ตอนที่แล้วระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 28 กลับสู่นิกายกระบี่ล่องนภา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 30 เตรียมปลุกกายาศักดิ์สิทธิ์

ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 29 คนรับใช้เข้าตำหนัก


เซวียนห่าวกลับนิกายกระบี่ล่องนภาอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็กลับไปที่ตำหนักของตน

ที่ตำหนัก ชิงอี้ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการบ่มเพาะและใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจิ้งซื่อฮั่น ที่นางเคยพบก่อนหน้านี้ในโรงอาหารของนิกายกระบี่ล่องนภา

นางรู้เหตุผลที่อาจารย์ออกไปนอกนิกายเพื่อหาสมุนไพรที่ใช้ในการปลุกกายาศักดิ์สิทธิ์ของนางและนางก็ซาบซึ้งในบุญคุณของเขาอย่างมาก

ชิงอี้ต้องการตอบแทนอาจารย์ของนางจึงได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เซวียนห่าวได้ผิดหวัง ชิงอี้มุ่งความสนใจไปที่กระบี่ในมือของนางอย่างเต็มที่โดยไม่ได้สังเกตุเห็นว่าเซวียนห่าวได้ปรากฏตัวที่ทางเข้าลานฝึกแล้ว

เมื่อเห็นชิงอี้ที่ทำงานหนัก เซวียนห่าวก็ถอยห่างและตัดสินใจที่จะไม่ขัดจังหวะนางในตอนนี้ การเข้าถึงสมาธิเป็นเรื่องยากและจะเป็นประโยชน์สำหรับนาง

สิ่งที่นางเป็นอยู่เรียกว่าสภาวะตรัสรู้ ผู้ฝึกตนมีจะสมองที่ใหญ่อย่างมากเมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไปและยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยากขึ้นที่จะจดจ่อกับใดสิ่งหนึ่ง

เซวียนห่าวคาดว่าสาเหตุของชื่อสภาวะตรัสรู้นั้นเป็นเพราะผู้ฝึกตนที่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เขาทำ สัมผัสเทวะที่แผ่ออกมาจากผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดแม้ว่าจะถูกควบคุม แต่ก็ยังคงส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่องไปยังจิตใจของผู้ฝึกตน

การเข้าถึงสมาธิตลอดเวลาหรือสภาวะตรัสรู้ต่อเนื่องจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อผู้ฝึกตนอย่างแน่นอน

เซวียนห่าวเองก็เคยพยายามเพ่งสมาธิในขณะที่บ่มเพาะ แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้คือเข้าถึงสภาวะตรัสรู้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่สิ่งนั้นก็สามารถช่วยให้เขาพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการบ่มเพาะปกติของเขา การบ่มเพาะในสภาวะตรัสรู้เพียงแค่ห้านาทีก็เปรียบได้กับการบ่มเพาะปกติกว่าหนึ่งสัปดาห์ !

ความฝันที่เขาจะเข้าสู่สภาวะตรัสรู้ตลอดเวลานั้นยังห่างไกลอยู่มาก...

“คนรับใช้จากเรือนคนใช้ยังไม่มาหรือ บางทีนางอาจจะมาถึงวันนี้หรือพรุ่งนี้”

เมื่อเซวียนห่าวแผ่สัมผัสเทวะไปรอบ ๆ ตำหนัก เขาก็ตระหนักเว่าว่าตอนนี้ยังคงมีเพียงเขาและชิงอี้เท่านั้น

“บางทีข้าควรไปดูที่เรือนคนรับใช้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไ การนั่งบ่มเพาะทั้งวันนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ ข้าควรออกไปสูดอากาศข้างนอก” เซวียนห่าวตัดสินใจที่จะไปเรือนคนรับใช้และดูว่าคนรับใช้ถูกเลือกแล้วหรือยัง

จากสิ่งที่เขารู้ การแข่งขันมักจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสหลักคนใดคนหนึ่ง, รองจ้าวนิกายหรือจ้าวนิกายต้องการคนรับใช้

การได้เป็นคนรับใช้ของผู้อาวุโสขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดสำหรับพวกเขานั้นถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

ซวนห่าวไม่ชักช้าและออกเดินทางในทันที เขาเดินช้า ๆ ไปยังที่เรือนคนรับใช้และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของภูเขาหลายลูกในเวลาเดียวกัน แม้ว่าภูเขาส่วนใหญ่จะถูกสร้างโดยผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดแต่ก็ยังเป็นภาพที่สวยงาม

สิ่งที่เซวียนห่าวชอบมากที่สุดเกี่ยวกับทวีปเอวาเรียก็คือการผู้ฝึกตนสร้างสิ่งที่สวยงามเหล่านี้ให้กับธรรมชาติ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตระหนักรู้ด้วยตนเองก็ตาม

ตั้งแต่ต้นท้อไปจนถึงต้นหลิวที่สวยงาม ทุกสิ่งเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกับตำหนักอันโอ่อ่าของผู้อาวุโสและที่เรือนของเหล่าศิษย์ ทุกอย่างดูราวกับภาพวาด

ในขณะเดียวกันที่เรือนคนรับใช้

จื่อหรัวเพิ่งชนะการแข่งขันและถูกหัวหน้าโฮ่วพาไปที่อาคารลงทะเบียน

ภายในอาคารลงทะเบียน หัวหน้าโฮ่วหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาและเขียนบางอย่างลงไปก่อนจะวางกลับไปที่ชั้นเล็ก ๆ

“เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้น สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเก็บข้าวและย้ายไปยังตำหนักของผู้อาวุโสเซวียน เขารู้แล้วว่ามีคนรับใช้กำลังมา ดังนั้นเจ้าจึงไม่จำเป็นต้องกังวล” เมื่อเห็นว่าจื่อหรัวเริ่มประหม่ามากขึ้นในขณะที่เขาเริ่มพูด หัวหน้าโฮ่วก็ลดความเร็วลงและบอกจื่อหรัวว่าไม่มีอะไรต้องกังวล

“หัวหน้าโฮ่ว ท่านรู้เรื่องศิษย์ของผู้อาวุโสเซวียนหรือไม่” จื่อหรัวค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับศิษย์ของเซวียนห่าวที่นางต้องไปรับใช้จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางมากนัก แต่จากสิ่งที่ข้ารวบรวมกล่าวได้ว่าผู้อาวุโสเซวียนเลือกนางในการคัดเลือกศิษย์ครั้งล่าสุด” เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง หัวหน้าโฮ่วก็ตอบพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย พวกเขาไม่ค่อยรู้เรื่องศิษย์ใหม่ของผู้อาวุโสเซวียนมากนัก

“เจ้าค่ะ...”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าแน่ใจว่าศิษย์ของผู้อาวุโสเซวียนจะต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสเซวียนจึงเลือกนางมาเป็นศิษย์ !”

หัวหน้าโฮ่วพูดคุยกับจื่อหรัวเล็กน้อย ทั้งคู่พูดคุยกันเกี่ยวกับเซวียนห่าวและสิ่งที่นางควรพึงปฏิบัติ

จื่อหรัวออกจากอาคารลงทะเบียนช้ากว่าที่นางคาดไว้เล็กน้อยและพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าแล้วเมื่อนางเก็บข้าวของและออกจากที่พักคนรับใช้ นางมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่ตำหนักของเซวียนห่าวตั้งอยู่

ในขณะเดียวกัน เซวียนห่าวก็ได้มาถึงเรือนคนรับใช้และเห็นจื่อหรัวออกจากเรือนคนรับใช้

เซวียนห่าวเดินเข้าไปในอาคารลงทะเบียนโดยไม่สนใจนางเพื่อดูว่าเรือนคนรับใช้ได้เลือกคนรับใช้ให้ชิงอี้แล้วหรือไม่ เขาได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าผู้ที่เดินสวนกับเขานั้นคือคนรับใช้ที่ถูกส่งออกไป

“เป็นหญิงสาวก่อนหน้านี้หรือ...” เมื่อนึกถึงจื่อหรัวที่ออกจากเรือนคนรับใช้เมื่อครู่นี้ เซวียนห่าวก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่ตำหนักของเขา

“ชิงอี้ตงจะฝึกเสร็จและนางก็คงพักผ่อนที่ตำหนักในตอนนี้ ข้าควรให้ทั้งสองคนพบกันก่อนหรือไม่” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซวียนห่าวจึงตัดสินใจใช้เส้นทางที่ไกลกว่าเดิมกลับไปที่ตำหนักของเขาและปล่อยให้สองสาวคุยกันโดยที่เขาไม่อยู่

มันง่ายกว่าที่จะปล่อยให้นางพูดคุยกับชิงอี้ที่มีอายุไล่เลี่ยกันมากกว่าที่จะเป็นผู้อาวุโสหลักของเขตวิญญาณก่อกำเนิดอย่างเขา

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด