ตอนที่แล้วบทที่ 72 - สิ้นสุดการประลอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 74 - ไปเยี่ยมซานหยุน

บทที่ 73 - เตรียมตัวเดินทาง


คำพูดของซิงโอวทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจ ผมพูดด้วยรอยยิ้มกลับไปที่เขา “สบายใจได้ พวกเราต่างก็เป็นคนในหน่วยรบ ในทีมเดียวกัน ผมไม่มีทางลืมพวกคุณหรอก แล้วตงรื่อกับซิวซือเป็นยังไงบ้าง?”

“ถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง แต่พวกมันไม่ได้ถึงชีวิต พวกเขาจะดีขึ้นหลังจากได้พักผ่อน ไม่ต้องคุยกันต่อแล้ว นายก็ควรพักผ่อนด้วย ฉันจะเรียกนายตอนที่จะกินข้าว”

“ได้เลย! ตอนนี้ผมก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ผมนอนต่อแล้วนะ” ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังถือว่าน่าพอใจ เมื่อใจรู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายก็เริ่มสบายตัว ผมเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันในเวลาไม่นานนัก

หลังจากเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมอะไรลอยมา มันยั่วยวนจนทำให้ผมต้องปลุกให้ตัวเองตื่นจากความฝัน ผมเปิดตาของผมด้วยอาการงุนงง หวา! ทำไมทุกคนได้กินกันแล้วล่ะ? ของผมล่ะ? ผมรีบถามทันที “อา! มันมีเผื่อผมบ้างมั้ย? ผมหิวมากเลย?”

อาจารย์เหวินก็อยู่ในห้องนี้ด้วย หลังจากเห็นผมตื่นขี้นมาแล้ว เขาก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “เธอตื่นพอดี ฉันกำลังว่าจะปลุกให้มากินข้าว เธอนี่มันตะกละดีจริง ๆ ลุกขึ้นมา! มากินข้าวได้เลย” คนรับใช้ช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะวางโต๊ะเล็ก ๆ ไว้บนเตียง เธอหยิบเอาชามซุปข้น ๆ มาให้ พร้อมกับขนมปัง

ผมกล่าวออกมาแบบอาย ๆ “ผมขอโทษครับ อาจารย์เหวิน! ผมทำภารกิจให้อาจารย์ไม่สำเร็จ”

อาจารย์เหวินส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “เด็กน้อย เธอทำได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ต่อไป ห้ามใจร้อนใช้เวทย์พลังชีวิตเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีหน้าไปเจอเหล่าหยุนแน่ อีกอย่าง ปี่ฉีไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น ถ้ามันเป็นการประลองที่ยุติธรรม พวกเราเอาชนะได้แน่ ความจริงแล้ว บางครั้งการแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป ความพ่ายแพ้ของเธอจะทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าเธอยังขาดอะไร ในอนาคตเธอต้องพยายามฝึกฝนในส่วนที่ขาดหายไป พอแล้ว! กินเถอะ” หลังจากสั่งสอนจบ เขาก็บอกให้พวกเรากินข้าว

ส่วนผมน่ะพูดไม่ออกแล้ว ตอนนี้ผมน้ำลายเต็มปากไปหมดแล้ว ซุปนั้นหอมมาก ยิ่งตอนที่ผมดื่มมันเข้าใป กลิ่นหอมตลบอบอวนไปหมด หวา!! อร่อยมากกก! อร่อยจนผมต้องเอ่ยปากถาม “นี่มันซุปอะไรกันแน่? ทำไมมันอร่อยอย่างนี้?”

ซิวซือเป็นคนตอบ “นี่เป็นซุปสูตรลับของทางราชวงศ์ ชื่อซุปอมตะ มันตุ๋นมาจากสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เห็ด โสมโบราณ เขากวาง แล้วก็ยาสมุนไพรมีค่าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน มันต้องใช้เวลาตุ๋นนานมาก ราคาก็แพงมากเช่นกัน ตอนนี้นายมีโอกาสได้ลิ้มรสมันแล้ว หึหึ!”

ผมนี่หน้าแดงเลยตอนที่พึมพำกับตัวเอง “ไม่ใช่แค่ฉันสักหน่อย พวกนายพูดว่าแค่ฉันได้ยังไง? พวกนายไม่ได้กินมันด้วยเหรอ?” ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมก็ร่วมหัวเราะไปด้วย แล้วก็ต้องหยุดเพราะเริ่มเจ็บแล้ว เหมือนกลิ่นของซุปนี่แหละ มิตรภาพของพวกเราอบอวนไปทั่วห้อง หลังจากที่ผ่านการบททดสอบของชีวิตและความตายมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราใกล้ชิดกันมากขึ้น

เหมือนกับพายุพัดผ่าน ผมกวาดอาหารของผมหมดเรียบร้อยในขณะที่ทุกคนยังคงกินกันอยู่ ผมมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นคนช้าแล้ว “ตงรื่อ! ขนมปังของนายอร่อยมั้ย?”

ตงรื่อหัวเราะที่เห็นผมยังตะกละได้ทั้งที่ยังป่วย “เอ้านี่ เอาไป” ผมรับขนมปังที่โยนมาอย่างแม่นยำด้วยปาก ผมหันไปหาซิวซืออีก “ซิวซือ! ทำไมซุปของนายไม่เหมือนของฉันเลยล่ะ มันรสชาติเป็นยังไง?” ไม่มีใครรับได้หลังจากที่ได้ยินคำพูดผม เกาเต๋อถึงกับอ้าปากค้าง ขนมปังนั่นตกลงมาจากปากของเขาแล้ว น่าเสียดาย! “อย่าทำอาหารตกสิ ถ้านายไม่กินก็อย่าทำให้เสียของ”

ร้อนถึงอาจารย์เหวินต้องเข้ามาปรามเอาไว้ “จางกง! เลิกพูดเล่นได้แล้ว! ถ้าไม่อยากฆ่าพวกเขาก็ไม่ต้องชวนพวกเขาคุยแล้ว บาดแผลของพวกเขายังไม่หายดี เดี๋ยวแผลเปิดหมด แล้วก็เธอก็กินน้อย ๆ หน่อย อาการของเธอยังไม่ได้ดีมาก กินมากเกินไปมันไม่ดี”

ได้ยินคำพูดของอาจารย์เหวิน ผมได้แต่เอนตัวนอนลงกับเตียงอย่างไม่พอใจนัก ผมไม่เคยกินอาหารดี ๆ อย่างนี้มาก่อน ผมต้องกินให้มากขึ้นอีกคราวหน้า ตอนที่ไม่มีใครสนใจ ผมแอบบอกคนรับใช้ให้เตรียมอาหารให้ผมมากกว่าเดิม

พวกเราได้กินอาหารบำรุงร่างกายอย่างดีทุกวัน จนอาการบาดเจ็บหลัก ๆ ของทุกคนหายดี มันใช้เวลาประมาณ 10 วัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเราฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่านะ ผมไม่ได้อยากหายดีเร็วขนาดนี้ ผมยังไม่เต็มอิ่มกับอาหารชาววังเลย!

วันนี้อาจารย์เหวินพาพวกเราไปเข้าเฝ้าองค์ราชา หลังจากเห็นว่าพวกเราเกือบหายดีแล้ว ผมคิดว่าอย่างนี้ก็ถูกแล้ว พวกเราไม่สามารถมาอยู่ฟรีกินฟรีได้ อย่างน้อยเราต้องไปแสดงความเคารพสักหน่อย

หลังจากเดินมาได้สักพัก ผมเริ่มรู้สึกว่าวังหลวงนี่เหมือนกับเขาวงกตเลย แค่ไม่กี่นาทีผมก็เริ่มสับสนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ไม่มีใครไม่งงทางเลย

พวกเรามาถึงที่หน้าอาคารที่ดูใหญ่โตรโหฐาน มันสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ผมได้ยินมาจากอาจารย์เหวินว่า นี่คือท้องพระโรงของอาณาจักรซิวต้า หลังจากที่ทุกคนเดินเข้าไป อาจารย์เหวินบอกให้พวกเราคุกเข่าลง พวกเราทำตามและเริ่มตะโกนถวายพระพร ทรงพระเจริญ! ทรงพระเจริญ! ทรงพระเจริญ! หลังจากถวายพระพรเสร็จ ผมแอบเงยหน้าขึ้นดู

นี่คือราชาของอาณาจักรซิวต้า? นั่งอยู่บนราชบัลลังก์ในชุดอันสง่างาม อายุประมาณ 70 ปีแล้ว เขานั่งตัวตรงอยู่บนนั้น ดวงตาเป็นประกายเหมือนมีสายฟ้าอยู่ในนั้น

“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นได้”

ราชาของซิวต้าทรงให้ความยอมรับพวกเรามาก พระองค์ทรงถามพวกเราว่าอยากรับราชการในหน่วยงานของอาณาจักรหรือไม่ พวกเราทุกคนพูดอะไรไม่ออกอยู่นานมาก และผมพบว่าพวกเขากำลังพากันมองมาที่ผมอยู่ อา! พวกนายคิดอะไรกัน? นี่พวกนายคิดอะไรกันอยู่เนี่ย? ทำไมถึงได้แต่มองมาที่ฉัน? เฮ้อ! พวกเขารู้กันมั้ยว่าผมไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรซิวต้าด้วยซ้ำ พวกเขายังบังคับให้ผมเป็นหัวหน้าของพวกเขาอีก

ผมคิดอยู่ในใจว่า พวกเรายังอายุน้อยอยู่มาก และจากการประลองนั้นแสดงให้เราเห็นว่าพวกเรายังขาดทักษะ และประสบการณ์อยู่อีกไม่น้อย พวกเรายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ และในอนาคต พวกเขาจะได้ใช้ความสามารถของพวกเขารับใช้อาณาจักรแน่ เห็นพวกเราไม่ยอมตอบอะไร อาจารย์เหวินแอบสะอึกอยู่เงียบ ๆ

ยังถือว่าโชคดีที่พระองค์ไม่ทรงถือสากับการที่พวกเราไม่ตัดสินใจอะไร พระองค์ไม่ทรงกดดันอะไรพวกเรา แค่กล่าวคำชื่นชมออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วทรงให้พวกเรากลับออกมาได้

ในที่สุด พวกเราก็กลับมายังกระท่อมไม้ในสวนของอาจารย์เหวิน ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้มีอาหารเลิศรสอะไรมากมาย แต่ผมยังรู้สึกดีเพราะมันมีอิสระมากกว่าการอยู่ในเขตวังหลวง

หลังจากกลับมา แม้จะจบการประลองไปแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ยุบทีมของพวกเราลง พวกเรายังฝึกซ้อมอยู่ด้วยกันทุกวัน ทั้งด้านการฝึกฝนร่างกาย และการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ผมสอนพวกเขาเบื้องต้นเกี่ยวกับเวทย์แสง และเรียนรู้วิชายุทธ์จากอาจารย์เหวินเพิ่มอีกไม่น้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันผ่านไป 3 เดือนแล้วอย่างไม่รู้ตัว

ถึงแม้ว่าผมจะยังอยากฝึกฝนอยู่กับพวกเขา ยังจะไม่อยากแยกจากเพื่อนร่วมทีมไป แต่ผมยังมีภารกิจที่ต้องทำ ผมตามหาอาจารย์เหวินและคุยกันเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ “อาจารย์ครับ ขอบคุณสำหรับการสั่งสอน และการดูแลในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมต้องออกเดินทางต่อแล้ว ผมว่าจะไปทำภารกิจที่อาจารย์ตี้มอบหมายให้ต่อแล้วครับ”

อาจารย์เหวินตบไหล่ผม พร้อมถอนใจ “พูดจากใจจริง อาจารย์ไม่อยากให้เธอไปเลย ตอนนี้เธอก็เหมือนลูกศิษย์ของอาจารย์คนหนึ่ง”

“ผมก็คิดว่าผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แล้วเหมือนกัน แล้วผมจะกลับมาอีกครับ จะกลับมาเยี่ยมพวกเราทุกคน”

เขาฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “เอาเถอะ! ไปบอกเรื่องนี้กับทุกคนเสีย! แล้วก็ไปเตรียมตัว เธอออกเดินทางพรุ่งนี้ได้เลย” ผมพยักหน้ารับคำ เดินออกไปที่สวนด้านนอก แล้วก็แปลกใจเล็กน้อย ที่พวกเขาไม่ได้เศร้าอะไรมากมาย หลังจากผมบอกพวกเขาเรื่องที่จะต้องเดินทางต่อเพื่อทำภารกิจ นี่มันทำให้ผมหมดความมั่นใจเลยนะ! ผมกลับไปเก็บของที่ห้อง เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด