ตอนที่แล้วบทที่ 75 - ออกเดินทางด้วยกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77 - พักผ่อนที่เมืองหลุนวา

บทที่ 76 - มาถึงอาณาจักรต้าลู่


ผมพาพวกเขาตรงกลับไปที่ชายแดนระหว่างอาณาจักรซิวต้ากับอาณาจักรอ้ายเซี่ย ตอนแรกพวกเขาคิดว่าผมพาไปผิดทาง จนได้ฟังผมอธิบายว่าผมยังต้องไปหาใครบางคนก่อน พวกเขาถึงเชื่อว่าผมไม่ได้หลงทิศ

ผมให้สัญญากับพี่ใหญ่จ้านหู่ว่าหลังจากที่เสร็จธุระในเมืองซิวต้าแล้ว ผมจะต้องกลับมาตามหาเขาก่อน เอาข่าวครอบครัวเขากลับมาเล่าให้เขาฟัง แน่นอนว่าผมต้องกลับไปที่หมู่บ้านโจรนั่นก่อน แม้ว่าระยะทางมันจะไกลขึ้นอีกมาก แต่พวกของซิวซือก็ไม่ได้บ่นอะไร

นี่มันก็เข้าใจได้ง่าย ๆ เลย เพราะตั้งแต่ออกเดินทางมา พวกเขาตื่นเต้นกันมาก เหมือนออกมาเที่ยวชมวิวทิวทัศน์กันมากกว่า แม้ว่าซิงโอวกับเกาเต๋อจะอายุเกือบ 30 ปีแล้ว แต่พวกเขาทั้งคู่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กเลย ส่วนตงรื่อก็วิ่งไปหาอะไรที่ไม่เคยเห็นไม่เคยเจอกลับมาอวดเป็นระยะ แม้แต่ซิวซือก็ทำตัวผ่อนคลายมากอย่างไม่น่าเชื่อ

หลังจากเดินทางอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ในที่สุดพวกเราก็มาถึงจุดหมายจนได้ แต่แค่พอเราเริ่มเข้าเขตเทือกเขา เราก็เจอปัญหาแล้ว กลุ่มคน 20 กว่าคนกระโดดลงมาจากต้นไม้ ล้อมพวกเราไว้ หัวหน้าของพวกมันตะโกนออกมา “หยุดเดี๋ยวนี้! พวกแกคิดว่าจะไปไหนกัน? ส่งของมีค่าออกมาให้หมด แล้วรีบหันหลังกลับไป มาทางไหนกลับไปทางนั้น อย่าขัดขืน! ไม่อย่างนั้นอย่างโทษว่าปู่ของเจ้าใจร้ายล่ะ”

ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดินมาเจอกับลูกน้องของพี่ใหญ่เข้าแล้ว ผมเดินล้ำออกไปข้างหน้า มองไปที่พวกโจรนั่น เหมือนว่าจะเป็นคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ พี่ใหญ่ใช่มั้ยนะ? ผมไม่แน่ใจว่าเขายังจะจำผมอยู่ได้มั้ย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “อา!! หัวหน้ารอง”

ผมนี่ล่ะปวดหัว ผมถามออกไปดัง ๆ “ข้าไปเป็นหัวหน้ารองตั้งแต่เมื่อไหร่?”

กลุ่มโจรได้ยินเสียงผม ก็กล่าวด้วยความดีใจ “ใช่ท่านจริง ๆ ด้วย หัวหน้ารอง!” ได้ยินเหล่าโจรเรียกผมเป็นหัวหน้ารอง ตอนที่ผมหันกลับไปมองด้านหลัง มีแต่สายตาแฝงด้วยความสงสัยจ้องมองมา เฮ้อ!! มันช่างน่าปวดหัวจริง ๆ อย่ามาคิดว่าผมเป็นหัวหน้าโจรไปด้วยเลยนะ พวกนายน่ะ

“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าหัวหน้ารอง! พี่ใหญ่จ้านหู่สบายดีมั้ย?”

“ท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหัวหน้าเรา ดังนั้นท่านต้องเป็นหัวหน้ารองอย่างแน่นอน หัวหน้าพูดถึงท่านบ่อยมาก ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว พวกเรารีบกลับเข้าไปในหุบเขากันเถอะ พี่น้อง! เปิดทางให้หัวหน้ารอง”

จ้านหู่ออกมาต้อนรับพวกเราตั้งแต่ตอนที่เราเพิ่งเข้าเขตหมู่บ้าน ดูเหมือนว่าที่นี่จะวางเวรยามเอาไว้ไม่น้อย ผมรีบวิ่งเข้าไปกอดทักทายเขา “พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว” เสียงของผมเต็มไปด้วยความดีใจ

“ดี! ดี! ดีมาก! เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ไป! พวกเราไปคุยกันที่บ้าน”

หลังจากมาถึงกระท่อมโกโรโกโสของจ้านหู่ ผมเริ่มแนะนำเพื่อนร่วมทางให้เขารู้จัก พี่ใหญ่ดีใจมากที่ได้เจอคนที่มาจากบ้านเกิดของเขา หลังจากนั้นก็นำอาหารน่าอร่อยออกมาจัดเลี้ยงต้อนรับพวกเขา

บนโต๊ะอาหาร ผมเห็นพี่ใหญ่มีอาการกระวนกระวาย ก็รู้ว่าเขาต้องการจะถามอะไร เลยยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ บ้านของพี่ยังดีอยู่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เดี๋ยวหลังจากพวกเรากินข้าวเสร็จ ข้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด” จ้านหู่เลยค่อยสงบลงได้

ระหว่างมื้ออาหาร ทุกคนครึกครื้นกันมาก เรียกจ้านหู่ว่าพี่ใหญ่กันทุกคน เหมือนว่าวันนี้พี่ใหญ่เจตนาจะไม่ดื่มเหล้ามากนัก แน่นอนผมก็แค่จิบ ๆ เหมือนกัน

กลางดึก หลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว จ้านหู่กับผมเดินอยู่ด้วยกันที่เนินเขา ผมเริ่มอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผมออกจากหมู่บ้านนี้ไป เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าพี่รองของเขาตอนนี้บรรลุถึงระดับอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้ว และรู้สึกตระหนกเมื่อรู้ว่าผมเคยได้รับบาดเจ็บหนัก

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ซานหยุนบอกว่าพวกเขาคิดถึงพี่มาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้โทษพี่เลย พี่รีบกลับบ้านให้เร็วหน่อยได้มั้ย? พี่ใหญ่ซานหยุนสัญญากับข้าว่าเขาจะไม่บอกเรื่องพี่กับท่านจอมพล แต่ข้ารู้สึกว่าพี่ควรจะกลับได้แล้ว เวลามันผ่านมานานมากแล้ว”

จ้านหู่ถอนหายใจแรง “ข้าควรจะต้องกลับไปดูแล้วจริง ๆ ท่านพ่อชรามากแล้ว ลูกชายอกตัญญูคนนี้ไม่ควรปล่อยให้เขาเป็นห่วงให้นานนัก รอจนพวกเราพาเจ้าไปหาดาบศักดิ์สิทธิ์พบแล้ว ข้าจะกลับไป”

“หา!! พี่ใหญ่! พี่ใหญ่จะไปกับข้าด้วยเหรอ? พี่ไม่ต้องไปก็ได้ รีบกลับไปซิวต้าเถอะ”

“เจ้าเด็กนี่! คิดว่าดาบศักดิ์สิทธิ์มันหาพบง่าย ได้รับมาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเจ้าต้องเจออันตรายอย่างไม่จบสิ้นแน่ ถ้าข้าไม่ร่วมทางไปกับพวกเจ้า ข้าจะวางใจได้ยังไง? เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะไปด้วย”

“พี่ใหญ่....” ผมได้แต่กอดไหล่เขาโดยไม่มีคำพูดใด ๆ

ตอนที่เราออกจากหมู่บ้านมาในวันรุ่งขึ้น พวกเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ทุกคนให้ความเคารพจ้านหู่เป็นอย่างมาก ก็เขาเป็นถึงพี่ใหญ่ของผมนี่ พวกเราออกเดินทางไกลเพื่อหาประสบการณ์แล้ว ใช่! มันเป็นการเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แม้ว่าเริ่มแรกมันควรจะเป็นการเดินทางของผมคนเดียว ตามความตั้งใจตอนแรกของอาจารย์ตี้ แต่มันก็แค่กลายเป็นการเดินทางหาประสบการณ์ของคน 6 คนเอง อาจารย์ตี้ไม่น่าจะบ่นอะไรหรอก ก็พวกเขาอยากติดตามผมมาเองนี่ ผมเป็นคนปฏิเสธคนอื่นไม่เก่งนี่นา ผมลองพยายามโน้มน้าวพี่ใหญ่อีกครั้งแล้ว ให้อยู่ดูแลหมู่บ้าน แต่คำตอบของเขาคือ ตอนนี้ที่หมู่บ้านมีเงินเก็บอยู่มากพอสมควรแล้ว ตอนที่เขาไม่อยู่ คนในหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องออกไป ‘ล่า’ ได้อีกสักพัก พวกเขาสามารถรออย่างสงบในหมู่บ้านได้ แล้วผมจะพูดอะไรได้อีกล่ะ

พวกเรามุ่งหน้าไปเขตปกครอง ‘เคอน่า’ ของอาณาจักรต้าลู่ มันเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่อาจารย์ตี้มอบให้ผม มันไม่ใช่ระยะทางสั้น ๆ เลย อาณาจักรต้าลู่อยู่อีกด้านของอาณาจักรซิวต้า นั่นหมายความว่า เราต้องเดินทางผ่านอาณาจักรซิวต้าทั้งประเทศ ดังนั้นตอนที่เราออกมาจากหมู่บ้าน พวกเราเลือกที่จะนำม้ามาด้วย

นอกจากผมแล้ว พวกเขาทุกคนเป็นอัศวิน พวกเขาเก่งเรื่องการควบคุมม้ามาก ผมเคยขี่ม้าแค่ไม่กี่ครั้งเอง แต่พวกเขามอบตัวที่สูงที่สุด แข็งแรงที่สุดให้ผม แค่พวกเราเดินทางออกมาได้ไม่ไกลนัก ผมก็ปวดไปหมดทั้งตัวแล้ว ผมต้องใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ปกป้องร่างกายของผมมั้ยเนี่ย? ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ผมต้องขอร้องให้พวกเขาสอนวิธีการขี่ม้าที่ถูกวิธีให้ผม หลังจากเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ผมก็พอที่จะขี่ม้าได้โดยไม่เจ็บ ไม่เหนื่อยมากแล้ว ผมเคยคิดที่จะบอกให้พวกเขาขี่ม้าไปกันเอง ส่วนผมจะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายตามไป แต่คงไม่มีใครยอมเห็นด้วยแน่ ผมมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ ผมคงต้องทนแหละ

หลังจากเดินทางกันมาเกือบ 2 เดือน พวกเราก็มาถึงชายแดนของอาณาจักรต้าลู่จนได้ ผมมองแผนที่ เขตปกครองเคอน่ายังอยู่ห่างไปอีกเกือบ 400 กิโลเมตร แต่ที่อยู่เบื้องหน้าของเราตอนนี้คือ ‘เมืองหลุนวา’

ผมหันไปบอกกับทุกคน “หลังจากที่พวกเราเข้าเมืองแล้ว พวกเราควรหาที่พักแล้วพักให้สบายก่อนสัก 2 วัน พวกเราเดินทางกันมาอย่างหนัก ตอนนี้ฉันเหมือนจะตายอยู่แล้ว”

ได้ยินเสียงซิงโอวเยาะเย้ยกลับมา “อา! เมธีเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หมดแรงเดินทางแล้ว น่าเสียดายที่นายไม่รู้จักเวทย์ลม ไม่อย่างนั้นนายคงเหาะไปได้แล้ว”

คำพูดของซิงโอวสะกิดให้ผมนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ตอนที่เราเริ่มเคลื่อนที่ต่อเพื่อเข้าเมืองหลุนวา ผมหันไปถามจ้านหู่ “ข้าเคยได้ยินอาจารย์บอกว่า ถ้าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้บรรลุถึงระดับหนึ่ง เราจะสามารถใช้มันเหาะได้ มันเป็นเรื่องจริงมั้ย?”

จ้านหู่ตอบกลับมาด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะรู้เรื่องนี้ด้วย ใช่! มันสามารถเหาะได้โดยใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่เจ้าต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ระดับอัศวินสวรรค์ จริง ๆ แล้วนี่คือเหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกว่าอัศวินสวรรค์ด้วย”

ผมรีบถามต่อด้วยความตื่นเต้น “แล้วพี่กับซิวซือเหาะได้มั้ย?”

เสียงของซิวซือขัดจังหวะเข้ามาจากด้านข้าง “ก็พอได้! ฉันสามารถเหาะได้ราว ๆ 5 กิโลเมตรก่อนที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของฉันจะหมด พี่ใหญ่จ้านหู่น่าจะเหาะได้ไกลกว่านั้น”

“ก็ไม่ได้ไกลกว่าสักเท่าไร” พี่ใหญ่หู่จ้านดูเหมือนจะถ่อมตัว

ผมรีบพูดด้วยอย่างโหยหา ผมอยากเรียน “ฉันล่ะอิจฉาพวกนายจริง ๆ อา! มันจะดีขนาดไหนนะ ถ้าเหาะได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด