ตอนที่แล้วบทที่ 20: สรวงสวรรค์แห่งความทุกข์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 การทำลายล้าง

บทที่ 21 โดมตกลงมา


ร่างของหยางเซี่ยวเฉินลอยขึ้นจากพื้น ซากศพมีชีวิตที่พุ่งเข้ามาก็ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วไปตกใกล้ๆหมอในเสื้อคลุมสีขาว แต่ทันใดนั้นก็มีกระสุนพุ่งผ่านศีรษะของเขาไปทำให้ซากศพที่มีชีวิตล้มลงอย่างแรง

หยางเซี่ยวเฉินบินอย่างรวดเร็วไปที่ด้านข้างของหยางหยาน จากนั้นร่างของหยางหยานก็ออกบินตามมาหลังหยางเซี่ยวฉินไปเล็กน้อย

หยางหยานอ้าปากกว้างในขณะที่เขากำลังจะพูดดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบที่พุ่งผ่านไปเหมือนนั่งอยู่บนรถ หยูเชียนและหวางลี่ปรากฏตัวข้างๆ เขา—ไม่ใช่ เขาและหยางเซี่ยวเฉินต่างหากที่ไปปรากฏข้างๆหยูเชียนและหวางลี่

หยูเชียนรู้สึกยินดีที่พลังพิเศษแปลกๆ ของหยางเซี่ยวเฉินนี้ไม่น่าจะอ่อนแอ แต่เขาก็กังวลเล็กน้อย ว่าหลังจากที่หยางเซี่ยวเฉินมีความสามารถใหม่แล้วจะไม่ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป

“เสี่ยวเฉิน!” ในที่สุดหยางหยานก็เปล่งเสียงออกมาหยางเซี่ยวเฉินฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจให้ เขา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความอ่อนแอพุ่งโจมตีจนเขาเลือดกำเดาไหลออกมาตลอดเวลาและหมดสติไปที่สุด

ก่อนที่สติจะดับลงหยางเซี่ยวเฉินจ้องไปที่ด้านหน้าเขาและมองเห็นร่างกายของยักษ์สีดำอย่างคลุมเครือ ในขณะที่คนอื่นๆทำเหมือนจะมองไม่เห็นร่างกายที่ใหญ่โตของยักษ์ตนนี้เลยสักนิด

พวกเขาไม่เห็นเหรอ? นี่คือความสามารถของฉัน? ฉัน..ง่วงนอนมาก...

หยางเซี่ยวเฉินหลับตาลงและหมดสติไป

"เกิดอะไรขึ้นกับเขา?!" หยางหยานรู้สึกหวาดกลัว

“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่พลังพึ่งตื่นขึ้นมาแล้วเปิดใช้งานนานเกินไปมันก็พังเป็นธรรมดา แค่นอนพักเฉยๆเดี๋ยวก็ดีขึ้น” หยูเชียนปลอบโยน

"ให้ฉันช่วยเอง!" หมอในชุดคลุมสีขาวมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่ และรีบกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน เขาต้องการที่จะแสดงถึงคุณค่าในความสามารถของเขา ต้องรู้ว่าถ้าหากเขาทำสำเร็จ เขาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตจากสถานที่นี้มากยิ่งขึ้น

เมื่อมองไปที่กองกำลังตำรวจติดอาวุธที่ยังคงพยายามสนับสนุนการต่อสู้และช่วยเหลือประชาชน หยูเชียนพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเป็นไปได้และอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้น หากพวกเขาเข้าร่วมในการต่อสู้นี้ ท้ายที่สุดหยูเชียนก็เลือกที่จะยอมแพ้

“ทุกคนขึ้นรถ เราไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้อีกต่อไปถอยกลับไปที่ฐานรอให้หยางเซี่ยวเฉินตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยวางแผนสำหรับขั้นตอนต่อไป” หยูเชียนหยิบมีดบินกลับคืนและดึงหมอเข้าไปในรถ ในขณะที่ หวางลี่ช่วยหยางหยานพยุงหยางเซี่ยวเฉินขึ้นไปบนรถ ข้อเท็จจริงเหมือนท่อนเหล็กที่ฟาดลงบนหน้านี้มันส่งผลกระทบต่อสมองของเขา เขาจำเป็นที่จะต้องเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินมาก่อนหน้านี้และเริ่มชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาควรติดตามหยูเชียนและพรรคพวกไปอย่างใกล้ชิด มันยังไม่สายเกินไปที่จะรอจนกว่ารัฐบาลจะคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้

"นายไปขับรถ!" หยูเชียนตะโกนใส่หวางลี่เพราะเขาขับรถเองไม่เป็น หยางหยานเอาแต่คิดถึงลูกชายของเขา ชัดเจนว่าคงให้มาขับรถไม่ได้ มีเพียงหวางลี่เท่านั้นที่ทำได้

หวางลี่หันกลับมาและกำลังจะเข้าไปในที่นั่งคนขับ แต่แขนของเขาถูกดึงไว้ก่อน

"พาฉันไป พาฉันไปด้วย!" หวางลี่หันหัวของเขาไปมองและเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่กำลังร้องไห้อย่างหนักกำลังจับแขนของเขาและขอร้องเมื่อเห็นว่ายังมีที่ว่างสำหรับรถตู้เจ็ดที่นั่งของพวกเขา

"พาฉันไป ช่วยฉันด้วย ได้โปรด!" ผู้หญิงในชุดสูทสำนักงานร้องเรียกเขา มองเห็นคราบเครื่องสำอางบางๆ บนใบหน้าแม้ว่าเธอจะกำลังร้องไห้ออกมาแต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสวยอยู่

“ฟิ้ววว”

หวางลี่ต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ปฏิกิริยาของหยูเชียนนั้นเร็วกว่าและเด็ดขาดกว่าเขา มีดบินเฉือนข้อมือของผู้หญิงคนนั้น และความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธอต้องปล่อยมือ

“ขึ้นรถแล้วออกไปจากที่นี้” หยูเฉียนออกคำสั่งเด็ดขาด ไม่ยอมรับคำคัดค้านใดๆทั้งสิ้น

หวางลี่ไม่ลังเลอีกต่อไปเขาก้าวเข้าไปในรถ ปิดประตูแล้วเร่งเครื่อง โดยไม่แม้แต่จะมองไปทางผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ด้านข้างรถ

"เราควรพาเธอไปด้วย" หวางลี่ผู้ซึ่งกำลังขับรถกระซิบเบาๆ

"ฮะ?" หยูเชียนไม่พอใจอย่างมาก

"ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ไม่มีใครรู้ว่าเราจะอยู่รอดไปนานแค่ไหน" ใบหน้าของหวางลี่ร้อนเล็กน้อยและเขาพูดว่า "มันอาจจะดีถ้าพาสาวสวยมาด้วย บนเกาะพาราไดซ์มีผู้ติดตามมากับนักพนันและช่างเทคนิคน้อยมาก ในระดับนี้คุณสามารถขอให้เธอไปเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณได้"

หยูเชียนเข้าใจและหันไปเยาะเย้ย: "บนหน้าฉันดูเหมือนพวกที่เอาแต่คิดถึงเรื่องใต้หว่างขาเหมือนพวกเขาหรือไง?"

หวางลี่หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาและไม่กล้าตอบกลับ เอาเถอะการประจบต้องดูที่คนดังนั้นฉันก็โทษเขาไม่ได้ นายกเทศมนตรีหลิวเองก็ไม่ชอบเล่ห์เหลี่ยมนี้ และฉันเองก็เป็นเจ้านายมานานเกินไปทำให้ไม่คุ้นเคยทักษะการเยินยอแบบนี้มานานแล้ว

“หืม นายชอบผู้หญิงเหรอไม่มีปัญหา คราวหน้าถ้าเห็นอะไรถูกใจก็ไปปล้นมาเท่านั้นเอง แต่ฉันจะให้แค่สิ่งที่เป็นส่วนแบ่งของนายเท่านั้น ไปชั่งน้ำหนักเอาเอง ตราบใดที่นายไม่ทำอะไรโง่ๆ ฉันจะไม่ฆ่านาย” หยูเชียนรู้ว่าวิธีที่เขาใช้ทั้งความเมตตาและอำนาจนั้นมันดูไร้เดียงสานิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเขามีความแข็งแกร่งที่แท้จริงอยู่กับตัว เขาก็ไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้

………………

ที่ประตูทางเข้าสวนแรกของโรงพยาบาล กองกำลังของกองตำรวจติดอาวุธตั้งแนวป้องกันด้วยความคิดที่ว่าพวกเขาจะไม่หลบหนีจากแนวยิงหากตัวยังไม่ตายในสนามรบ แม้แต่หัวหน้าของพวกเขาเกิงจี้ปิงเองก็ยืนอยู่ในแนวหน้า แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยพวกเขาก็ไม่ยอมถอยออกไป

เกิงจี้ปิงยกปืนไรเฟิลอัตโนมัติในมือของเขาและเหนี่ยวไกอย่างต่อเนื่อง ทำลายมือและเท้าของซอมบี้ มีเพียงระเบิดเพลิงและระเบิดแรงดันสูงที่มีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถฆ่าซอมบี้ในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาวุธอื่นๆนั้นยากที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้ หากไม่สามารถยิงไปที่หัวของพวกมัน ก็ทำได้เพียงกำจัดแขนขาเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว ในการสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบตั้งแต่เริ่มต้นและแนวป้องกันก็ส่อแววที่จะเริ่มพังทลายออกมา

"หัวหน้าทีมเกิงถึงเวลาถอนตัวแล้ว เรารอการสนับสนุนไม่ไหวแล้ว!" รองกัปตันเข้าหาเกิงจี้ปิงและพูดด้วยความยากลำบาก

"จะถอนอะไร? ถ้าเราถอนตัว จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนในหยวนเจียง? ภรรยาและลูก ๆ ของคุณไม่ได้อยู่ในเมืองหรือไง?" เกิงจี้ปิงผลักเขาออกไปอย่างไม่อดทน

รองกัปตันกระวนกระวายจนหน้าแดงหลังจากนั้นเขาก็ยังคงรวบรวมกองกำลังที่เหลือเพื่อสร้างแนวป้องกันต่อไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

พอมาคิดดูฉันก็รู้สึกว่าควรเพิ่มกำลังใจให้ทีมเพื่อที่จะสู้ต่อไปได้ เกิงจี้ปิงเปิดลำโพงและตะโกน: "ในแง่ขององค์กรแม้ว่าตำรวจติดอาวุธอย่างพวกเราจะไม่ได้สังกัดหน่วยพิทักษ์ประชาชน แต่เราทุกคนล้วนเป็นทหาร! เราทุกคนเป็นทหารของประชาชน! พี่ชาย พี่สาวทุกท่าน หน้าที่ของเราคือปกป้องประเทศและประชาชน! ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ต้องกัดฟันสู้เพื่อเผชิญหน้ากับพวกมันไว้ให้ได้! คุณอยากให้พ่อแม่และลูกๆของคุณเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดกินคนพวกนี้ไหม"

"ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ก็ห้ามถอย! หากเราไม่สามารถรอการสนับสนุนได้ ก็ให้ศพของเราเป็นแนวป้องกันสุดท้ายสำหรับชาวหยวนเจียง!"

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมา มันเป็นเสียงระเบิดจากลูกระเบิดมือ

ห่างออกไปห้าสิบเมตร ทหารคนหนึ่งถูกซอมบี้หลายตัวกดลงกับพื้นและสูญเสียความสามารถในการต้านทาน ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการถูกกัดตามร่างกายทำให้เขาอยากจะตะโกน แต่เขาก็กลั้นไว้สุดชีวิต เขาขบฟันกรามของเขาเอาไว้ แขนซ้ายของเขาถูกกัดจนเห็นกระดูกและด้วยมือขวาเพียงข้างเดียวเขายังพยายามที่จะยัดแหวนสลักของลูกระเบิดเพื่อใช้ฟันกัดมันไว้

แต่ไม่เหมือนในหนังตรงที่แหวนดึงนี้แข็งมากจนกัดไม่ลง เขาจึงต้องเปลี่ยนกลับมากัดระเบิดด้วยปากและดึงแหวนสลักด้วยมือแทน

เขาเปิดปากและพยายามตะโกนคำขวัญ แต่คอของเขาเต็มไปด้วยเลือดทำให้ไม่มีเสียงใด ๆ ดังออกมา

"บูม"

เสียงดังสนั่นทำให้ซอมบี้หลายตัวถูกระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ มันยังระเบิดความมุ่งมั่นของทหารที่เหลืออยู่ทุกคนให้ต้องการต่อสู้จนถึงที่สุด พวกเขาต่างก็เปร่งเสียงคำรามออกมาจากลำคออย่างสุดกำลัง

"ปกป้องครอบครัวและประเทศ ต่อสู้จนตัวตาย!" ทหารหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังที่กำบังของรถพยาบาลได้เปิดฉากตอบโต้ด้วยการพาตัวเองไปตาย โดยพยายามขัดขวางการรุกคืบของกลุ่มซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้าและสร้างเวลาสำหรับสหายที่อยู่ด้านหลังได้เติมกระสุน

"ปกป้องครอบครัวและประเทศ ต่อสู้จนตัวตาย!" รองกัปตันตะโกนและดึงปืนกลที่เพิ่งใช้ปัสสาวะราดใส่ เพื่อลดความร้อนให้กระบอกปืนกล

"ปกป้องครอบครัวและประเทศ และต่อสู้จนตัวตาย!"  ผู้พิทักษ์เหล่านี้ต่างก็ยิ้มออกมาขณะถอดแมกกาซีนเปล่าทิ้งและดึงมีดสั้นทางยุทธวิธีออกมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นซอมบี้ที่ยากต่อการสังหารด้วยมีดสั้นก็ตาม

กระสุนของพวกเขาไม่สามารถหยุดการรุกของสัตว์ประหลาดได้ แต่ความน่ากลัวของซอมบี้ก็ไม่สามารถทำลายความตั้งใจของพวกเขาได้เช่นกัน เสียงนับสิบรวมตัวกันพูดคำขวัญแปดตัวอักษรซ้ำๆเพื่อเป็นการบรรเลงบทเพลงต่อสู้อันยิ่งใหญ่

แม้ความตายใกล้เข้ามาแต่ก็ไม่มีใครหวาดกลัว

"พวกคุณต้องเลือดร้อนมากหน่อยมันถึงจะดูดี" เกิงจี้ปิงซึ่งเกิดในกองทัพมีสีหน้าเครียดพร้อมที่จะพบกับการเสียสละอันรุ่งโรจน์ แต่เขากับมองเห็นภาพแปลก ๆ บางอย่างอย่างไกลๆ

“หือ อะไรเนี่ย”

ร่างที่คุ้นเคยกำลังใกล้เข้ามา

เหลียวหยวนโจวหลานชายของนายกเทศมนตรี รองผู้บังคับบัญชาฝ่ายรักษาความปลอดภัย

เขาสวมชุดป่วยสีขาวล้วน มีรอยสักแวววาวบนหน้าผากในมือถือปืน และสวมรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของๆเขา กำลังเดินเข้ามาช้าๆ ทีละก้าวๆ

ไม่มีซอมบี้สักตัวที่สามารถกัดเขาได้ ไม่มีกระสุนสักนัดที่จะทำให้เขาบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ

และกระสุนทุกนัดที่เขายิงจะระเบิดหัวซอมบี้หนึ่งหรือแม้แต่หลายตัวเสมอ

เหลียวหยวนโจวแค่ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยวิธีแปลกๆ ไปทางซ้ายหนึ่งก้าว ไปทางขวาหนึ่งก้าว และบางครั้งก็ถอยหลังไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นตามต้องการและยิงออกไปโดยไม่ต้องเล็ง แต่กับไม่มีสักนัดที่จะพลาดเป้า มันเหมือนกับผู้เล่นระดับสูงที่โกงด้วยการมีแผนที่สมบูรณ์ในการเดินผ่านเขาวงกต เดินท่ามกลางห่ากระสุนและซอมบี้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

“กัปตันเกิง ฟังคำสั่งของฉัน” เหลียวหยวนโจวเดินไปจนสุดทางด้านข้างของเกิงจี้ปิงโดยที่ทหารยามไม่สามารถทำอะไรได้อย่างง่ายดายและพูดออกมาอย่างไม่แยแส

………………

"นั่นอะไรน่ะ!" นอกเมืองหยวนเจียงยานพาหนะถูกปิดกั้นเป็นแถวยาวด้านหน้าด่านตรวจ ด้านหน้าผ่านไม่ได้และด้านหลังถูกปิดกั้น การจราจรติดขัดนี้กินเวลานานมาก ตั้งแต่เริ่มมีการปิดล้อมเมืองหยวนเจียง ถ้าไม่ใช่เพราะทหารที่อยู่แนวนอกนำอาหารและน้ำจำนวนมากมาให้ทุกคน จางห่าวซึ่งมีน้ำตาลในเลือดต่ำก็คงมีอาการช็อคไปแล้วแล้ว

ในตอนแรกทุกคนจะลงมาจากรถเพื่อพูดคุยและเล่นโป๊กเกอร์ แต่หลังจากที่มีผู้ป่วยสองสามคนที่อาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้น ทุกคนก็ถอยกลับเข้าไปในรถของตน ผู้ป่วยที่อาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้น ต่างก็ถูกลากไปยังค่ายทหารด้านนอกการปิดล้อมเพื่อบังคับให้แยกตัวออกไป

เมื่อมีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเหนือท้องฟ้า จางฮ่าวซึ่งกำลังเบื่อหน่ายเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น

ด้วยการเตือนของเขา ผู้คนจำนวนมากต่างก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

วงกลมสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นในเมฆ แล้วลดระดับลงมาอย่างรวดเร็ว

“มันคือยูเอฟโอ?”จางฮ่าวพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ "ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ!"

ถ้าใช้เมฆเป็นข้อมูลอ้างอิง ขนาดของวงกลมนั้นมีขนาดที่เกือบจะครอบคลุมทั้งเมืองได้เลย

วงกลมสีเหลืองอ่อนยังคงเร่งความเร็วและตกลงมา ในขณะนี้ผู้คนสามารถเห็นภาพรวมทั้งหมดได้แล้วว่ามันไม่ใช่วงกลม แต่เป็นทรงกลมครึ่งซีก

ผู้คนเริ่มก่อการจลาจล กองทัพเริ่มใช้กฎอัยการศึก แต่ทรงกลมครึ่งซีกนั้นตกลงมาเร็วกว่าที่คาดไว้ และมันลงจอดก่อนที่ทุกคนจะได้ทำการตอบโต้อะไรซะอีก

"บูม"

เสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า

โดมก็ตกลงมา!

หลังจากการทดลองหลายครั้ง ทรงกลมครึ่งซีกสีเหลืองซีดที่ประกอบจากสะสารที่ไม่รู้จักและไม่สามารถอธิบายได้จากผู้เชี่ยวชาญด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ปัจจุบัน

นอกจากแสงแล้ว ไม่มีสสาร เสียง หรือคลื่นวิทยุใดผ่านเข้าไปได้ ไม่ว่าจะปืน ปืนใหญ่และแม้แต่มิซไซล์ก็ไม่สามารถทำลายโดมนี้ได้

   อีกทั้งทางเดินใต้ดินยังถูกปิดกั้นโดยพลังงานที่มองไม่เห็น กองกำลังที่อยู่นอกการปิดล้อมไม่สามารถเข้าไปได้ และคนที่อยู่ภายในก็ไม่สามารถออกมาได้เช่นกัน

ไซเรนป้องกันภัยทางอากาศดังขึ้นอีกครั้ง ประกาศว่าเมืองหยวนเจียงถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

(ฐานบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศก็อยู่ในโดมเช่นกัน โดมครอบคลุมบริเวณแม่น้ำหยวนเจียงทั้งหมด รวมถึงที่หลบภัยทางอากาศที่อยู่นอกเขตเมือง เกาะเจียงซินและสถานที่อื่นๆ)

จากผู้แปล: เรื่องการเรียกชื่อเรียกของ “ซากศพที่มีชีวิต” เนื่องจากเนื้อหาก่อนหน้าเป็นการสนธนากันระหว่างคนกลุ่มเล็กๆที่มีหยูเชียนซึ่งมาจากต่างวัฒนธรรมอยู่ด้วยจึงใช้ชื่อเรียกว่า “ซากศพที่มีชีวิต” ซึ่งแตกต่างจากคำจำกัดความของซอมบี้ในโลกเรา แต่หลังจากตอนนี้เป็นต้นไปเนื้อเรื่องจะขยายขึ้นมากและจะมีตัวละครเพิ่มอีกหลากหลาย อีกทั้งหยูเชียนเริ่มเรียนรู้วัฒนธรรมของโลกได้มากขึ้น จึงต้องเปลี่ยนคำเรียกของ “ซากศพที่มีชีวิต” เป็น “ซอมบี้” เพื่อง่ายต่อการเข้าใจและอ่านได้ไหลลื่นมากกว่าเดิม

ปล. เวลาที่ผ่านมาในเนื้อเรื่องคือ 1 วัน แต่เวลาที่ไวรัสไขหวัดระบาดคือ 2 วัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด