ตอนที่แล้วบทที่ 6 เคราะห์กรรมรุมเร้าเจียงเว่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ทำลายคำสาป

บทที่ 7 โชคลาภที่ถูกชิงไป


พ่อเจียงได้ยินเสียงแล้วเดินออกมาจากห้อง เมื่อเห็นเจียงเว่ยพาบุคคลภายนอกสองคนกลับบ้าน ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เรื่องเกี่ยวกับการดูดวงหรือฮวงจุ้ยเขาก็เคยเกี่ยวข้องมาก่อน ไม่ว่าจะตอนเปิดบริษัทหรือสร้างโรงงาน ทุกคนต่างมักหาคนมาดูเพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อนหน้านี้เขาก็เคยตั้งอุปกรณ์เสริมดวงไว้ในสำนักงานเช่นกัน ส่วนจะได้ผลหรือไม่ไม่รู้ แต่เห็นว่าตู้ปลาดูน่ารักน่าชมดี

แต่ในใจของพ่อเจียงที่ใช้ความสามารถของตัวเองเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์นั้น แม้ว่าเขาจะแสดงออกว่าเชื่อตามผู้อื่นและตั้งของมงคลไว้บ้างตามกระแส แต่ในใจลึกๆ แล้วก็ไม่ได้เชื่อถือสิ่งเหล่านี้เอาเสียเลย ด้วยการทำงานหนักและอดทนอย่างหนักหน่วงในอดีต ทำให้เขาสามารถสร้างตระกูลได้ ถ้าฮวงจุ้ยหรือการดูดวงเหล่านี้ได้ผลจริง ธุรกิจของเขาก็คงไม่ถึงขั้นย่ำแย่เช่นนี้

แต่สถานการณ์ของบ้านก็เป็นแบบนี้แล้ว พ่อเจียงไม่อยากจะไปเสียมารยาทกับใครอีก อีกทั้งเขาต้องให้เกียรติลูกชายด้วย พ่อเจียงคิดว่าเดี๋ยวชงชาให้แล้วพูดจาดีๆ ค่อยๆ อธิบายสภาพของบ้านให้ฟัง ขอแค่บอกให้ชัดว่าตนไม่มีเงิน พวกหมอดูทั้งหลายก็คงจะออกไปเอง

"ขอเชิญครับท่านอาจารย์!" พ่อเจียงยิ้มกว้างยื่นมือไปหาหวังหู พลางพูดว่า "บ้านแคบๆ ไม่ได้ต้อนรับอย่างดีขออภัยด้วย"

พอหวังหูเห็นมือที่ยื่นมาก็รีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วดันหลินชิงอิ่นออกไปข้างหน้า "ท่านนี่ต่างหากที่เป็นอาจารย์ใหญ่ของพวกเรา หลินชิงอิ่นอาจารย์หลิน"

พ่อเจียงมองเด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้าที่สูงแค่คางตัวเอง อดตะลึงไม่ได้ อาจารย์คนนี้อายุ "น้อย" เกินไปแล้ว! เขามองหวังหูกับหลินชิงอิ่นสลับไปมา รู้สึกงงๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลย คิดในใจไม่ได้ว่า เมื่อก่อนเคยนิยมให้ผู้สูงวัยเป็นหน้าตาไม่ใช่หรือ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนกลยุทธ์กันแล้วเหรอ?

ไม่ว่าใครจะเป็นอาจารย์ใหญ่ พ่อเจียงไม่ได้ตั้งใจจะเสียเงินกับพวกเขาอยู่แล้ว มาแล้วก็แค่ต้องการส่งตัวออกไปให้รีบๆ พ่อเจียงเชิญทั้งสองนั่งลงบนโซฟา ตัวเองก็หันเข้าห้องไปหาใบชาอย่างรก

"ไม่ต้องยุ่งละ!" หลินชิงอิ่นพูด "ฉันรู้ว่าสุดท้ายแล้วลุงก็ไม่เชื่อฉันใช่ไหม? ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นานหรอก"

รอยยิ้มของพ่อเจียงแข็งทื่ออยู่บนหน้า เมื่อเห็นหลินชิงอิ่นพูดออกมาตรงๆ เขาก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป ยิ้มอย่างเก้อเขินและพูดว่า "ก็บ้านเราตอนนี้ไม่มีเงินจ้างอาจารย์หรอกครับ พาคุณมาเที่ยวเปล่าๆ ต้องขออภัยจริงๆ"

"ลูกชายคุณจ่ายเงินให้ฉันไปแล้ว" หลินชิงอิ่นหยิบตราหยกก้อนนั้นออกมา "นี่ก็คือรางวัลที่เขาให้ฉัน"

พ่อเจียงมองตราหยกก้อนนั้นตาเบิกกว้าง เหลือเชื่อมองไปที่เจียงเว่ย เจียงเว่ยหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาพ่อเจียง พูดปากแข็งว่า "ถ้าบ้านเราจะต้องอยู่อย่างนี้ต่อ สุดท้ายตราหยกก้อนนี้ก็ต้องขายทิ้งไปอยู่ดี สู้เอาออกมาลองเสี่ยงดูจะดีกว่า"

พ่อเจียงโกรธจนกำหมัดแน่น แม้ลูกจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เขาจะโกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าตีลูกต่อหน้าคนแปลกหน้า ได้แต่จ้องเขาอย่างดุดัน "นายรู้ไหมว่าตราหยกก้อนนี้ขายได้เท่าไหร่!"

หลินชิงอิ่นก็ไม่รู้ว่าตราหยกนี้มีค่าแค่ไหน แต่เธอชอบชี่ที่เต็มเปี่ยมข้างใน ลูบไล้ตราหยกอย่างรักใคร่ หลินชิงอิ่นมองพ่อเจียงด้วยดวงตาใสกระจ่าง "คุณสบายใจได้ ถ้าแก้ปัญหาเรื่องบ้านของคุณไม่ได้ ตราหยกนี้ฉันจะคืนให้พวกคุณเอง"

พ่อเจียงตากลมโตครั้งนี้รักษารอยยิ้มไม่อยู่แล้ว "แล้วจะแก้ยังไง? จะช่วยระดมทุนหรือช่วยกู้เงินให้? ฉันไม่เชื่อว่าตอนนี้ฉันจะตกอับขนาดนี้แล้ว แต่อาศัยการดูดวงก็แก้ได้"

"เจียงเว่ยมีโชค เกิดมาพร้อมการเงินและโชคลาภ ถึงแม้การประสบความสำเร็จของคุณจะเกี่ยวข้องกับการดิ้นรนและความพยายาม แต่ถ้าไม่มีโชคที่ติดตัวมากับเจียงเว่ยล่ะก็ คุณอาจจะทำธุรกิจใหญ่โตขนาดนั้นไม่ได้เลย" หลินชิงอิ่นลุกขึ้นยืน จิ้มนิ้วที่หน้าผากของเจียงเว่ย "มีคนเอากาลกิณีมากลบดวงชะตาของเจียงเว่ย ย้ายเอาโชคลาภของเขาไปด้วย"

พ่อเจียงฟังแล้วตาเบิกโพลงเหมือนกับเห็นคนบ้า "หนูน้อย การบ้านปิดเทอมทำเสร็จหรือยัง? หรือว่าช่วงนี้ดูทีวีมากไป?"

หลินชิงอิ่นนึกถึงการบ้านปิดเทอมที่เธอเขียนได้แค่ 2 หน้าหลังจากพยายามอยู่ครึ่งวัน หน้าเขียวไปทั้งหน้า โกรธจนควันออกหูเอวเท้าสะโพกพูดเสียงแข็ง "ถ้าฉันช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ คุณต้องช่วยฉันเขียนการบ้านปิดเทอมด้วยล่ะ"

พ่อเจียงอดไม่ได้ตบโต๊ะ "ได้! การบ้านปิดเทอมหน้าหนาวก็จะเขียนให้หมดเลย"

หลินชิงอิ่นชี้ไปที่เชือกแดงที่คอของพ่อเจียงกับแม่เจียง "ก่อนอื่นคุณสองคนเอาของที่คอออกก่อน"

พ่อเจียงระแวงใจยกมือขึ้นปิดกั้น มองหลินชิงอิ่นอย่างหวาดระแวง "ทำไม? เอาตราหยกลูกฉันไปยังไม่พอใจอีกหรือไง? อยากเอาของฉันกับเมียฉันด้วยเหรอ?"

แม่เจียงเดินมาดันพ่อเจียงเบาๆ แล้วปลดจี้หยกที่คอส่งให้หลินชิงอิ่น "หนูน้อย พ่อของเจียงเว่ยเขาเป็นคนใจร้อน อย่าไปทะเลาะกับเขาเลยนะ สร้อยพวกนี้เป็นของขวัญที่พ่อทูนหัวของเจียงเว่ยให้เราในโอกาสครบรอบแต่งงานล่ะ ไม่ค่อยมีค่าอะไรหรอก แต่ว่ามีการนิมนต์พระอาจารย์ใหญ่มาปลุกเสกให้ เพื่อจะคุ้มครองให้ปลอดภัย เราสองคนเลยใส่มาตลอด เอ่อ...พูดแล้วมันก็ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะ ไม่กี่วันหลังจากที่เราใส่ เราก็เจอเหตุรถชน ที่ได้แค่ถลอกหนังนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรเลย ก็เพราะจี้หยกป้องกันเราไว้ล่ะ"

หลินชิ่งอิ่นใช้นิ้วลูบลายแดงในจี้หยก มองแม่เจียงอย่างสงสาร "ถ้าคุณไม่ได้ใส่จี้หยกนี่ คุณก็จะไม่เจอเหตุรถชนหรอก แล้วก็จะไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในตอนนี้"

พ่อเจียงอึ้งไป "ที่คุณพูดนี่หมายความว่ายังไง?"

หลินชิงอิ่นหัวเราะเบาๆ วางจี้หยกลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ "วาสนาของเจียงเว่ยถูกกาลกิณีบดบังมานานกว่าสองปีแล้ว ถ้าฉันคิดไม่ผิด อุบัติเหตุรถชนของพวกคุณน่าจะเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน พวกคุณลองนึกย้อนกลับไปดู หลังจากอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้นจนมีเลือดออก ทุกอย่างก็เริ่มไม่ราบรื่นใช่ไหม? แล้วคนที่ให้สร้อยคอกับคุณล่ะ ตอนนี้ทรัพย์สินของเขาน่าจะไม่ต่างจากคุณเมื่อสองปีก่อนเท่าไหร่แล้ว"

สีหน้าพ่อเจียงซีดขาวในพริบตา เขาก้มลงมองจี้หยกที่คอตัวเองที่ใส่มาสองปี ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพี่น้องสนิทที่สุดของตัวเอง

แต่พอคิดดูดีๆ ก็เหมือนกับที่หลินชิงอิ่นพูดจริงๆ เมื่อสองปีก่อนธุรกิจของพี่น้องสนิทเขาประสบปัญหา บริษัทเกือบล้มละลาย ทรัพย์สินถูกอายัด บ้านโดนยึด ตอนนั้นเขายุ่งวุ่นวายวิ่งหาทางออกให้เพื่อน หาเงินกู้ จนแทบไม่มีเวลาดูแลธุรกิจของตัวเองแล้ว แม้กระทั่งไม่มีเวลาจัดงานฉลองครบรอบแต่งงาน 25 ปีกับภรรยาด้วยซ้ำ

พ่อเจียงยังจำได้ชัดเจนว่าคืนวันครบรอบแต่งงานวันนั้น เฉินหยู่เฉิงถือถุงกระดาษเล็กๆ มาหาถึงบ้าน พลางอวยพรให้ชีวิตคู่มีความสุข ยื่นจี้หยกสองอันให้ด้วยท่าทางเขินอาย บอกว่าถึงแม้จี้หยกจะดูธรรมดา แต่ผ่านการอัญเชิญจากพระอาจารย์ใหญ่แล้ว สามารถคุ้มครองให้ปลอดภัยได้

ตอนนั้นใจของพ่อเจียงไม่ได้อยู่กับของชิ้นเล็กๆ พวกนี้ เขายังกังวลถึงเรื่องเงินกู้ของเพื่อน และตอนนั้นเฉินหยู่เฉิงบอกว่ามีหนทางแล้ว อีกไม่นานก็จะพ้นวิกฤตได้ เมื่อเห็นว่าพ่อเจียงเอาถุงใส่จี้หยกไปวางข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจ เฉินหยู่เฉิงถึงกับโมโหด้วยซ้ำ บอกว่าพ่อเจียงดูถูกเพื่อนยากจน ไม่ยอมใส่ของขวัญที่เขาให้

พ่อเจียงรู้ว่าหลังจากเฉินหยู่เฉิงตกอับแล้ว พวกเพื่อนเก่าไม่มีใครอยากคบหาเขาอีกนอกจากตัวเอง เขาไม่อยากทำให้เฉินหยู่เฉิงอับอาย เลยใส่จี้หยกนั้นพร้อมกับภรรยา โดยตั้งใจว่าจะใส่แค่ไม่กี่วันแล้วค่อยถอดออก ใครจะรู้ว่าไม่กี่วันต่อมากลับเกิดอุบัติเหตุรถชน สองคนได้แค่ถลอกหนังมีเลือดออกเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนั้นพอเฉินหยู่เฉิงได้ข่าวก็รีบมาหาทันที บอกว่าต้องเป็นเพราะจี้หยกปกป้องพวกเขาแน่ๆ บอกให้ใส่ไว้อย่าได้ถอดเด็ดขาด แล้วก็ใส่มาจนถึงทุกวันนี้ สองปีแล้ว

พอมานึกย้อนดูตอนนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาล บริษัทก็เริ่มไม่ค่อยราบรื่น ตอนแรกก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าสนใจ หลังจากนั้นผู้จัดจำหน่ายมีปัญหา ทำให้สินค้ารุ่นหนึ่งต้องทิ้งไป เรื่องนี้เหมือนเป็นชนวนระเบิด ก่อให้เกิดปัญหาหนึ่งตามมาอีกปัญหาหนึ่ง ธุรกิจที่เคยทำได้อย่างคล่องแคล่วกลับกลายเป็นอุปสรรค รับออเดอร์ใหม่ไม่ได้ เงินกู้จากธนาคารก็ถึงกำหนดต้องใช้คืนแล้ว

ในเวลาแค่สองปี พ่อเจียงจากนักธุรกิจที่คนอิจฉาตาร้อน กลายเป็นคนหมดตูดอย่างตอนนี้ ส่วนเฉินหยู่เฉิงตอนนี้โด่งดังเป็นพลุแตก เทียบได้กับความรุ่งเรืองของเขาเมื่อก่อนเลย

พ่อเจียงดึงจี้หยกออกจากคอ มือสั่นระริก "คุณจะบอกว่าเพราะจี้หยกนี่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้เหรอ?" เขามองไปที่ลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังคิดไม่ตก "คุณไม่ได้บอกหรือว่าลูกชายฉันเกิดมาพร้อมโชคลาภ? แล้วทำไมจู่ๆ มาเกี่ยวข้องกับจี้หยกที่เราสองคนใส่ล่ะ?"

หลินชิงอิ่นยื่นมือไปหยิบจี้หยกจากมือพ่อเจียงมาด้วย วางไว้ข้างๆ กับของแม่เจียง พอดีกับที่เอามาประกอบกันเป็นรูปหัวใจได้ ส่วนสีแดงข้างในเมื่อนำมาต่อกันก็พอมองเห็นเค้าโครงหน้าตาคนคล้ายๆ

"เจียงเว่ยมีดวงแข็ง โชคชะตาเข้มแข็ง ถ้าเอาตัวเขาไปทำพิธีเพื่อแย่งชิงโชคชะตาโดยตรงอาจจะสะท้อนกลับมาได้ง่าย เลยคิดวิธีอ้อมแอ้มแบบนี้" หลินชิงอิ่นชี้ไปที่จี้หยกทั้งสอง "จี้หยกคู่นี้ต้องผ่านการทำพิธีมาก่อนแล้ว ขอแค่มีเลือดติดไปก็จะมีชีวิตแทนคุณสองคน นั่นก็คือถ้ามีใครทำพิธีใส่จี้หยกนี่ คนที่โดนคือคุณสองคนนั่นแหละ"

เห็นสีหน้าหน้าตาไม่ดีของพ่อเจียง หลินชิงอิ่นจิ้มไปที่รอยเลือดบนนั้น "นี่เป็นอู่หยกคู่ อีกฝ่ายน่าจะมีหยกแม่อยู่ในมืออีกก้อนหนึ่งเพื่อใช้ทำพิธี พูดง่ายๆ ก็คือเขาเอาเลือดของคุณสองคนไปสร้างเจียงเว่ยปลอมขึ้นมาเพื่อทำให้โชคชะตาสับสน แย่งเอาดวงดีที่เดิมเป็นของเจียงเว่ยไป"

เธอมองดูกาลกิณีบนหน้าผากของเจียงเว่ย ส่ายหน้า "ถ้าอีกฝ่ายแค่แย่งชะตาชีวิตของเจียงเว่ยไปอย่างเดียว พวกคุณก็คงไม่ตกต่ำขนาดนี้หรอก แต่อีกฝ่ายกลัวว่าวันหนึ่งข้างปลอมจะกดข้างจริงไม่อยู่ เลยเอากาลกิณีมากลบตำแหน่งลูกหลานไว้อีกทีหลังจากแย่งโชคไปแล้ว ตำแหน่งลูกหลานคือตำแหน่งชะตาชีวิตตามธรรมชาติ เป็นที่รวมชี่วิญญาณ ถูกกาลกิณีครอบงำไม่เพียงแต่จะทำให้ชะตาชีวิตไม่ดี ยังส่งผลต่ออายุขัยด้วย ความเป็นอยู่ของครอบครัวคุณเกี่ยวพันอยู่กับเจียงเว่ย พอตัวเขาเป็นแบบนี้แล้ว พวกคุณจะไม่ซวยได้ยังไง?"

หลินชิงอิ่นยื่นมือไปทางเจียงเว่ย "สองปีนี้พ่อทูนหัวของเธอให้ของขวัญอะไรเธอบ้าง?"

เจียงเว่ยสีหน้าไม่ค่อยดี เดินกลับเข้าห้องไป สักพักก็ยกหมวกใบหนึ่งออกมา พอหวังหูเห็นยี่ห้อบนนั้นก็อดสูดลมหายใจเข้าไม่ได้ "หมวกใบนี้ผมเห็นในเน็ตมาแล้ว หนึ่งหมื่นแปดเหรียญเชียวนะ"

เจียงเว่ยลูบหมวกในมือ สีหน้ามีความผิดหวังเล็กน้อย "หลังจากบ้านเราล้มละลาย ผมก็เอาของแบรนด์เนมที่เคยใช้ไปขายมือสองหมด พ่อทูนหัวเห็นแล้วสงสาร เลยให้หมวกใบนี้เป็นของขวัญวันเกิด" เขาโยนหมวกลงบนโต๊ะน้ำชา เกาที่หน้าผากตัวเองอย่างเย้ยหยัน "นอกจากช่วงซัมเมอร์ ผมจะใส่หมวกใบนี้ตลอด ใส่จนรู้สึกผูกพันซะแล้ว"

"ของขวัญนี่ให้ตรงไปตรงมาเลยนะ!" หลินชิงอิ่นมองออร่าสีดำที่ห่อหุ้มหมวกอยู่ อดถอยหลังไปสองก้าวไม่ได้ "ดูเหมือนจะเป็นของชิ้นนี้แหละ"

พ่อเจียงมองของที่เพื่อนซี้ให้วางอยู่บนโต๊ะ ในใจรู้สึกสับสนมาก เขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดของหลินชิงอิ่นหรือไม่ ตั้งแต่บ้านตกอับมา คนที่มาเยี่ยมดูแลทุกเดือนก็มีแต่เพื่อนซี้ เฉินหยู่เฉิงนี่แหละ พอได้ยินว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองชีวิตพังพินาศ พ่อเจียงก็ยากจะยอมรับความจริงนี้ แต่ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่เชื่อว่าพวกนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด

เมื่อเทียบกันแล้ว แม่เจียงใจเย็นกว่ามาก เธอยื่นมือดันพ่อเจียงไปอีกทาง ประนมมือไหว้หลินชิงอิ่นอย่างนอบน้อม "ท่านอาจารย์ คุณว่าบ้านเราสถานการณ์แบบนี้ต้องจัดการยังไงดี?"

หลินชิงอิ่นในชาติก่อนบำเพ็ญเพียรตามเส้นทางใหญ่ มองเห็นความลับสวรรค์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าวิชาเล็กๆ แบบนี้เธอจะไม่รู้ กลเม็ดพวกนี้ที่หวังทำให้โชคชะตาสับสนในสายตาเธอถือว่าไม่คู่ควรสนใจด้วยซ้ำ เพียงแต่เดี๋ยวนี้ตัวเธอไม่มีพลัง การปลดเปลื้องกลเม็ดเล็กๆ นี้ก็ต้องลงแรงหน่อย

เธอเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเบาบาง "แสงแดดในสวนของคุณดีนะ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด