ตอนที่แล้วบทที่ 17 มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะกินแกนสมอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่19 ซอมบี้มาแล้ว

บทที่ 18 มือปืนลึกลับผู้ใจดี


ทุกๆเตียงในทุกๆแผนกของโรงพยาบาลหยวนเจียงหมายเลขหนึ่งเต็มไปด้วยผู้ป่วย

แม้แต่แพทย์และพยาบาลในแผนกศัลยกรรม จักษุวิทยาหรือแม้แต่สูติศาสตร์และนรีเวชศาสตร์ต่างก็สวมหน้ากากอนามัยเพื่อทำหน้าที่เป็นพนักงานบนรถพยาบาลชั่วคราว หลายคนป่วยเนื่องจากการติดเชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากการป้องกันที่ไม่ดีพอ

กำลังคนที่กำลังขาดแคลนอยู่แล้วยิ่งทำให้ไม่สามารถจัดการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อีกต่อไป ตึกโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่นอนอยู่ตามพื้น คราบเลือดสีดำแดงและเศษเสื้อผ้าตกหล่นไปทั่วบริเวณ...

สิ่งที่น่าวิตกยิ่งกว่าคือสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยที่ทนไม่ได้เพราะการตายของผู้ป่วยมารวมตัวกันส่งเสียงตะโกนร้องขอความเป็นธรรมให้กับญาติๆและเพื่อนฝูงดังลั่น ทำให้ทางเข้าโรงพยาบาลถูกปิดกั้น ผู้ป่วยที่กำลังทยอยกันเข้ามาต่างก็เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายต่างรีบร้อนและเสียสติ ทันทีที่พวกเขาพบกันพวกเขาก็เริ่มการต่อสู้ขนาดใหญ่ เริ่มตั้งแต่การชกต่อยจนพัฒนาไปสู่การต่อสู้ด้วยโต๊ะ เก้าอี้และมีดทำครัว เลือดที่ไหลไม่ได้ทำให้พวกเขาสงบลงสักนิด มีแต่จะทำให้พวกเขาบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น

โชคดีที่ความวุ่นวายเกิดขึ้นได้ไม่นาน กองกำลังตำรวจติดอาวุธที่ประจำการอยู่ด้านข้างก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธได้เข้าไประงับความวุ่นวายในที่เกิดเหตุ กำแพงโล่ถูกตั้งขึ้น มีการปาระเบิดแก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางเพื่อระงับการจลาจล

ผู้ที่ยุยงให้เกิดการจรจลถูกกระแทกลงกับพื้นทีละคน และคนบ้าที่กล้าโจมตีตำรวจจะถูกล้มลงกับพื้นด้วยปืน - แน่นอนว่าเป็นการใช้กระสุนยาง

แม้จะใช้กระสุนยางแต่การถูกกระสุนขนาดใหญ่นี้ยิงใส่ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ผู้ถูกยิงต่างเเอ่นหลังด้วยความเจ็บปวด มีดตกลงพื้นและถูกตีที่ศีรษะด้วยกระบองของตำรวจที่ประชิดเข้ามา พวกเขาสลบไปโดยไม่ทันได้ร้องอะไรสักแอะ

เสียงลำโพงขนาดใหญ่บนรถตำรวจดังขึ้น ในที่สุดเสียงของกฎก็ดังขึ้นในโรงพยาบาล

"ฉันชื่อเกิงจี้ปิงจากหน่วยตำรวจติดอาวุธ ทุกๆคนได้โปรดใจเย็นๆและอย่าตื่นตระหนกอย่าสร้างความวุ่นวาย จนทำให้พวกที่ต้องการก่อความวุ่นวานได้ฉวยโอกาส ปฏิบัติตัวภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ที่ป่วยโปรดรอรับการรักษาไปที่จุดนั้น

"ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บโปรดย้ายออกไปอีกแห่ง ขอย้ำอีกครั้งใครก็ตามที่ท้าทายกฎหมายและทำร้ายผู้คนด้วยเจตนาร้ายควรหยุดทันที มิฉะนั้นคุณจะถูกยิงด้วยกระสุนจริง!”

"ผมชื่อเกิงจี้ปิงจากหน่วยตำรวจติดอาวุธ..."

ประโยคเดิมดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง ฝูงชนที่ต่อสู้พากันหยุดมือ ทุกคนเหมือนกำลังตกอยู่ในความละอายใจ ในที่สุดผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ท่ามกลางความโกลาหลส่วนใหญ่ต่างก็สงบลง บางส่วนของพวกเขาก็เริ่มใช้ความคิดริเริ่มในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์

ในรถ 7 ที่นั่งนอกโรงพยาบาล หยางเซี่ยวเฉินและพรรคพวกของเขากำลังเฝ้าดูโรงพยาบาลด้วยกล้องส่องทางไกล

"เอามาให้ฉันดูด้วย!" หยางหยานพูดและเอื้อมมือไปคว้ากล้องส่องทางไกล

“พ่อ อย่าสร้างปัญหา” หยางเซี่ยวเฉินรีบคว้าเขาไว้ เดิมทีหยางเซี่ยวเฉินไม่ได้ตั้งใจจะให้หยางหยานมากับเขา หยางเซี่ยวเฉินพยายามคัดค้านอยู่หลายครั้งแต่หยูเชียนกลับถามซ้ำแล้วซ้ำอีก

แต่เมื่อคิดถึงการแสดงออกครั้งล่าสุด หยูเชียนที่ตอยท้ายสุดเกือบจะหักล้างสามเหตุผลด้วยเหตุผลเดียว เขาจึงไม่อาจห้ามปรามได้จนต้องพามากันทั้งหมดอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

"เป็นหัวกระทิที่ยอดเยี่ยมจริงๆ" หยูเชียนถอนหายใจ "ผู้กล้าหาญเช่นนี้ไปที่ใหนก็ชนะได้ทุกที่ ถ้าหากมีคนแบบเขาสักหนึ่งแสนคน ซากศพที่มีชีวิตจะสักแค่ไหนเชียว"

“เอ่อ นี่คือกองกำลังตำรวจ แม้ว่าพวกเขาจะผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดและหนักหน่วง แต่จริงๆแล้วพวกเขาเป็นกองกำลังแนวรบอันดับสองที่มีจำนวนมากที่สุด”

ความรู้สึกที่เหนือกว่าของหยางเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของมาตุภูมิมักจะทำให้ประชาชนทุกคนภาคภูมิใจ "ที่แข็งแกร่งที่สุดคือกองทัพหลักจากเขตทหาร นั้นถึงจะเรียกว่าดุร้ายและรุนแรงของจริง"

“ดูเหมือนว่าเราจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ด้วยกองทัพเช่นนี้กองทัพซากศพที่มีชีวิตจะสักแค่ไหน?” หยูเชียนรู้สึกโล่งใจ

หยางเซี่ยวเฉินผู้ซึ่งรู้เรื่องภายในไม่ได้ผ่อนคลาย เขาหันไปถามพ่อว่า "พ่อ ตำรวจติดอาวุธมีกี่นาย"

"ฉันจะรู้ได้อย่างไร" หยางหยานกรอกตาของเขา

"หน่วยตำรวจติดอาวุธเมืองหยวนเจียงมีกำลังพลมากกว่า 1,400 คน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าเมืองระดับจังหวัดอื่นๆ" หวางลี่ที่เบาะหลังพูดขึ้น

"1,400 คน... มีเพียงสองหรือสามร้อยคนกระจายอยู่นอกโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง และมีผู้ป่วยและผู้ป่วยที่เสียชีวิตหลายพันคนมารวมตัวกันอยู่ในโรงพยาบาล พวกเขาจะหยุดมันไว้ได้หรือไม่" ใบหน้าหยางเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความกังวล

เขารู้สึกประหม่าอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องยอมรับมัน เมืองที่เขาเคยอยู่มีความสงบสุขมานานหลายทศวรรษ และเขาเกือบอย่าลืมไปแล้วว่าว่าสงครามมันเป็นอย่างไร

"เราควรเตือนพวกเขา" หยางหยานกล่าว ด้วยกล้องส่องทางไกลจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของกองกำลังตำรวจติดอาวุธผ่อนคลายและไม่ได้มีมาตราการป้องกันเข้มงวดมากนัก ปืนในมือของพวกเขาไม่ได้บรรจุกระสุนจริงด้วยซ้ำ

เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพซากศพที่มีชีวิต พวกเขาจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียหนักอย่าง

**ก่อนหน้านี้ผู้แปลสับสนกองกำลังที่ออกมาควบคุมสถานกาณ์ว่ามีทั้งทหารและตำรวจ

ความจริงมีแค่กองกำลังตำรวจติดอาวุธมาเท่านั้น ขออภัยในความผิดพลาด

หยางเซี่ยวเฉินส่ายหัวปฏิเสธ: "ไม่ พวกเขาจะไม่เชื่อถ้าพวกเขาไม่เห็นซอมบี้ เราต้องหาสักทางหนึ่งเพื่อทำให้พวกเขาเชื่อเรา"

"อย่างเช่น?"

หยางเซี่ยวเฉินคิดอย่างหนักแม้เวลาจะเดินต่อไป เขาก็ยังคิดหาทางออกที่ดีไม่ได้จริงๆ เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นท่าทางลังเลที่จะพูดของหวางลี่และรีบถามว่า "คุณมีวิธีแก้ปัญหานี้หรือไม่" ยิ่งคนเยอะวิธีการแก้ปัญหาก็มากขึ้นตามไปด้วย

“ถ้าคุณแน่ใจว่าคุณพูดความจริงและไม่ได้ล้อเล่นก็ง่ายมาก ยิงพวกเขา”

คำตอบของหวางลี่สั้นกระชับและชัดเจนซึ่งทำให้ดวงตาของหยางเซี่ยวเฉินส่องประกาย เป็นความคิดที่ดี!

“ได้!! ปลอมตัวเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายและยิงพวกเขา พวกเขาจะระวังตัวขึ้นและเตรียมป้องกันตัวด้วยกระสุนจริงอย่างแน่นอน” หยางเซี่ยวเฉินตบมือ

"ยิงรถบังคับการของพวกเขารถคันนั้นเป็นกระจกกันกระสุน แต่อย่าเล็งไปที่ใครจนพลาดเชียว คุณจะยิงเองหรือเปล่า"

หวางลี่หน้าแดงและพูดอย่างเชื่องช้าว่า "อย่ามองฉัน ปืนที่พวกนายเห็นทั้งสองกระบอกในมือนี่ อันที่จริงมีโอกาสน้อยมากที่ฉันจะได้ใช้มัน โดยทั่วไปแล้วพวกมันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการป้องปรามคนที่จะมาสร้างปัญหาเท่านั้น"

"เขายิงไม่ได้" หยางเซี่ยวเฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมามองไปที่หยูเชียน "มันขึ้นอยู่กับนายแล้ว"

"ขึ้นอยู่กับฉัน?" หยูเชียนรู้สึกประหลาดใจมาก

“ใช่ มันขึ้นอยู่กับนาย นายควบคุมโลหะได้ไม่ใช่หรือ ฉันเคยเห็นนายหยุดกระสุน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายที่จะแก้ไขวิถีกระสุนและทำให้การยิ่งแม่นยำขึ้นได้ ใช่ไหม ?”

"แม้ว่าจะควบคุมได้แต่จะให้แม่นยำมันยากแต่ในทางทฤษฎีก็เป็นไปได้" หยูเชียนรู้สึกสะเทือนใจมาก

เขาไม่เคยคิดเลยว่าความสามารถของเขาจะยังคงถูกใช้ในลักษณะนี้ได้ ตราบใดที่เขาปรับตัวได้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะกลายเป็นนักแม่นปืนในไม่ช้าและประสิทธิภาพการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

"ยากไหม แต่ฉันไม่เห็นนายจะกดดันเลยตอนหยุดกระสุน"

หยูเชียนคำรามในคอเบาๆ โดยปกติแล้วเขาจะไม่อธิบายให้หยางเซี่ยวเฉินฟังมากเกินไปเกี่ยวกับแก่นในการใช้ความสามารถของเขา

"นั่น..." หยางหยานถูมือเข้าด้วยกันแล้วถามอย่างมีความหวัง "นายช่วยส่งปืนให้ฉันด้วยได้ไหม ถ้าเราต้องต่อสู้ขึ้นมา ฉันจะได้ใช้มันปกป้องลูกชายฉัน"

"อย่าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้" หยางเซี่ยวเฉินเป็นคนแรกที่คัดค้าน

"พ่อ! นี่ไม่ใช่เกมเอาชีวิตรอด ถ้าอีกสักพักกองทัพซากศพระเบิดกรูกันออกมา มันจะเป็นเกมในชีวิตจริง! พวกเราเป็นเพียงกลุ่มเสริมที่มีกำลังน้อยนิดซึ่งจะต้องคอยหลบซ่อนตัว การรับรู้ของกองทัพนั้นดีมากอย่าสร้างปัญหาที่จะเป็นข้อบกพร่องตอนหลัง”

“เดี๋ยวสิ ทุกคนต่างก็ต้องมีปืน ยิงไม่ถูกก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำความคุ้นเคยกันก็ยังดี” โดยไม่คาดคิดบอสหยูกลับเห็นด้วยกับเรื่องนี้

หยางเซี่ยวเฉินตกตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็เข้าใจว่าหยูเชียนกำลังคิดอะไรอยู่

ไม่มีใครชอบที่จะมีภาระ หยางเซี่ยวเฉินไม่เป็นไรเขามีจิตใจที่ยืดหยุ่นและสามารถช่วยเหลือหยูเชียนได้ แต่หยางหยานล่ะ?

ไม่ว่าคนธรรมดาจะธรรมดาแค่ไหน เขาก็คงไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ด้านหลังได้ตลอดเวลา หากปราศจากความสามารถในการต่อสู้ ไม่มีใครจะมาช่วยเหลือใครก็ตามที่ไม่มีความสามารถในการช่วยตัวเอง ทีมของหยูเชียนจะไม่ทนกับตาลุงที่ทำได้แค่กินและดื่มแต่ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้

“แต่เราไม่รู้วิธีใช้ปืน เราอาจได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ” หยางเซี่ยวเฉินแย้งขึ้นมา เขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อรับประสบการณ์ แต่เขาไม่เต็มใจที่จะให้พ่อของเขาที่อายุมากกว่าสี่สิบปีต้องไปเสี่ยง

“ถ้าบังเอิญเจ็บก็ไม่เห็นเป็นไร” การแสดงออกของหยูเชียนที่เย็นชาและไร้ความปรานีของเขาทำให้หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกอีกครั้งว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เดินทางผ่านจุดจบของโลกมาแล้ว

“ไม่ต้องพูดแล้ว ตัดสินใจแบบนี้แหละ” เมื่อเห็นว่าหยางเซี่ยวเฉินยังต้องพูดต่อหยูเชียนจึงไม่ให้โอกาสเขาได้พูด เขาโบกมือและตัดสินใจขั้นสุดท้าย

"เสี่ยวเฉินเกิดอะไรขึ้นกับหยูเชียนคนนี้? ทำไมหลังจากเกิดใหม่ เขาถึงดูมีมาดในฐานะตัวเอกกันล่ะ" หยางหยานถามข้างหูของหยางเซี่ยวเฉินอย่างเงียบ ๆ ว่า "เมื่อก่อนเขาเป็นน้องชายตัวเล็กของคุณไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงกลายมาเป็นพี่ชายคนโตซะล่ะ"

“แค่กๆ ..นี่มัน พวกคนมีพลังวิเศษ” หัวของหยางเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยขีดดำ

"ไม่เป็นไรฉันมีความสามารถและฉลาดมาก ฉันจะทำลายห่วงโซ่และปลุกพลังวิเศษขึ้นมาอย่างแน่นอน คุณต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อปลุกพลังให้เร็วที่สุด จากนั้นพ่อและลูกชายอย่างเราจะไปร่วมรบและกลายเป็นพี่ใหญ่ด้วยกัน"

"เป็นความคิดที่ดี! ฮีโร่มักจะคิดเหมือนกัน อย่างที่คาดไว้สำหรับลูกชายของฉัน" หยางหยานตบมือของเขา

"หุบปาก!" หยูเชียนที่กำลังพยายามเล็งปืนไปที่รถด้านนอก แต่เขาคงทำไม่ได้ถ้าสองพ่อลูกคู่นี้ยังใช้ปากของพวกเขาคอยก่อกวนไม่หยุดอยู่แบบนี้

“รีบเปลี่ยนที่ทันทีหลังการยิงครั้งนี้ อย่าต้องมาถูกฆ่าในฐานะผู้ก่อการร้าย” หวางลี่พึมพำเบา ๆ

แม้ว่าคนที่ฝากชีวิตไว้ในกำมือของคนอื่นอย่างเขาจะไม่ควรพูดอะไรมากนัก

แต่ในเวลานี้เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคำว่า "การโจมตีของผู้ก่อการร้าย" จริงๆ มิฉะนั้นเขาอาจจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ยากจะกล่ำกลืนในอนาคต

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด