ตอนที่แล้วบทที่ 22 การทำลายล้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 การช่วยผู้อื่นก็คือการช่วยเหลือตัวเอง

บทที่ 23 ไม่อยากตาย


"ตื่นแล้วหรือ?"

เสียงที่คุ้นเคยใบหน้าที่คุ้นเคย

ชั่วครู่หนึ่งหยางเซี่ยวเฉินคิดว่าเขาถูกได้หยูเชียนทอดทิ้งไว้ในดงซอมบี้แล้ว

“พ่อฉันอยู่ไหน” หยางเซี่ยวเฉินถามประโยคแรกเมื่อเขาตื่นขึ้น

“มันเป็นความสัมพันธ์ของพ่อลูกจริงๆ” หยูเชียนชี้ไปทางหนึ่ง "เขากำลังทำอาหาร"

ทำอาหาร? ในที่สุดหยางเซี่ยวเฉินก็ตื่นจากสภาพมึนงง มองไปรอบๆและพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ฐาน แต่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา

“คราวหน้าอย่าเอาพ่อฉันไปเสี่ยงอันตรายแม้แต่นิดเดียว” หยางเซี่ยวเฉินกล่าวอย่างจริงจัง ในฐานะคนที่ปลุกพลังแล้ว หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกว่าเขามีคุณสมบัติในการเจรจาเงื่อนไขต่างๆเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าหยูเชียนพยักหน้าตอบ "ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่อันตราย แต่ท้ายที่สุดในโลกนี้การจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนอื่น"

"ขอบคุณ" หยางเซี่ยวเฉินขอบคุณเขาอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อมองย้อนกลับไปเขาตระหนักว่า หยูเชียนได้เตรียมพร้อมในการปกป้องเขาจริงๆ

“ช่วยได้ก็ช่วยน่ะ บางทีอาจจะมีสักครั้งที่ต้องให้นายช่วยฉันได้สักวันหนึ่ง” หยูเชียนโบกมือและพูดว่า "ฉันมีเรื่องจะบอกนาย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสี่ร้อยปีก่อน ทำไมซอมบี้ถึงได้มารวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน"

หยูเชียนใช้เวลาเกือบ 20 นาทีในการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่หยางเซี่ยวเฉินหมดสติไปจนถึงหลังจากที่โดมตกลงมา

20ชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่กองทัพซอมบี้ทะลักออกมา ระหว่างทางไปฐานหยูเชียนและคนอื่น ๆ ได้พบกับคลื่นซอมบี้ที่มาจากทางโรงพยาบาลแห่งอื่น

พวกเขาจึงต้องล้มเลิกแผนการที่จะตรงกลับไปยังฐานโดยตรง จากนั้นบุกเข้าไปในวิลล่าครอบครัวเดี่ยวที่อยู่ใกล้เคียงและใช้กระสุนปืนขู่บังคับเพื่อเข้าไปพักในวิลล่าระหว่างรอการฟื้นตัวของหยางเซี่ยวเฉิน

"คลื่นซอมบี้นี้ใหญ่แค่ไหน" หยางเซี่ยวเฉินถาม เขากระตือรือร้นที่จะรู้ข้อมูลทั้งหมดที่เขาสามารถรู้ได้เพื่อที่จะใช้ในการตัดสินใจได้ดีที่สุด

"มันยากที่จะคำนวณ อาจจะหนึ่งหรือสองร้อย" หยูเชียนรายงานตัวเลขโดยประมาณ

“ซอมบี้หนึ่งหรือสองร้อยตัวทำให้นายล่าถอยได้?” หยางเซี่ยวเฉินคิดว่าหยูเชียนนั้นไร้เทียมทานในการต่อสู้ซะอีก มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

หยูเชียนทำหน้าบึ้งและพูดว่า "การใช้ความสามารถแบบไม่จำกัดย่อมนำไปสู่การล่มสลายหรือแม้แต่บาดเจ็บสาหัสอย่างที่นายเป็น"

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้วหยูเชียนก็กล่าวเสริม "แต่ถ้าฉันจะพยายามอย่างถึงที่สุด อาจจะสังหารซอมบี้ได้หนึ่งหรือสองร้อยตัวอย่างไม่มีปัญหา มันแค่ยังไม่จำเป็น"

หยางเซี่ยวเฉินพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ฉันอยากจะพูดอะไรซักอย่าง"

"พูดมาเถอะ"

"เราต้องเปลี่ยนทัศนคติของเรา ไม่เพียงต้องช่วยชีวิตผู้ที่ปลุกพลังแล้วเท่านั้น แต่ยังต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยคนธรรมดาทุกคนที่สามารถช่วยได้ แม้ว่าเราจะเสี่ยงก็ตาม"

หยางเซี่ยวเฉินพูดด้วยริมฝีปากแตกซีดของเขา มันยากที่จะเชื่อ เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ต้องการเป็นฮีโร่อีกแล้ว แต่ทำไมโชคชะตามักที่จะเล่นตลกแบบนี้ ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในฐานทัพเพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตไม่ได้หรือ? คำตอบนั้นช่างโหดร้าย: ไม่

ในเวลานี้มีคนเพียงไม่กี่คนในเมืองที่รู้เรื่องนี้ แต่ความจริงนั้นชัดเจนและน่าเศร้า หากทุกคนที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ตัดสินใจที่จะดูแลแค่ตัวเอง ทุกคนในหยวนเจียงจะไม่สามารถหลบหนีจากการบทลงโทษของความตายได้

"อะไรนะ?" หยูเชียนคิดว่าเขาได้ยินผิดไป หลังจากคลุกคลีกับหยางเซี่ยวเฉินมาไม่กี่วัน เขารู้ดีว่า หยางเซี่ยวเฉินเป็นเพียงคนธรรมดาที่ฉลาด อวดดีและเจ้าเล่ห์ ทำไมคนธรรมดาอย่างเขาถึงมีใจที่จะกอบกู้โลก

ผู้คนส่วนใหญ่ที่บอกว่ารักษ์โลกแต่ความจริงแล้วมันก็เริ่มต้นมาจากผลประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น

แม้แต่จุดประสงค์แรกของการช่วยเหลือผู้คนที่รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับการรุกรานจากต่างชาติก็เพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้นของพวกเขาเอง

ในเวลานี้เขากลับกล่าวว่าแม้ว่าเขาจะเสี่ยงเขาก็จะออกไปเพื่อช่วยคนธรรมดาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา? สมองของเขาถูกเผาขณะปลุกพลังหรือไม่?

“ถ้าเราไม่ช่วยมันจะเป็นการพาตัวเองเดินไปสู่ความตาย” หยางเซี่ยวเฉินเริ่มอธิบาย

"เมื่อระบบส่งกำลังเริ่มมั่นคงและระบบคำสั่งเริ่มมีเสถียรภาพ มันง่ายมากสำหรับเครื่องจักรขนาดใหญ่อย่างรัฐที่จะกำจัดซอมบี้เหล่านี้ให้หมดสิ้น เพราะท้ายที่สุดพวกมันล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำลายร่างกายได้หลังจากที่พวกมันถูกยิงด้วยปืนใหญ่"

"การปิดล้อมจะแคบลงและสามารถกำจัดพวกมันได้ในท้ายที่สุด เพราะยังไงซะตอนนี้มันก็เป็นเพียงระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อเท่านั้น จำนวนซอมบี้จึงยังมีไม่มากนัก"

"แต่ตอนนี้โดมได้ปิดกั้นการขนส่งทั้งหมดและกระสุนก็มีจำกัด ฉันไม่คิดว่ากองทหารที่เดิมเข้ามาในเมืองเพื่อปฏิบัติภารกิจปิดล้อมและรักษาสันติภาพจะสามารถบรรทุกกระสุนจำนวนมากได้ ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ใช่มาทำสงครามและไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะมีโดมปริศนานี้”

"หากปล่อยให้ซอมบี้ได้แพร่เชื้อต่อไป ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครหลีกหนีชะตากรรมที่ต้องตายในคุกที่ปิดตายนี้ไปได้"

"และตามที่นายพูดก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุดแล้วโดมนี้จะหายไปในที่สุดใช่ไหม ลองนึกภาพว่าถ้าชาวเมืองหยวนเจียงทั้งหมดกลายเป็นซอมบี้ พร้อมกับคลื่นซอมบี้จำนวนน่าสะพรึงหลังโดมเปิดดูสิ”

"บางทีนายอาจบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใช่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 400 ปีก่อนและพวกมันถูกกองทัพราชวงศ์หมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น

แต่! ในหนานจิงมีกี่คนในปีนั้นของจักรพรรดิว่านหลี่? ซอมบี้จะมีสักแค่ไหนกัน มันจะใช้อาวุธได้ฉลาดสักแค่ไหนด้วยขวานที่สับไม้แทบไม่เข้าหรือไม่ก็ดาบโลหะพังๆไม่กี่เล่มกัน?”

"แต่ตอนนี้ในหยวนเจียงมีประชากรกี่คน? ด้วยฐานประชากรนี้ จะมีซอมบี้ที่มีสติปัญญาสูงจำนวนเท่าใดที่จะปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้ติดเชื้อ ถ้าพวกมันสามารถคิดวิธีที่จะหลีกเลี่ยงกองทัพ หรือแม้กระทั่งแอบเข้าไปในกองทัพเพื่อตัดกำลังอาวุธหรือบางทีพวกมันอาจยังคิดใช้วิธีต่างๆ ในการผลักดันซอมบี้ธรรมดาเพื่อสร้างคลื่นของซอมบี้ที่มีจุดมุ่งหมายอย่างการปิดล้อมล่ะ?"

"ย้อนกลับไปที่คำถามนั้นเมื่อสี่ร้อยปีที่แล้ว ซอมบี้ที่ฉลาดมันไม่สามารถหาอาวุธที่เหมาะสมได้ แต่ตอนนี้พวกมันสามารถหาปืนใหญ่ รถถัง และอาวุธอื่นๆ ได้ แม้ว่ามันจะหาปืนไม่เจอมันก็ยังสามารถสวมหมวกกันกระสุนได้ ใช่ไหม นายจะสามารถหยุดกองทัพซอมบี้แบบนั้นได้ไหม”

“ไม่มีใครหยุดมันได้! ทุกคนจะต้องตาย!” ในตอนท้ายหยางเซี่ยวเฉิน อดไม่ได้ที่จะตะโกนและในที่สุดความกลัวในใจของเขาก็แสดงออกมาที่ใบหน้าของเขา

“จริงๆ ตอนที่ไปโรงพยาบาล ฉันตั้งใจจะติดต่อทหารเพื่อส่งข่าว แต่ไม่คิดว่าการกายพันธุ์จะระเบิดขึ้นเร็วขนาดนี้”

"เหมือนกับเรื่องโดมถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อน ฉันจะยอมเสี่ยงที่จะถูกจับและสอบสวน และจะบอกรัฐบาลทุกอย่างที่ฉันรู้ ตอนนี้หยวนเจียงถูกปิดกั้นในโดม กองทัพก็ไม่มีการส่งกำลังบำรุง ไม่มีดาวเทียม อำนาจการยิงทางอากาศก็จำกัด... "

"ตราบใดที่ครึ่งหนึ่งของเมือง ไม่สิ ถ้าคนหนึ่งในสามติดเชื้อและกลายเป็นซอมบี้ พวกเราก็เกมส์โอเวอร์ทันที”

"ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้" หยูเชียนก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน สถานการณ์ที่แตกต่างกันของทั้งสองโลกทำให้เขาทำผิดพลาดไปอย่างสิ้นเชิง ข้อมูลที่สำคัญที่สุดกลับถูกมองว่าเป็นข้อมูลปลีกย่อยที่ไม่เกี่ยวข้องและถูกมองข้ามไป

“เซี่ยวเฉินตื่นแล้วหรือ” เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหยางเซี่ยวเฉิน หยางหยานซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ รีบวางหม้อและกระทะแล้ววิ่งเหยาะๆ มาตลอดทางจากห้องครัวไปยังห้องนอน มองไปที่หยางเซี่ยวเฉินที่ทรุดตัวลงบนเตียงด้วยความประหลาดใจ "เป็นอย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่ไม่สบายบ้างไหม"

หยางเซี่ยวเฉินมองไปที่พ่อของเขาอย่างอ่อนแอและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: "พ่อ เราทุกคนอาจตายในหยวนเจียง"

หยางหยานตกตะลึงแต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถูมือเข้าด้วยกันและยิ้มและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันอาจจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่ แม่ของแกเป็นภรรยาที่น่ารักและมีเสน่ห์ ฉันกลัวจริงๆว่าจะมีคนหลายคนตามจีบเธอ"

"หยุดล้อเล่นเถอะพ่อ" ในเวลานี้หยางเซี่ยวเฉินไม่มีความตั้งใจที่เล่นมุกด้วยแล้ว

“ฉันไม่อยากให้แกเครียดเกินไป”

หยางหยานเกาหัวของเขานึกถึงอาหารในหม้อของเขาและพูดว่า "ฉันทำแกงเห็ดและเป็ดทอดเบียร์ของโปรดแกแล้ว ยังมีซุปเต้าหู้กะหล่ำปลีอีกด้วย รีบไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินซะ แม้ว่าจะต้องตายก็ต้องเป็นผีที่กินอิ่มไม่ใช่ผีอดอยาก "

หยางหยานหันหลังกลับและเดินกลับไปที่ห้องครัว กลัวที่จะให้หยางเซี่ยวเฉินเห็นความกลัวและน้ำตาในดวงตาของเขา

เมื่อมองดูหลังของหยางหยานจากไปหยางเซี่ยวเฉินก็หันไปมองหยูเชียน เหมือนจะพูดบางอย่างกับเขาและเหมือนกับพูดกับตัวเองด้วย "ฉันไม่อยากตาย"

  

หยูเชียนหัวเราะ ไม่ใช่เพราะความขี้ขลาดของหยางเซี่ยวเฉิน แต่เป็นการเติบโตของเขาผู้ชายคนนี้ที่อ่อนแอเหมือนหมูเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้ ได้กลายเป็นคู่หูที่ไว้ใจได้ซึ่งกล้าเผชิญหน้ากับจุดจบของโลกภายในช่วงเวลาสั้น ๆ

เฉพาะผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวตายเท่านั้นถึงจะมีชีวิตที่ยืนยาว

"เราจะไม่ตาย" หยูเชียนตบไหล่หยางเซี่ยวเฉินและพูดยืนยัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด