลูกอีก 4 คนของเธอได้ผลักภาระให้หยินชางช่วยดูแลหลงเหยาในขณะที่พวกเขาออกไปทำงาน

เด็กหนุ่มอยากจะโบกมือปฏิเสธอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นหลงเหยากินแตงกวาอย่างเอร็ดอร่อย เขาจึงยอมรับมันมาง่าย ๆ

“เหยาเอ๋อ นอกจากหวงเยว่ให้เนื้อเจ้าแล้ว นางได้พูดอะไรกับเจ้าอีกไหม?” แม่จิ้งจอกหันกลับไปถามเจ้าตัวเล็ก

“ไม่ นางแค่ล่อลวงเสี่ยวเหยาให้กินเนื้อที่นางเอามาให้ เสี่ยวเหยาไม่ยอมถูกหลอกหรอก”

ขณะนี้หลงเหยากินแตงกวาจนแก้มปูด เสียงของเขาเลยยิ่งอู้อี้ขึ้น ในขณะที่เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ

นับตั้งแต่เด็กน้อยสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ความคิดความอ่านของเขาก็เติบโตขึ้นเช่นกัน เขารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาอย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือบทเรียนอันแสนเจ็บปวดยามที่ตนเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่า ณ ทุ่งหญ้าแห้งแล้ง

“เหยาเอ๋อเก่งมาก” หูเจียวเจียวเอ่ยปากชมเชยคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองหยินชางอีกครั้ง

เมื่อเธอนึกถึงปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มในตอนที่หวงเยว่ปรากฏตัวขึ้นครั้งก่อน เธอเดาว่าสีหน้าหนักใจของเขาในวันนี้น่าจะเป็นเพราะนาง

เธอจำได้ว่าตอนนั้นมันมีทั้งความโกรธและความเกลียดชังฉายอยู่ในดวงตาสีดำสนิทของหยินชาง บวกกับที่เขาจงใจพุ่งชนหงส์สาวจนล้มลง

มันจะต้องมีสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้เกลียดหวงเยว่ทั้งที่เพิ่งเคยพบหน้ากันแน่ ๆ

พวกเขารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?

“หยินชาง เจ้าเคยพบหวงเยว่มาก่อนหรือไม่?” พอหูเจียวเจียวคิดถึงจุดนี้ เธอก็ตัดสินใจถามอีกฝ่ายออกไปตรง ๆ

เมื่อหยินชางได้ยินคำถามนั้น ดวงตาอันมืดมิดของเขาก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ

นางรู้ได้ยังไง?

จากนั้นเขาก็เม้มปากและพยักหน้ารับหนักแน่น

“เจ้าพบนางที่ไหน?” หญิงสาวถามก่อนจะคิดได้ว่าเด็กหนุ่มคงไม่สามารถตอบได้ เธอจึงถามต่อว่า “ใช่เผ่าที่เจ้าเคยอาศัยอยู่มาก่อนหรือไม่?”

ยิ่งจิ้งจอกสาวถามคำถามต่อไป ความประหลาดใจในดวงตาของหยินชางก็ยิ่งฉายชัดขึ้น

เขาพยักหน้าตอบรับระรัว

ทันทีที่หูเจียวเจียวได้รับคำยืนยันจากเด็กหนุ่มตรงหน้า เธอก็ขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปได้ยังไง...”

หวงเยว่เป็นภูตเผ่าพันธุ์หงส์ไฟ ตามปกติภูตหงส์ไฟคิดว่าตัวเองสูงส่งเหนือใคร ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้จักกับพี่น้องตระกูลหยินมาตั้งแต่เกิด...

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ หวงเยว่ไปอยู่ในเผ่าที่หยินชางอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ไม่นาน

ตอนที่หงส์สาวมาเยือนเผ่าแห่งนี้พร้อมกับพวกหลงโม่ นางบอกหัวหน้าเผ่าว่าเผ่าของนางถูกโจมตี นางจึงหลบหนีเข้าป่า และนางก็จำอดีตของตัวเองไม่ได้

แต่หากพิจารณาจากสิ่งที่หยินชางบอก หวงเยว่ต้องโกหกแน่ ๆ

แล้วผู้หญิงที่ความจำเสื่อมจะโกหกไปเพื่ออะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด