ตอนที่แล้วตอนที่ 185: เข้าสู่เขตแรงโน้มถ่วงสูง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 187: บล็อกหิน

ตอนที่ 186: ลูกบาศก์ปริศนา


ตอนที่ 186: ลูกบาศก์ปริศนา

โทมาฮอว์กบินผ่านอาคารทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง โดยอาคารพวกนี้ไม่มีประตูหรือหน้าต่างให้เข้าไปด้านในเลยแม้แต่บานเดียว

ภาพของอาคารนี้ทำให้เซี่ยเฟยนึกถึงพีระมิดของโลกเพียงแต่ว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าและดูเก่าแก่กว่ามาก

ใครเป็นคนสร้างอาคารขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูง?

อาคารนี้มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่?

มนุษย์เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาจริง ๆ หรอ?

เซี่ยเฟยรู้สึกติดใจกับคำถามเหล่านี้มากและเขาก็ตัดสินใจที่จะลงไปสำรวจด้วยตัวเอง แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็จำเป็นที่จะต้องสอดส่องดวงดาวให้ทั่วทุกมุมเพื่อดูว่าลุงพอตเตอร์เคยมาที่นี่หรือเปล่า

อาคารปริศนาพวกนี้ไม่ได้มีขนาดเล็กเลยและเนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงขึ้นจากเดิม โทมาฮอว์กจึงสามารถบินสำรวจได้อย่างช้า ๆ เท่านั้น

เซี่ยเฟยกับอันธมองภาพตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา ซึ่งพื้นที่บางส่วนมองเห็นได้ไม่ชัดพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องซูมภาพเข้าไปดูเป็นระยะ ๆ

กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านพ้นไปแล้วถึง 7 ชั่วโมง

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นพื้นสีแดงที่มีร่องรอยว่าพื้นที่บริเวณนั้นเคยมียานอวกาศร่อนลงจอด

ทุกครั้งที่ยานอวกาศร่อนลงจอดมันจะใช้เครื่องยนต์ไอพ่นเพื่อชะลอความเร็วให้ตัวยานลงจอดอย่างช้า ๆ ซึ่งในกระบวนการจะมีแรงลมพัดทุกอย่างให้กระจัดกระจายหลงเหลือไว้เพียงแต่พื้นที่ไร้ฝุ่นดิน

แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือเขตแรงโน้มถ่วงสูง ถ้าไม่ได้มีพายุที่มีความรุนแรงหรือเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงมากจริง ๆ แรงลมที่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถพัดฝุ่นที่เกาะบนพื้นผิวของดาวออกไปได้เลย เพราะแรงโน้มถ่วงในพื้นที่บริเวณนี้รุนแรงมากเกินไป

“บินเข้าไปใกล้ ๆ ตรงนั้น” เซี่ยเฟยสั่งการให้โทมาฮอว์กบินเข้าไปใกล้ ๆ กับร่องรอยที่เขาได้ค้นพบ

บนพื้นผิวดาวมีรอยกด 6 รอยอยู่บนพื้นดิน ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นรอยที่เกิดขึ้นมาจากล้อของยานรบ

“ดูนั่น! ฉันว่าลุงพอตเตอร์น่าจะเคยมาที่นี่” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น

“อือใช่ แต่ดูเหมือนเขาน่าจะออกไปแล้ว” อันธกล่าว

“ฉันจะลองลงไปดู บางทีฉันอาจจะพบเบาะแสอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะสั่งให้ยานลงไปจอดใกล้ ๆ กับร่องรอยนั้น

การพยายามออกจากยานในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงมีอันตรายสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะร่างกายจะต้องรับแรงกดดันมากกว่าสภาวะปกติหลาย 10 เท่า และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นนักสู้ชั้นยอดแต่การพยายามเอาชีวิตรอดภายในพื้นที่บริเวณนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ในเมื่อเฒ่าพอตเตอร์ไม่อยู่แล้วนายจะลงไปสำรวจทำไม? บางทีถ้าเราไปยังจุดหมายต่อไปเราอาจจะเจอเขาเลยก็ได้” อันธไม่อยากเห็นเซี่ยเฟยลงไปเสี่ยง เขาจึงพยายามโน้มน้าวให้ชายหนุ่มมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ต่อไป

“ฉันจะต้องลงไปดูว่าลุงพอตเตอร์กำลังพยายามหาอะไรอยู่ แล้วฉันก็คิดว่าอาคารพวกนี้มันแปลกประหลาดมากจนเกินไป นายไม่สนใจจะสำรวจมันจริง ๆ หรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบชุดอวกาศมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว

“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะสนใจหรือเปล่า สิ่งที่สำคัญมันคือนายสนใจต่างหาก!” อันธกล่าวพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

คำพูดของอันธทำให้เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะกล่าวออกไปว่า

“ไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีอันตรายอะไรหรอก ถ้าพิจารณาจากการที่ลุงพอตเตอร์ถอยออกไปได้แสดงว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดของสถานที่แห่งนี้ก็คือแรงโน้มถ่วง”

คำพูดของเซี่ยเฟยสมเหตุสมผลมาก เพราะถ้าหากว่าพอตเตอร์สามารถออกไปจากที่นี่ได้ มันก็แสดงว่าเขาไม่ได้พบอันตรายใด ๆ ซึ่งเขาก็คงจะลงไปเดินสำรวจอาคารพวกนี้แล้ว ก่อนที่จะพบว่ามันไม่มีอะไรที่เขาต้องการ

ในเวลาเดียวกันแฮร์ริสก็เดินออกมาจากห้อง แต่เมื่อเขาเห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังจะออกไปนอกยานเขาก็กล่าวขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วว่า

“ฉันคิดว่ามันคงจะปลอดภัยกว่าถ้าหากคุณใส่ชุดอวกาศ 2 ชั้น”

ชุดอวกาศมีอยู่ 2 ประเภท โดยประเภทแรกทำขึ้นมาจากโลหะผสมความแข็งแกร่งสูง ที่มีสภาพเสมือนกับชุดเกราะเพื่อต้านทานสภาวะแวดล้อมอันแปลกประหลาดนี้ที่พร้อมจะเกิดขึ้นในอวกาศได้ทุกเมื่อ

ชุดอวกาศอีกประเภทคือชุดที่ทำขึ้นมาจากวัสดุที่มีความอ่อนนุ่มกว่า และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีความแข็งแรงเหมือนกับชุดอวกาศประเภทแรก แต่มันก็เป็นชุดที่สวมใส่สบายและทำให้ผู้สวมใส่ไม่ได้รู้สึกเทอะทะ

ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ถ้าหากว่าเขาได้สวมใส่ชุดอวกาศแบบแข็ง มันก็มีโอกาสที่ชุดจะถูกทำลายสูงมากเนื่องจากไม่สามารถรับแรงกดดันจากแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลได้ ขณะที่ชุดอวกาศแบบนุ่มจะกระจายแรงโน้มถ่วงทำให้ชุดอวกาศยังคงอยู่ดี แต่มันก็จะสร้างภาระให้กับร่างกายของเซี่ยเฟยเช่นเดียวกัน

เซี่ยเฟยพิจารณาคำพูดของแฮร์ริสและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะถ้าหากเขาทำการสวมใส่ชุดอวกาศแบบ 2 ชั้น ถ้าชุดหนึ่งถูกทำลายเขาก็ยังมีอีกชุดหนึ่งคอยป้องกัน

ประตูของยานค่อย ๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า เนื่องมาจากประตูได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกันทำให้มันมีน้ำหนักมากกว่าปกติ

เซี่ยเฟยพยายามยืนอยู่นิ่ง ๆ ให้ร่างกายของเขาปรับตัวเข้ากับแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลที่กำลังกดทับลงมา ก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกไปจากโทมาฮอว์กอย่างช้า ๆ

ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินเต็มไปด้วยน้ำหนักมหาศาลราวกับว่าเขากำลังแบบภูเขาเอาไว้บนบ่าจนทำให้แม้แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ทันใดนั้นมันก็มีเสียงของแฮร์ริสดังขึ้นมาจากเครื่องสื่อสาร โชคดีที่เซี่ยเฟยยังอยู่ใกล้กับยานรบมาก ไม่อย่างนั้นระบบสื่อสารก็คงจะไม่สามารถใช้งานได้

“ฉันตรวจสอบสภาพร่างกายของคุณแล้ว คุณสามารถทนสภาพแวดล้อมในปัจจุบันได้สูงสุด 5 ชั่วโมง 26 นาที ไม่อย่างนั้นร่างกายของคุณจะได้รับความเสียหายอย่างถาวร” แฮร์ริสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง

ชุดอวกาศจะทำการส่งข้อมูลของผู้สวมใส่กลับไปยังยานอวกาศโดยอัตโนมัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่บนยานสามารถสังเกตสถานะของลูกเรือได้ และในฐานะที่แฮร์ริสเป็นอัจฉริยะด้านชีววิทยา เขาจึงสามารถสรุปข้อมูลขีดจำกัดของเซี่ยเฟยได้ในเวลาไม่นานหลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูลเหล่านี้

“นายแน่ใจนะ?” เซี่ยเฟยถามกลับไป

“ฉันแน่ใจ จำเอาไว้คุณมีเวลาแค่ 5 ชั่วโมง 26 นาทีเท่านั้น”

“เข้าใจแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

หลังวางสายจากเซี่ยเฟยแล้วแฮร์ริสก็นั่งลงบนเก้าอี้ของกัปตันพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลก ๆ ขึ้นมาบนใบหน้า

“น้ำยาอเมทิสต์ของฉันช่างเป็นน้ำยาที่วิเศษจริง ๆ ที่ทำให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้”

“เอาล่ะฉันจะต้องบันทึกข้อมูลทั้งหมดเก็บเอาไว้ แล้วค่อยกลับไปวิจัยในภายหลัง”

ในความคิดของแฮร์ริสทุกการกระทำของเซี่ยเฟยล้วนแล้วแต่มีคุณค่าแก่การศึกษา และภายในใจของเขากำลังคิดว่าเซี่ยเฟยคือหนึ่งในความสำเร็จที่เขาภาคภูมิใจ

สิ่งที่แฮร์ริสคิดก็ไม่ผิดไปซะทีเดียว เพราะถ้าหากไม่มีน้ำยาอเมทิสต์เซี่ยเฟยก็คงจะไม่มีวันนี้จริง ๆ แต่การฝึกฝนอย่างหนักของชายหนุ่มก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นสิ่งที่แฮร์ริสคิดจึงถูกต้องเพียงแค่ครึ่งเดียว

ร่องรอยของยานพอตเตอร์จอดอยู่ตรงศูนย์กลางของอาคารทรงลูกบาศก์ 4 หลัง โดยอาคารทั้งสี่แห่งนี้มีความสูงมากกว่า 1,000 เมตรทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกราวกับว่าเขาถูกล้อมรอบด้วยภูเขาขนาดใหญ่ 4 ลูก

เพื่อไม่ให้ร่องรอยที่พอตเตอร์ทิ้งเอาไว้ได้รับความเสียหาย เซี่ยเฟยจึงเลือกจอดโทมาฮอว์กห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร แต่เนื่องมาจากแรงโน้มถ่วงที่กดทับร่างกายลงมาตลอดเวลาเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางไปร่วมครึ่งชั่วโมง

ในสภาวะปกติความเร็วของเซี่ยเฟยใกล้จะถึง 4,000 เมตรต่อวินาทีแล้ว ดังนั้นถ้าหากไม่มีแรงโน้มถ่วงกดทับลงมาแล้วล่ะก็ด้วยระยะทางเพียงแค่นี้เขาก็สามารถเดินทางได้ในพริบตาเดียว

บริเวณร่องรอยจุดจอดยานไม่มีสถานที่ใดดูมีความพิเศษ แต่เซี่ยเฟยก็ได้ค้นพบรอยเท้าที่พอตเตอร์ได้ทิ้งไว้แต่มันก็หลงเหลือร่องรอยอยู่ไม่ชัดเจนนัก

เมื่อพิจารณาจากทิศทางของรอยเท้า พอตเตอร์น่าจะมุ่งหน้าไปยังอาคารทางด้านขวา เซี่ยเฟยจึงกัดฟันเดินตามรอยเท้าของพอตเตอร์ไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้

ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็เดินมาจนถึงจุดสิ้นสุดของรอยเท้า ซึ่งพอตเตอร์ดูเหมือนจะเดินวนรอบ ๆ แถว ๆ นี้ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินกลับไปยังยานของตัวเอง

รอยเท้าของพอตเตอร์ทำให้ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัยว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงแค่เดินมาเฉย ๆ

“ไม่น่าจะใช่มั้ง” เซี่ยเฟยคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ใช้นิ้วสัมผัสตัวอาคารโดยหวังจะได้พบทางเข้าลับที่ซ่อนอยู่ แต่ถึงแม้เขาจะสุ่มจับผนังอาคารไปแล้วหลายครั้งแต่เขาก็ยังหาทางเข้าไม่พบอยู่ดี

ทั่วทั้งอาคารไม่มีหน้าต่างให้เห็นเลย แต่เนื่องด้วยสภาพแรงโน้มถ่วงในปัจจุบันการมีหน้าต่างมากเกินไปก็อาจจะทำให้อาคารพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ

นอกจากนี้สภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ก็ไม่ได้มีความสวยงามเลย มันจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากจะทำการถ่ายภาพวิวจำลองบนผนัง เพราะทั่วทั้งดาวดวงนี้มีแต่พื้นดินสีแดงโล่ง ๆ และไม่มีอะไรประดับตกแต่งอยู่นอกจากอาคารลูกบาศก์พวกนี้เลย

แต่ถ้าหากว่าวัตถุรูปทรงแปลก ๆ นี้เป็นอาคารจริง ๆ มันก็สมควรจะต้องมีประตู ไม่อย่างนั้นผู้สร้างตึกจะเข้าไปที่ด้านในได้จากทางไหน

ทะลุกำแพงเข้าไปหรอ?

ในบรรดาผู้ใช้พลังพิเศษมันก็มีผู้ใช้พลังบางคนสามารถทะลุกำแพงได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หลิงเซียวที่เซี่ยเฟยได้พบในกลุ่มดาวนครหลวงก็สามารถทำการสร้างพื้นที่มิติเล็ก ๆ ได้เป็นของตัวเอง มันจึงไม่มีกำแพงไหนสามารถหยุดชายคนนี้เอาไว้ได้

เมื่อพิจารณาว่าดาวดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่อย่างมากมาย มันก็มีโอกาสที่ภายในดาวนี้จะมีผู้อาศัยอยู่หลาย 100 ล้านคน แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดเลยหากจะมีใครสักคนเป็นผู้ใช้พลังที่มีความเกี่ยวข้องกับมิติ

เซี่ยเฟยไม่ต้องการจะกลับไปด้วยมือเปล่าแบบนี้ แต่มันก็ไม่มีร่องรอยอื่นใดของพอตเตอร์แล้วและเส้นตายที่แฮร์ริสได้บอกเอาไว้ก็ใกล้ที่จะหมดลงแล้ว ชายหนุ่มจึงตั้งใจจะเดินกลับไปที่ยาน

แฮร์ริสพยายามส่งเสียงผ่านระบบสื่อสารเพื่อเตือนให้เซี่ยเฟยกลับมาที่ยานได้แล้ว แต่เนื่องจากแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงมันจึงทำให้สัญญาณถูกรบกวนจนเขาฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย

“กลับกันเถอะ มันใกล้หมดเวลาแล้ว” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนใจ

เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และเดินกลับไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

วื้ด!

โทมาฮอว์กเริ่มขึ้นบินอีกครั้งซึ่งหลังจากที่ยานรบบินขึ้นได้ไม่นานเซี่ยเฟยก็สั่งการไปยังคอมพิวเตอร์ AI

“เปิดใช้งานระบบอาวุธ ยิงปืนใหญ่นิวตรอนเข้าใส่อาคาร!”

“นั่นนายกำลังจะทำอะไร?!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ฉันแค่ติดใจอะไรนิดหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก

“ติดใจอะไรวะ ถึงขนาดยิงปืนใหญ่ใส่แบบนี้!!” อันธอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด