ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 275 ควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 277 พบคนรู้จัก

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 276 ปะทะเว่ยจงหยวน (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 276 ปะทะเว่ยจงหยวน (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT   

ท้ายที่สุดฮัวเฉิงลู่ก็ยังเป็นเด็ก นางรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของมู่กุ้ย

“ดาบที่ดี ชื่อของมันคือ?” ฮัวเฉิงซานเคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงมามาก เขาเข้าใจถึงคุณค่าของพวกมัน โดยทั่วไปแล้วอาจมีเพียงจอมยุทธ์ขั้นแปดหรือขั้นเก้าเท่านั้นที่สามารถครอบครองหนึ่งในนั้น

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าได้รับสิ่งนี้มาเพราะโชคช่วย ข้าไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร ท่านคิดว่าชื่อ เสี่ยวซุ้ย ดังภาพลักษณ์ของมันเป็นอย่างไร?”

“ไม่มีชื่อที่เหมาะสมที่สุด ในความเป็นจริงชื่อเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น”

หลี่ฉิงซานกล่าวต่อ “อืม เช่นนั้นข้าจะตั้งชื่อมันว่าวารีพิสุทธิ์”

สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงเป็นสิ่งที่ดี แต่พวกมันไม่ได้ล้ำค่ามากนักสำหรับเขา เขามีเงินพอที่จะซื้อสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายสิ้นเปลืองเช่นนั้น เพียงดาบสั้นวารีพิสุทธิ์ก็น่าประทับใจมากแล้ว

ฮัวเฉิงซานถาม “เสี่ยวอันอยู่ที่ใด?”

หลี่ฉิงซานตอบ “นางยังหลับอยู่” เดิมทีเสี่ยวอันอยู่ข้างกายเขา แต่เมื่อนางสัมผัสได้ถึงการมาของคนกลุ่มนี้ นางก็หนีกลับเข้าไปในอาคาร

ฮัวเฉิงซานรู้ว่าหลี่ฉิงซานตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ส่งเสี่ยวอันให้กับนิกายเมฆาพิรุณ ดังนั้นฮัวเฉิงซานก็จะไม่พูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก “เจ้าตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเข้าสำนักใด?”

“ไม่ใช่ว่าท่านต้องการให้ข้าเข้าสำนักพิทักษ์กฎหมายงั้นหรือ?”

“แน่นอน ข้าต้องการ ข้ายินดีต้อนรับเจ้า แต่หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะไม่บังคับ”

“เรื่องของวันพรุ่งนี้ก็ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้!”

…..

พรุ่งนี้มาถึงในไม่ช้า ฝนโปรยปรายลงมาในช่วงต้นฤดูไม้ใบผลิซึ่งทำให้อากาศชื้นและเย็น ทุกสิ่งดูสดชื่นมาก บางทีอาจเป็นเพราะการบ่มเพาะปราณวารีของหลี่ฉิงซานทำให้เขาชอบสภาพอากาศเช่นนี้เป็นพิเศษ

สภาพอากาศของเมืองชิงเหอคล้ายกับเจียงหนานในชีวิตก่อนหน้าของเขา เมื่อมองลงมาจากก้อนเมฆ เขาเห็นสายน้ำไหลไปรวมตัวกันบนพื้น ชาวนาหลายคนกำลังปลูกต้นกล้าในนาข้าว มันดูมีเสน่ห์มาก

เมื่อเห็นเมฆก้อนเล็กๆลอยต่ำลงมาจากท้องฟ้า ชาวนาไม่แปลกใจเลย การคงอยู่ของผู้ฝึกตนบนโลกใบนี้ไม่ใช่ความลับ

ในฐานะผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับเมืองชิงเหอ พวกเขารู้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่าคนที่เมืองชิงหยางหรือเมืองเจียเผิง พวกเขาคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้แล้ว เปรียบเทียบกับมัน งานของพวกเขาสำคัญกว่า

มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่เงยหน้าขึ้นและชี้ไปที่ก้อนเมฆ บางคนถึงกับวิ่งตามก้อนเมฆไปชั่วขณะด้วยดวงตาส่องประกาย

วันนี้เป็นวันสอบเข้าสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ หลี่ฉิงซานไม่ได้เดินทางไปกับฮัวเฉิงลู่และคนอื่นๆ นอกเหนือจากฮัวเฉิงลู่และอวี๋จื่อเจี้ยนยังมีสมาชิกครอบครัวตระกูลฮัวอีกหลายคนที่จะสอบเข้าสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ในปีนี้ ดังนั้นเขาจึงนัดพบพวกนางที่หน้าสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์

สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณห้าสิบกิโลเมตร มันไม่ไกลและไม่ใกล้ เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการบินไปที่นั่น

หลี่ฉิงซานไม่รีบร้อน เขาเดินทางอย่างช้าๆ แต่ทันใดนั้นเขากลับสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารที่พุ่งมาจากด้านล่าง

บนพื้นมีภูเขาเล็กๆ ไม่มีร่องรอยของมนุษย์ในรัศมีหลายสิบกิโลเมตร  มันเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการซุ่มโจมตี

ชายที่มีเส้นผมสีพริกไทยในชุดคลุมสีม่วงที่หรูหรายืนอยู่บนยอดเขาอย่างภาคภูมิ การบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขั้นสิบ เขาก็คือรองผู้นำนิกายเมฆาพิรุณ เว่ยจงหยวน

เขาไม่พอใจกับการตัดสินใจของชิวไห่ถัง เขาต้องการล้างแค้นให้กับบุตรชาย เขาพบว่าหลี่ฉิงซานพักอยู่ในตระกูลฮัวและกำลังจะไปสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพอที่จะเรียกร้องให้ตระกูลฮัวส่งตัวหลี่ฉิงซานออกมาและไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้หลังจากหลี่ฉิงซานเข้าสู่สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์

นั่นทำให้เขาตัดสินใจซุ่มโจมตีหลี่ฉิงซานระยะหว่างทาง แม้เขาจะไม่สามารถจับหลี่ฉิงซานทั้งเป็นแต่เขาก็จะฆ่าเด็กหนุ่ม เพียงเท่านั้นเขาก็พอใจแล้ว สิ่งเดียวที่เขากังวลคือหลี่ฉิงซานอาจร่วนเดินทางกับครอบครัวตระกูลฮัว อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นหลี่ฉิงซานปรากฏตัวเพียงลำพัง เขาก็เผยรอยยิ้มมีความสุขขณะที่เจตนาสังหารของเขาปะทุขึ้นทันที

ตอนนี้ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท อาภรณ์สีม่วงของเขาปลิวไปตามสายลม นั่นทำให้เขาดูสง่างามและยิ่งใหญ่ราวกับขุนเขา

หลี่ฉิงซานตระหนักถึงการบ่มเพาะขั้นสิบของฝ่ายตรงข้ามด้วยการมองเพียงครั้งเดียว แม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นเว่ยจงหยวนแต่โดยพื้นฐานแล้วเขาก็สามารถคาดเดาได้ เขาหยุดและตะโกน “เว่ยจงหยวน เจ้าเป็นรองผู้นำนิกายเมฆาพิรุณใช่หรือไม่?”

“ลงมา!” เว่ยจงหยวนไม่ตอบแต่ปล่อยพลังปราณสีขาวพุ่งออกไปทันที

แสงสีขาวทำให้หลี่ฉิงซานนึกถึงปืนใหญ่แสงของห่าวปิงหยาง ลำแสงสีขาวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ การหลบเลี่ยงเป็นเรื่องยากแม้จะอยู่บนพื้นดินก็ตาม

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ตื่นตระหนก เขาอุ้มเสี่ยวอันและกระโจนออกไปขณะที่ลำแสงสีขาวยิงทะลุก้อนเมฆ

เขาตกลงสู่พื้น เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อใช้ทักษะขี่เมฆาเคลื่อนสายหมอกอีกครั้ง แต่เว่ยจงหยวนย่อมไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขา

เว่ยจงหยวนเหวี่ยงแขนไปด้านหลัง หินใต้ฝ่าเท้าของเขาระเบิดและส่งเขาพุ่งตรงไปทางหลี่ฉิงซานราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

เขาพยายามจับหลี่ฉิงซานทั้งเป็น

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน

“ยันต์ล่องหนงั้นหรือ? มันเป็นเพียงเล่ห์กลเท่านั้น” เว่ยจงหยวนตะคอกเสียงเย็น แต่ในไม่ช้าสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย กลิ่นอายของหลี่ฉิงซานหายไปอย่างสมบูรณ์ แม้เขาจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นสิบ แต่เขาก็ยังหาหลี่ฉิงซานไม่พบ

เขายกแขนขึ้นและปล่อยหมัดติดต่อกันมากกว่าร้อยครั้งในตำแหน่งที่หลี่ฉิงซานอาจลงสู่พื้น “บึม บึม บึม บึม!” ด้วยการระเบิดหลายครั้ง ภูเขาเล็กๆถูกทำลายโดยตรง ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว อย่างไรก็ตามมันยังไม่มีร่องรอยของหลี่ฉิงซาน

เว่ยจงหยวนขมวดคิ้วลึก ความสามารถในการเร้นกายของหลี่ฉิงซานไม่โดดเด่น แต่เพื่อลบกลิ่นอายจนสะอาดหมดจด เขาต้องฝึกทักษะลับเพิ่มเติม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กคนนี้จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

ชายชราเริ่มทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นทักษะลับใด ตราบเท่าที่เด็กหนุ่มใช้ทักษะบางอย่าง กลิ่นอายจะรั่วไหลออกมาอย่างแน่นอน

กระทั่งมวลอากาศที่เคลื่อนไหวผิดธรรมชาติเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถรับรู้ได้

เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงซานใช้กระจกล่องหนเพื่อซ่อนตัว เมื่อเขาเห็นเว่ยจงหยวนยังอยู่ข้างล่างและทำตัวผิดปกติ เขาก็นำดาบสั้นวารีพิสุทธิ์ออกมา

ดาบวารีพิสุทธิ์ลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เขายืนอยู่บนนั้น แม้มันจะไม่ใกล้เคียงกับคำว่าขี่ดาบ แต่การยืนอยู่บนดาบก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

สิ่งเดียวที่เขาคิดคือเขาจะจัดการเว่ยจงหยวนอย่างไร หากจอมยุทธ์ทั่วไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้ พวกเขาจะต้องคิดวิธีการหลบหนี แต่หลี่ฉิงซานกลับคิดวิธีฆ่าฝ่ายตรงข้าม หลังจากทั้งหมดกระเป๋าร้อยสมบัติของจอมยุทธ์ขั้นสิบจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขุนพลปีศาจให้กับเขา

แต่ที่นี่อยู่ใกล้สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์และเมืองชิงเหอ การแปลงร่างอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี

อย่างไรก็ตามตอนนี้เว่ยจงหยวนอยู่ในที่แจ้งขณะที่เขาอยู่ในที่มืดและยังมีเสี่ยวอันคอยช่วยเหลือรวมถึงยันต์ระดับสูงสุดเกือบสิบแผ่นและดาบดาวหาง ถูกต้อง เขายังมีทักษะควบคุมดาบบินที่พึ่งเรียนรู้มาอีกด้วย

ดาบวารีพิสุทธิ์เรืองแสงสีเขียวขณะที่มันพุ่งไปที่ด้านหลังลำคอของเว่ยจงหยวน

เว่ยจงหยวนรีบหันกลับไปและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าพบเจ้าแล้ว!”