ตอนที่แล้วตอนที่ 196: ไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 198: แอบขัดขวาง

ตอนที่ 197: ยานรบระดับ T2!


ตอนที่ 197: ยานรบระดับ T2!

เซี่ยเฟยใช้นิ้วกดระบบสื่อสารไม่กี่ครั้งก่อนที่ชายชราผู้สวมเครื่องแบบจัสทิสจะได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากทูรามผู้ซึ่งเป็นสหายเก่าแก่ของฉินหมางนั่นเอง

“สวัสดีครับ” เซี่ยเฟยทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่ภาพของทูรามที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอกลับมีสีหน้าที่จริงจัง

“นายอยู่ไหน?” ทูรามถามเสียงเข้ม

“ผมเพิ่งกลับเข้าเขตพันธมิตรเมื่อไม่กี่นาทีก่อนครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“นายได้ติดต่อไปหาฉินหมางหรือยัง?”

“ติดต่อไปแล้วครับ แต่ผมยังไม่ได้คุยกับคุณตา ผมได้ยินมาว่าคุณตาสุขภาพไม่ค่อยดีแต่ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ทูรามถอนหายใจออกมาครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เซี่ยเฟยฟัง

“จู่ ๆ เมื่อ 2 เดือนก่อนพิษของ ‘เซราฟิม’ ที่ตกค้างอยู่ในร่างของฉินหมางก็กำเริบขึ้นมาทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาเพื่อทำให้เซลล์บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก”

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยตกใจอยู่เล็กน้อยเพราะเขาเคยอ่านเรื่องเซราฟิมในจารึกมนตราอสูรมาก่อน โดยสัตว์อสูรชนิดนี้เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายแมลงปอแต่มันก็มีหางแหลมที่มีพิษเหมือนแมงป่อง

พิษของเซราฟิมมีความพิเศษมาก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทุกคนให้การยอมรับว่ามันเป็นพิษที่แปลกประหลาดที่สุดในจักรวาล เพราะผู้ที่ได้รับพิษเข้าไปอาจจะเสียชีวิตในวินาทีถัดไป หรือเขาคนนั้นอาจจะอยู่ได้เป็น 100 ปีโดยที่พิษไม่กำเริบขึ้นมาเลยก็ได้

ไม่มีใครสามารถอธิบายเหตุผลได้ว่าพิษของเซราฟิมจะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ แต่มันเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายและสามารถที่จะกำเริบขึ้นมาได้ตลอดเวลา

ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอและสิ่งที่โหดร้ายที่สุดสำหรับผู้ที่ได้รับพิษของเซราฟิมคือเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องตายเมื่อไหร่ ซึ่งบางคนถึงขั้นรับแรงกดดันในเรื่องนี้ไม่ได้จนเลือกที่จะฆ่าตัวตายไปเลยก็มี

หลังจากทูรามพูดถึงสถานการณ์ของฉินหมาง เซี่ยเฟยก็ใช้นิ้วสัมผัสหน้าจออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาว่า

“ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมรู้สึกว่าผู้บัญชาการเย่ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของค่ายฝึกจัสทิสลีกเหมือนจะไม่อยากให้ผมได้พบกับคุณตาครับ”

“เย่จิ่งชานไม่ใช่คนเดียวหรอกที่ไม่อยากให้นายกลับไป โชคดีแล้วที่นายติดต่อฉันมาไม่อย่างนั้น…” ทูรามกล่าวโดยมีร่องรอยของความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมากและรู้สึกเหมือนมันได้มีเปลวไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นภายในหัวใจของเขา

เขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่ามันมีคนไม่อยากให้เขาไปเจอฉินหมาง แม้ว่ามันจะเป็นความปรารถนาในช่วงสุดท้ายของชีวิตฉินหมางแล้วก็ตาม

“พวกเขาเป็นใครครับ?” เซี่ยเฟยถามโดยพยายามระงับความโกรธเอาไว้

“ตอนนี้นายน่าจะอยู่ใกล้ ๆ กับดาวเบอนันเต้แล้วใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับนายมาก็แล้วกัน” ทูรามกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“ผมอยู่ห่างจากเบอนันเต้ประมาณ 70 วาร์ปครับ” เซี่ยเฟยตอบหลังจากเรียกดูแผนที่ดาว

“ที่เบอนันเต้มีกองหนุนของแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ หลังจากนายไปถึงที่นั่นแล้วเดี๋ยวจะมีคนไปรับนายเอง” ทูรามกล่าว

“ทำไมไม่ให้ผมกลับไปที่ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่เลยล่ะครับ” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไอ้หนูฉันรู้ว่านายอยากจะรีบกลับไปหาฉินหมาง แต่ฉันรับประกันได้เลยว่าถ้านายไม่ทำตามที่ฉันบอก นายไม่สามารถกลับไปถึงภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ได้อย่างแน่นอน”

“ได้ครับ ผมจะรีบเดินทางไปที่เบอนันเต้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกัดฟัน

หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็เงียบเสียงไปครู่หนึ่ง เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากจนเกินไปทำให้เขาไม่ทันได้มีเวลาเตรียมตัว

“พวกเราจะเอายังไงดี?” อันธถาม

“คุณตาทูรามคือคนที่คุณตาฉินหมางแนะนำให้ฉันเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเชื่อใจเขา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลังเลอยู่เล็กน้อย

ตัวตนที่แท้จริงของฉินหมางยังคงเป็นปริศนา แต่การที่เขามีลูกศิษย์อย่างย่าเหวยกับมีเพื่อนอย่างทูราม มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภูมิหลังของชายชราคนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เซี่ยเฟยกับฉินหมางมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ฉินหมางคอยสนับสนุนเขาในทุก ๆ ทาง ดังนั้นการไปส่งฉินหมางในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มควรจะต้องไปให้ได้อยู่แล้ว

แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมเย่จิ่งชานถึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดเขาไว้ แม้แต่ทูรามก็พยายามเตือนเขาอย่างลับ ๆ ว่ามันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขายังไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย

“ที่แท้ฉินหมางก็ถูกพิษของเซราฟิมเข้าไปนี่เอง” อันธพึมพำขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อนนะ! นายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาใช่ไหม นายมีวิธีจัดการกับพิษชนิดนี้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

“พิษชนิดนี้เป็นพิษที่แปลกประหลาดมาก แม้แต่ฉันก็ยากที่จะหาวิธีกำจัดพิษชนิดนี้ออกจากร่างกายได้” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“แล้วมันพอจะมีโอกาสไหมที่จะบำบัดเซลล์ให้บริสุทธิ์เพื่อกำจัดพิษ?” เซี่ยเฟยถาม

“ถึงแม้การทำให้เซลล์บริสุทธิ์จะสามารถกรองพิษส่วนใหญ่ออกจากร่างกายได้ แต่พิษของเซราฟิมเป็นพิษที่ซึมเข้าไปจนถึงไขกระดูก วิธีการเดียวที่จะกำจัดพิษชนิดนี้ออกไปคือการสร้างทุกส่วนของร่างกายขึ้นมาใหม่ ซึ่งมันเป็นวิธีการที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน” อันธกล่าวเสียงเข้ม

“ตอนนี้คุณตาคงจะเจ็บปวดมากสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำออกมา

“ฉันขอคิดอะไรหน่อย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอย่าพึ่งเรียกฉันออกมานะ” อันธกล่าวก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในสร้อยหินมัวร์

เซี่ยเฟยทำการตั้งค่าให้ยานอวกาศบินไปยังดาวเบอนันเต้ ก่อนที่เขาจะทำการติดต่อไปหาแอวริล

“ฉันกลับมาแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายหายไปเป็นเดือนเลย รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายมากแค่ไหน” แอวริลกล่าวพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น

“สตาร์เน็ตเวิร์กในทุ่งดาวแห่งความตายขัดข้องตลอดเลย ฉันเลยติดต่อมาหาเธอไม่ได้ แต่เธอไม่ต้องห่วงฉันยังสบายดี” เซี่ยเฟยกล่าว

“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนน้ำหนักของนายจะลดลงอีกแล้ว” แอวริลกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะโดยปกติรูปร่างของเขาก็เป็นแบบนี้ นี่จึงเป็นเพียงแค่ความมโนของแอวริลคนเดียวเท่านั้น

ทั้งสองได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่แอวริลจะนึกขึ้นมาได้ว่า

“ขากลับนายต้องผ่านนครหลวงอยู่แล้วนี่นา นายจะแวะมาหาฉันไหม?”

“เอ่อ…” เซี่ยเฟยไม่รู้จะต้องตอบว่ายังไง เพราะฉินหมางกำลังรอเขากลับไปดูใจ ส่วนทูรามก็ให้เขาไปหาที่ดาวเบอนันเต้ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่อยากเห็นแอวริลรู้สึกทุกข์ใจเช่นเดียวกัน

เมื่อแอวริลได้เห็นชายหนุ่มแสดงท่าทางที่ลังเล เธอก็รีบโบกมือพร้อมแสดงรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้า

“ฉันล้อเล่นน่า ถ้านายมีธุระก็รีบกลับไปจัดการธุระให้เสร็จก่อนเลย ไว้ว่างเมื่อไหร่นายค่อยมาหาฉันก็ได้”

เซี่ยเฟยรู้ว่าจริง ๆ แล้วแอวริลไม่ต้องการให้เขารู้สึกลำบากใจ เธอจึงได้พูดออกมาแบบนี้

“รอฉันก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับไปหาเธอ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ได้สิ ฉันเชื่อใจนายอยู่แล้ว”

หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็รู้สึกว่าแอวริลเติบโตขึ้นจากเดิมมาก และเสน่ห์บนร่างกายของเธอก็ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ

ต่อมาเซี่ยเฟยก็ติดต่อไปหาอันเดร์เพื่อสอบถามสถานการณ์ในปัจจุบันของบริษัทควอนตัม ซึ่งกว่าที่เขาจะพูดคุยเรื่องบริษัทจนเสร็จแวมไพร์ก็เดินทางมาจนถึงดาวเบอนันเต้แล้ว

เบอนันเต้เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่สำคัญที่สุดบริเวณชายแดนของพันธมิตร ซึ่งดาวดวงนี้ค่อนข้างที่จะเจริญรุ่งเรืองและมีทหารประจำการอยู่ภายในฐานทัพของดาวมากกว่า 1 ล้านคน

ทูรามได้เตรียมการเรื่องทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เซี่ยเฟยจึงสามารถนำแวมไพร์ลงจอดบนดาวได้อย่างราบรื่น ก่อนที่เขาจะขึ้นยานโดยสารมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณชานเมือง

ถึงแม้สภาพแวดล้อมของคฤหาสน์หลังนี้จะค่อนข้างดี แต่เซี่ยเฟยก็ไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมสภาพแวดล้อมพวกนั้นเลย เพราะถ้าหากว่าเขาได้กลับไปเร็วขึ้น 1 วันมันก็มีความหวังที่เขาจะได้พบกับฉินหมางมากขึ้นกว่าเดิม ท้ายที่สุดพิษของเซราฟิมก็สามารถกำเริบขึ้นมาได้ตลอดเวลาและมันก็ไม่มีความเมตตาเพียงเพราะว่าเขายังกลับไปไม่ถึง

เซี่ยเฟยต้องรออยู่ภายในคฤหาสน์อย่างกระสับกระส่าย ก่อนที่ในช่วงบ่ายของวันถัดไปคนที่ทูรามส่งมาก็เดินทางมาถึงในที่สุด

“อ้าวพี่หลิง ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม และเขาก็ไม่คิดว่าคนที่ทูรามส่งมาจะเป็นหลิงเฟิงผู้ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องของพี่น้องตระกูลหลิง

“อาจารย์ทูรามส่งฉันมาทำธุระแถวนี้พอดี หลังจากอาจารย์ได้ข่าวว่านายอยู่ที่นี่ฉันก็เลยได้รับหน้าที่ให้มารับนาย” หลิงเฟิงกล่าว

“พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ แล้วค่อยไปพูดคุยในระหว่างเดินทางดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ เพราะเขาต้องการกลับไปยังภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่โดยเร็วที่สุด

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกเดินทางจากคฤหาสน์มุ่งหน้าไปยังเนินเขาขนาดใหญ่

“พวกเราไม่ได้กำลังจะไปสนามบินหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“บนเขามีสนามบินสำรองของสมาพันธ์อยู่ ยานของฉันจอดอยู่ที่นั่น” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปด้านหน้า

“พี่หลิงทำไมพวกเราไม่เอาแวมไพร์ไปล่ะ ระยะการวาร์ปของแวมไพร์เกือบ 60,000 ปีแสงเลยนะ มันเร็วกว่ายานรบทั่วไปเกือบ 20% เลย” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ความจริงแล้วแวมไพร์สามารถวาร์ปได้ครั้งหนึ่งไกลกว่า 62,500 ปีแสง แต่เนื่องมาจากมันได้รับความเสียหายจากทุ่งดาวแห่งความตายและยังไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม มันจึงยังไม่สามารถทำงานในระดับสูงสุดของมันได้

แต่ถึงกระนั้นแวมไพร์ก็ยังสมควรเดินทางได้เร็วกว่ายานรบโดยทั่วไป ซึ่งในสถานการณ์ที่กำลังเร่งรีบความเร็วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ

“ถ้านายต้องการกลับไปโดยเร็วที่สุด ยานรบของฉันเป็นทางเลือกที่ดีกว่า” หลิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมครับ? แวมไพร์ของผมติดตั้งเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 เลยนะ” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาด้วยความสับสน

หลิงเฟิงเพียงแค่เผยรอยยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร ซึ่งเซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแต่รออย่างอดทนเท่านั้น

หลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงพวกเขาก็เดินทางไปจนถึงสนามบินเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในหุบเขา

เมื่อมองจากระยะไกลเซี่ยเฟยก็ได้เห็นยานรบที่โดดเด่นจอดอยู่ตรงบริเวณมุมสนามบิน โดยยานรบลำนี้ดูแตกต่างจากยานรบลำอื่นอย่างชัดเจนและชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด

“นั่นคือยานอินเตอร์เซปเตอร์รุ่นเอเรสจากบริษัทไกอา” หลิงเฟิงเดินมาตบไหล่เซี่ยเฟยพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ

“ยานอินเตอร์เซปเตอร์?” เซี่ยเฟยชะงักค้างไปในทันทีพร้อมกับนึกถึงยานอินเตอร์เซปเตอร์ที่เคยคุ้มกันเขากลับมาจากเขตดาววิลเดอร์เนส

เท่าที่เขาจำได้ยานประเภทนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถวาร์ปตามแวมไพร์ได้เท่านั้น แต่ความเร็วของมันยังสูงมากจนน่าตกใจอีกด้วย

“ใช่แล้ว นี่คือยานรบระดับ T2 ที่มีระยะการวาร์ปเกินกว่า 90,000 ปีแสง คราวนี้นายเชื่อแล้วหรือยังว่ายานลำนี้เดินทางได้เร็วกว่าแวมไพร์ของนาย” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด