ตอนที่แล้วบทที่ 50 - สมาคมทหารรับจ้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52 - เผชิญหน้ากับกลุ่มโจร

บทที่ 51 - กิน และกิน


ผมถามเจ้าหน้าที่สาวที่ทำหน้าที่อยู่ “รางวัลของภารกิจระดับ SSS นี่มหาศาลนัก ใครจะสามารถจ่ายเงินให้ได้?”

คราวนี้ไม่แค่เพียงแต่เธอที่ส่งยิ้มมาให้ผม แต่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ผม มองมาที่ผมเหมือนกับว่าผมเป็นคนโง่ พวกเขามองอะไรกัน? ผมแค่ไม่รู้แค่นั้นเอง ก็ตอนนี้มันเป็นครั้งแรกที่ผมออกมาเดินทางในโลกกว้างนะ ผมไม่สนใจพวกเขาหรอก

“ตั้งแต่มีการก่อตั้งสมาคมทหารรับจ้างขึ้นมา ภารกิจนี้ก็มีระดับสูงสุดอยู่แล้ว มันอยู่ที่ระดับนี้มาแล้วนับ 1,000 ปี ถ้ามีใครสักคน สามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ พวกเขาสามารถเดินทางไปรับรางวัลได้ที่เมืองหลวง พลังของสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมา ถ้ามันผ่านพิธีการจดจำเจ้าของ

(อาจารย์ตี้เคยบอกกับผมเอาไว้แล้วว่า ต่อให้ผมหาสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์พบ ผมก็อาจจะไม่สามารถครอบครองมันได้ ผมจะครอบครองมันได้ก็ต่อเมื่อ สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ยอมรับผม เรื่องนี้ผมรู้แล้ว)

“โอ้! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง! แล้วคุณหาภารกิจที่ผมต้องการได้หรือยังครับ?” พอมีคนจำนวนมากคอยจ้องมองอยู่ ผมรู้สึกอยากที่จะกลับออกไปแล้ว

“นี่คือภารกิจที่ตรงกับความต้องการของคุณค่ะ มันเป็นภารกิจระดับ B เป็นภารกิจคุ้มกันพ่อค้า เดินทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรซิวต้า เมืองซิวต้า รางวัลของภารกิจ 300 เหรียญเพชร แต่ว่า โดยปกติแล้วภารกิจแบบนี้จะถูกรับโดยกลุ่มของทหารรับจ้าง คุณเพียงคนเดียวจะทำไหวหรือ?

“อา! ปกติแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างมีกันอยู่กี่คน?” มันน่าจะดีกว่า ถ้าจะหาคนอื่นมาร่วมรับภารกิจนี้ด้วยกัน ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ

“มันไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่น้อยกว่า 10 คน”

ผมมองไปรอบ ๆ อย่างสังเกต แล้วตะโกนขึ้นทันที “มีกลุ่มของทหารรับจ้างกลุ่มไหนต้องการรับภารกิจนี้มั้ย ผมต้องการจะร่วมในภารกิจด้วย” ผมนี่ฉลาดจริง ๆ ถ้าผมไม่ต้องการทำภารกิจนี้ด้วยตัวเองคนเดียว ถ้าอย่างนั้น ผมก็แค่หากลุ่มทหารรับจ้างเข้าร่วม ช่างเป็นความคิดที่วิเศษ ผมอาจจะไม่ได้เจอกับกลุ่มโจร แต่ถึงผมจะเจอ พวกเขาก็จะเป็นคนจัดการมันเอง ด้วยวิธีนี้ ผมจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ผมนี่มันฉลาดเกินไปแล้ว!

ในระหว่างที่ผมเริ่มใจลอยกับความฉลาดปราดเปรื่องของตัวเอง ผมได้ยินเสียงดังลั่นลอยมา “ถ้าอย่างนั้น นายมาร่วมมือกับเราได้ พวกเรากำลังคิดที่จะรับภารกิจนี้อยู่แล้ว”

เฮ้! ทำไมเสียงดังอย่างนี้! มันทำให้ผมตกใจกลัวนะ ผมรีบหันไปมองหาเจ้าของเสียงดังก้องนั้น หวา!! เขาตัวใหญ่มาก! ดูแล้วความสูงของเขาน่าจะเกิน 2 เมตร! น่าจะสูงสัก 2 เมตร 30 เซนติเมตร บนใบหน้าของเขามีเครายาว บนหลังสะพายขวานยักษ์อยู่ ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ผมบอกได้เลยว่าเขามีพลังแข็งแกร่ง เขาต้องฝึกฝนวิชาการต่อสู้

“สวัสดีครับ พวกคุณเป็นกลุ่มทหารรับจ้างใช่มั้ย?”

“พวกเรามีคนอยู่ประมาณ 20 คนอยู่ในกลุ่ม แต่พวกเราทั้งหมดเป็นผู้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ พวกเรามาจากอาณาจักรซิวต้า ดังนั้นเราอยากรับภารกิจนี้ เพื่อที่จะได้ใช้มันเดินทางกลับบ้านได้สะดวก พวกเรากำลังขาด    นักเวทย์อยู่พอดี เป็นยังไง? จะร่วมมือกับพวกเรามั้ย?”

ทหารรับจ้าง 20 คน ฟังดูไม่เลว ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย แต่ผมไม่รู้ความแข็งแกร่งของพวกเขา ดูจากลักษณะของเขาแล้ว ถ้าเขามีจิตวิญญาณการต่อสู้ระดับพิภพ นั่นก็จะดีมาก

“แล้วตอนนี้นายเป็นนักรบระดับไหนแล้ว?”

“ฉัน? ฉันอยู่ระหว่างการเลื่อนระดับที่ถ้าทำได้สำเร็จ จะสามารถได้การรับรองเป็นอัศวินแล้ว ส่วนคนที่เหลือในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักรบขั้นกลาง” (นักรบขั้นกลาง เทียบเท่ากับนักเวทย์ขั้นกลาง)

“อ้อ! หรือให้พูดก็คือ นายเป็นนักรบชั้นสูง ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันหวังที่จะร่วมกลุ่มกับพวกนาย จนกว่าภารกิจนี้จะสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ฉันมีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องให้นายเห็นด้วย” ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่มากเท่าไร แต่ผมรู้สึกชอบเจ้าตัวใหญ่คนนี้มาก

คนตัวใหญ่มองหน้าผมด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักหนึ่งเลย “เงื่อนไขอะไร?”

ผมพึมพำทบทวนกันตัวเอง ก่อนที่จะกล่าวเงื่อนไขออกไป “มันมีอยู่ 3 เงื่อนไข ข้อแรก ฉันอยากให้พวกนายเตรียมรถม้าไว้ให้ฉันด้วย อย่างที่รู้ ฉันเป็นนักเวทย์ ร่างกายของฉันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ข้อ 2 ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างของนาย พวกเราแค่ร่วมมือกัน หรือที่เรียกว่าพันธมิตร ดังนั้น ฉันไม่อยากให้พวกนายมาออกคำสั่งกับฉัน แน่นอน ถ้ามีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น ฉันจะช่วยจัดการด้วย ข้อสุดท้าย ฉันต้องการเงินรางวัล 10 เหรียญทอง”

เงื่อนไข 2 ข้อแรกออกจะดูมากเกินไปหน่อย แต่ข้อสุดท้ายจริง ๆ แล้วพวกเขาได้เปรียบ คนตัวโตคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ไม่นาน ก่อนที่จะตอบตกลง สำหรับพวกเขา ที่ต้องเพิ่มมาก็เพียงแต่หารถม้าให้ผมนั่ง ก็แค่นั้นเอง ส่วนผมนะเหรอ ผมจะเอาเงินไปทำอะไร? มันก็แค่จะเปลี่ยนตัวเลขในบัตรแค่นั้นเอง อีกอย่าง พวกเขาต้องแบ่งเงินที่เหลือกันระหว่างคน 20 คน ถ้าผมเรียกร้องเงินจำนวนมากกว่านี้ พวกเขาแทบจะไม่ได้อะไรเลย ผมน่ะเป็นคนใจดีอย่างสุด ๆ แถมยังเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง

หลังจากทำเรื่องรับภารกิจ และนัดแนะกันอย่างเรียบร้อยแล้วว่า จะรวมตัวกันที่ไหน พวกเราออกจากสมาคมทหารรับจ้าง เรื่องแรกเลยที่ผมอยากจะทำคือ หาร้านอาหารดี ๆ เพื่อปลอบโยนท้องของผม ครั้งสุดท้ายที่ผมกินได้อย่างเต็มคราบ ก็ที่บ้านของคุณลุงนั่น ผมได้แต่กินอาหารแห้งตลอดการเดินทาง ตอนนี้ท้องของผมเกือบจะก่อจลาจลอยู่แล้ว

หลังจากออกมาจากสมาคม แล้วเดินต่อมาได้อีกสักพัก ผมก็เห็นร้านอาหารที่มีป้ายขนาดใหญ่ ‘ร้านอาหารฝากชื่อทิ้งไว้’ ช่างเป็นชื่อที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้ ผมจะกินที่นี่ก็แล้วกัน

ทันทีที่ผมเข้าไปในร้านอาหาร บริกรเดินเข้ามาต้อนรับ “สวัสดีครับคุณลูกค้า วันนี้มากันกี่ท่านครับ?”

“มีแค่ผมคนเดียว เลือกที่เงียบ ๆ ให้ผมหน่อย”

“ได้เลยครับ ชั้น 2 จะเงียบกว่าหน่อย ผมจะพาขึ้นไปครับ” ผมเดินตามบริกรขึ้นไปที่ชั้น 2 แล้วนั่งลงที่โต๊ะข้างหน้าต่าง เหมือนที่คาดไว้ มันค่อนข้างจะเงียบสงบ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาอาหาร มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะเท่านั้น

“วันนี้มีอาหารพิเศษอะไรบ้าง?” ผมเริ่มที่จะหมดความอดทนแล้ว ท้องของผมมันไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย มันเริ่มส่งเสียงประท้วงแล้ว

“อาหารพิเศษของเราวันนี้มี ผัดหัวใจเป็ด หมูตุ๋น...” เขาร่ายรายการอาหารออกมา 10 อย่างที่แตกต่างกัน ฟังดูแล้วน่าสนใจไม่เลว น่าจะอร่อย ผมเริ่มน้ำลายไหล

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดต่อแล้ว รายการที่นายพูดมาเมื่อกี้ ทำมาให้หมด แล้วก็ขอหมั่นโถว 10 ลูก อา! เอาข้าวต้มมาด้วย รีบ ๆ เลย”

“คุณลูกค้าจะทานหมดเหรอครับ?” บริกรขี้สงสัยได้พบกับถังข้าวแล้ว

“แค่รีบ ๆ ไปเอาอาหารมาขึ้นโต๊ะ จะต้องถามอะไรให้มากนัก? ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่จ่ายเงินสักหน่อย”

หลังจากส่งบริกรกลับไปแล้ว ผมเริ่มคาดหวังกับความอร่อยของอาหารแล้ว ร้านนี้ทำอาหารไม่ช้าเลย ในเวลาไม่นานนัก โต๊ะของผมก็เหมือนกับเป็นโต๊ะในงานเลี้ยง มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ (มันไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผมยังไม่ได้เริ่มดื่ม ผมจะพูดถึงมันเมื่อผมมีโอกาสในอนาคต) ปากของผมเริ่มเปิดกว้างขึ้น ผมหยิบตะเกียบ แล้วเริ่มทำงาน

ความเร็วของผมนั้นไม่เลวนัก มันใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวในการทำงานนี้สำเร็จ อันที่จริงแล้ว ผมไม่ได้ใช้เวลามากนักในแต่ละจาน ไม่ว่ารสชาติของมันจะเป็นอย่างไร มันแค่ไหลลงไปสู่ท้องของผมโดยตรง ไม่เลว ไม่เลวเลยจริง ๆ

“บริกร เก็บค่าอาหารด้วย”

บริกรคนเดิมเดินเข้ามา “ทั้งหมด 3 เหรียญทอง กับอีก 4 เหรียญเงินครับ”

“โอ!” ผมหยิบบัตรม่วงออกมาจากกระเป๋าที่อกเสื้อ แล้วส่งให้เขา “ใช้บัตรได้ใช่มั้ย?”

ตอนที่บริกรเห็นผมหยิบบัตรสีม่วงออกมา หน้าของเขาเริ่มแสดงความเคารพออกมา “กรุณารอสักครู่ ผมจะไปตามผู้จัดการมาก่อนครับ”

ในการที่จะใช้บัตรม่วง เขาต้องตามหาผู้จัดการของเขา ยุ่งยากจริง ๆ ช่างมันเถอะ รอก็ได้ แล้วผมก็นั่งรออยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด