ตอนที่แล้วบทที่ 4: ไวรัสมรณะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6: ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ

บทที่ 5: มีเงินอยู่ตรงนี้


"ถ้านายมั่นใจจริง ๆว่าจะต้องเกิดภัยพิบัติ ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำก็คือตามหาหน่วยงานของรัฐและเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่เรารู้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเตรียมการล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

หยางเซี่ยวเฉินไม่มีความคิดที่จะทำสิ่งอื่นอย่างเช่น "รอให้จุดจบมาถึง ครอบครองภูเขาเล็ก ๆ จากนั้นตั้งตัวเป็นราชาแล้วคอยพัฒนาเกษตรกรรม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์อะไรพวกนั้นเลย"

หยูเชียนส่ายหัวทันทีและปฏิเสธ: "ไม่"

“ฉันขอถามเหตุผลได้ไหม” หยางเซี่ยวเฉินเป็นกังวลมาก ตัวเอกที่เกิดใหม่ในนิยายการล้มสลายของโลกที่เขาได้อ่านมักที่จะเลือกไม่รายงานเนื้อหาเรื่องนี้ด้วยเหตุผลหลายประการ หลบๆ ซ่อนๆ เอาแต่สนใจผลประโยชน์ของตนเอง

ไม่สนใจชีวิตและความตายของผู้อื่น เฝ้ารอวันสิ้นโลกที่จะมาถึง เปิดฮาเร็มและสังหารศัตรู เพื่อเป็นเจ้าเหนือหัวตัวน้อยคอยปกป้องดินแดนหนึ่งเอเคอร์ของพวกเขา หรือไม่ก็เดินไปรอบ ๆ ด้วยมีดดาบไม่กี่เล่มทำตัวเหมือนกำลังเล่นเกมส์

แต่นี้คือชีวิตจริงไม่ใช่เกมส์

คนเหล่านี้ที่มีความทะเยอทะยานสูงแต่สายตาสั้น จะไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าถ้าหากพวกเขาไม่มีพ่อที่เป็นนักเขียนคอยช่วยเขา

หยางเซี่ยวเฉินกังวลว่าในตอนนี้หยูเชียนจะเป็นคนประเภทนั้น

เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ของหยูเชียนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากหยูเชียนเป็นคนแบบนี้ หยางเซี่ยวเฉินจะเป็นอันตรายอย่างมาก ไม่ว่าวันสิ้นโลกและหายนะจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม

หยูเชียนไม่ต้องการที่จะสนใจกับคำถามงี่เง่านี้ แต่เมื่อพิจารณาว่าตอนนี้เขาต้องการความร่วมมือจากไกด์คนนี้ เขายังคงเลือกที่จะตอบว่า

"อย่างแรก คำถามเรื่องความเชื่อใจ ฉันจะไม่เปิดเผยตัวเองให้ใครรู้จนกว่าฉันจะมีพลังพอที่จะป้องกันตัวเอง ในแง่ดีอย่างที่คุณพูดความสามารถของฉัน ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติบนโลกนี้และฉันไม่ต้องการถูกจับไปทดลองอีกครั้ง"

"ประการที่สอง คำถามเกี่ยวกับความไว้วางใจ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลของคุณ จะไม่ข้ามแม่น้ำและทำลายสะพานหลังจากรู้ข้อมูลนี้หรือช่วยตัวเองแต่ผลักคนธรรมดาที่เหลือเข้าไปในปากของสัตว์ประหลาด - เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากมายในที่ของเรา"

"ประการที่สาม ปัญหาความไว้วางใจ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขามีความสามารถพอที่จะจัดการกับมันจริง ๆ พวกคุณไม่มีสงครามจริงๆมานานแค่ไหนแล้ว?”

หยางเซี่ยวเฉินต้องการหักล้างจริงๆ แต่ถ้าทุกสิ่งหยูเชียน พูดเป็นความจริง

เมื่อเทียบกับการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของอารยธรรม สงครามโลกทั้งสองครั้งที่มีผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วนในโลกนี้ก็ไม่มีความหมาย แม้ว่าจะมีซากศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง โลกไหม้เกรียมอยู่หลายพันไมล์ มันก็ไม่ใช่อะไรนอกจากเป็นมนุษย์ที่ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง ถึงอย่างไรอารยธรรมก็ถูกกำหนดให้ดำเนินต่อไปได้อยู่ดี

จากจุดยืนของหยูเชียนไม่มีประเด็นใดที่เขาพูดสามารถหักล้างได้ หยางเซี่ยวเฉินเองก็ไม่กล้าพูดว่าเขาจะเป็นนักบุญที่เชื่อใจผู้อื่นได้อย่างไม่มีเงื่อนไขและอุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว

อย่างไรก็ตามหยางเซี่ยวเฉินก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หากมันเป็นแผงลอยในตลาด บนนี้ก็แขวนไว้ด้วยชีวิตและความตายของอารยธรรมมนุษย์ และไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน ชีวิตของเขาก็ยังถูกแขวนอยู่บนนั้นด้วยเช่นกัน

หลังจากพิจารณาแล้วหยางเซี่ยวเฉินก็หักมุมเปลี่ยนเรื่องพูดเป็นหัวข้อใหม่

"แฮมเบอร์เกอร์อร่อยไหม พิซซ่าดีรึเปล่า กั้งเป็นยังไงบ้าง บะหมี่ผัดถูกปากรึเปล่า"

เห็นได้ชัดว่าหยูเชียนไม่คาดคิดว่าหยางเซี่ยวเฉินจะถามคำถามแปลกๆ เช่นนี้ เขาตกตะลึงแล้วพยักหน้า: "อุดมไปด้วยพลังงานและอร่อย"

"อาบน้ำอุ่นสบายตัวไหม"

"…ไม่เลว."

"ทีวีและคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแปลกใหม่หรือไม่ สนุกไหม"

"ฉันยังไม่รู้วิธีใช้งาน แต่มันน่าสนใจ"

"เด็กสาวใสซื่อและสาวสะพรั่งที่เห็นในเว็บไซต์ พวกเธอดูดีไหม"

“พูดบ้าอะไรเนี่ย!” หยูเชียนตอบอย่างไม่เต็มใจ

"ด้วยความสามารถของนายในการจัดการกับโลหะ ไม่ว่านายจะมีความตั้งใจที่จะโดดเด่นหรือไม่ นายก็สามารถกลายเป็นคนที่เหนือกว่า นายสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมนี้ นายสามารถเพลิดเพลินกับการรักษาที่ดีที่สุด คุณภาพที่ดีที่สุดของชีวิต อาหารอร่อย ความงาม เงินทอง อำนาจ จะมาทันทีที่นายโบกมือ

แต่ฉันมีข้อสันนิษฐานบางอย่าง" หยางเซี่ยวเฉินหยุดชั่วคราวจัดระเบียบคำพูดของเขาและพูดต่อ "ข้อสันนิษฐานนี้คืออารยธรรมของมนุษย์มีความเจริญรุ่งเรือง และมีคนเพราะปลูกก่อนถึงมีวัตถุดิบอาหาร จากนั้นจึงมีคนทำอาหารอร่อยมาให้นายกิน เงื่อนไขทางวัตถุทั้งหมดที่เราเพลิดเพลินนั้นแยกกันไม่ได้ จากห่วงโซ่อาชีพที่เชื่อมโยงกันในสังคม ถ้าไม่มีคนธรรมดานับพันล้าน นายจะมีความสุขในสวรรค์แบบนี้ได้อย่างไร?”

"เมื่อเทียบกับความเพลิดเพลินเหล่านี้ ฉันคิดว่าชีวิตของฉันสำคัญกว่า" หยูเชียนไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจเจตนาของหยางเซี่ยวเฉินที่พูดคำเหล่านี้ออกมาอยู่แล้ว

หากอารยธรรมมนุษย์สูญสลายใครจะเหลืออยู่

“โอ้ ในโลกของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขตรวมตัวมนุษย์ขนาดใหญ่ถูกทำลายไปกี่ครั้งและกี่แห่ง แต่ก็ยังมีคนที่อยู่รอดครั้งแล้วครั้งเล่าได้ไม่ได้หรือ?”

หยูเชียนโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันไม่สามารถรับประกันได้ทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์ที่ตัวฉันเองปลอดภัย ฉันจะไม่เปิดเผยข้อมูล และนายก็ไม่ควรใช้อวดฉลาด ตราบใดที่นายทำอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ฉันจะตัดหัวนายทันที”

หยางเซี่ยวเฉินถอนหายใจในใจ ในขณะนี้ เขาไม่สามารถอธิบายความคิดที่แปลกประหลาดและละเอียดอ่อนในใจของเขาได้ เขาไม่หวังว่าหายนะที่หยูเชียนพูดว่าจะเกิดขึ้น และเขาก็ไม่ได้หวังว่าหยูเชียนจะเป็นไอ้โรคจิตที่มีพลังพิเศษซึ่งต้องได้รับการรักษาอาการเจ้าอารมณ์และโรคช่างจินตนาการ คุณจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนถ้าต้องคอยอยู่ข้างกายคนแบบนี้

“โอเค ไม่พูดแล้ว” เมื่อเห็น หยางเซี่ยวเฉินต้องการพูด หยูเชียนก็รีบหยุดเขาอย่ารำคาญ

"ฉันไม่ใช่คนงี่เง่า ฉันแยกแยะถูกผิดได้ ฉันแค่บอกว่าความร่วมมือยังไม่ได้รับการพิจารณาในขณะนี้ เมื่อฉันมีกำลังเพียงพอที่จะมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง หรือเมื่อปรากฎว่าผู้นำในโลกของคุณไว้ใจได้ ฉันจะขอความร่วมมือเอง”

"เอาล่ะ ลองคิดดูให้ดีว่าวัตถุดิบชนิดใดที่เราควรรีบสะสมให้มากที่สุด อีกอย่างฉันจะหาอาวุธทรงพลังได้จากที่ไหน - และนายไม่ได้พูดเองหรอกหรือว่านี้คือยุคอะไร... ยุคข้อมูลข่าวสาร? รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ต่างๆ ฉันรู้ว่าภัยพิบัติกำลังจะมา แค่ไม่รู้ว่าจะมาใกล้หรือไกลหรอกนะ”

“ของที่ต้องเตรียมมีมากมายเหลือเกิน อาหาร ยา น้ำดื่ม บุหรี่ เครื่องปั่นไฟ เครื่องไฟฟ้า และอุปกรณ์งานไม้ทุกชนิด อย่าประมาทของพวกนี้มีประโยชน์มากพูดได้ไม่จบไม่สิ้นเลยละ”

"จะมีการละเลยของบางอย่างแน่นอน ให้เวลาฉันหน่อย แล้วฉันจะวางแผนที่จะทำให้นายวางใจได้แน่นอน" ในเมื่อการเกลี้ยกล่อมล้มเหลวหยางเซี่ยวเฉินก็ตัดสินใจที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่ และการรักษาชีวิตเขาไว้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

"สำหรับอาวุธ คุณไม่ต้องไปคิดเรื่องปืนและอะไรที่มากกว่านั้น การควบคุมภายในประเทศเข้มงวดมาก และเป็นไปไม่ได้สำหรับฉันที่จะหามันมา ฉันสามารถซื้อมันในต่างประเทศได้ แต่ฉันไม่มีหนังสือเดินทางและ คุณ"

หยางเซี่ยวเฉินพูดอย่างเขินอายว่า "ฉันหมายความว่าหยูเชียนเป็นคนที่ตายไปแล้วในโลกนี้ และแม้ว่าเราจะบินไปต่างประเทศเพื่อซื้อปืน เราก็ไม่สามารถนำมันกลับมาได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ เราควรคิดว่าจะหาเงินมาได้ยังไงดีกว่า"

"ต้องเสียเงินเพื่อเช่าโกดัง เช่าฐาน และกักตุนเสบียง แต่ฉันไม่มีเงิน"  หยางเซี่ยวเฉินกางมือออกและดูน่าสงสาร

“เมื่อเห็นสิ่งที่ต้องการแล้ว จงไปคว้ามันมา” คำตอบของหยูเชียนนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา โดยมองไปที่หยางเซี่ยวเฉินราวกับกำลังมองดูคนโง่

"หายนะกำลังจะมา ระเบียบของอารยธรรมจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า นายยังมามัวกังวลอะไรอยู่"

"ถ้านายมีเงิน นายสามารถเช่าฐานในอุดมคติได้เพียงแค่โทรศัพท์ แล้วปล่อยให้คนนับไม่ถ้วนช่วยส่งเสบียงไปที่ฐานเหมือนมดงาน ขโมยเหรอ มันเป็นทางเลือกของคนโง่ประสิทธิภาพมันต่ำเกินไป " คำพูดของหยางเซี่ยวเฉินไม่ได้ซ่อนความคิดว่า ฉันไม่ชอบมัน

ดีที่หยูเชียนเป็นคนมีเหตุผล ไม่เพียงแต่ไม่ตีเขา แต่ยังพิจารณาคำพูดของเขาอย่างจริงจังด้วย

“นายพูดถูก เราต้องการเงิน” หยูเชียนพยักหน้าและถามว่า "เงินอยู่ที่ไหนมากที่สุด ไปเอามันมา"

หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาสิ้นหวังแล้วจริงๆ จิตใจของเขามีอะไรบ้างนอกจากการปล้น?

"ธนาคารใต้ดินมีเงินสดมากที่สุด แต่ฉันไม่รู้ที่อยู่ ที่ที่หาได้ง่าย...ธนาคารมีเงินมากที่สุด แต่เราคงปล้นมันไม่ได้" หยางเซี่ยวเฉินกางมืออีกครั้งและยักไหล่ พร้อมที่จะดับความคิดของหยูเชียนเรื่องการปล้น

"ทำไม?"

“ความเสี่ยงสูงเกินไป ผลประโยชน์ที่ได้น้อยเกินไป นายประเมินความปลอดภัยของโลกเราต่ำไป เราสองคนไม่มีปืน ไม่มีกำลังสำรอง และไม่มีข่าวกรอง ภายใต้สถานการณ์ที่คุณไม่สามารถใช้พลังพิเศษของคุณอย่างเปิดเผยได้ ฉลาดแค่ไหนก็ตายได้ ถ้าขโมยเงินหลายแสนก็หนีไม่รอด ถ้าหนีรอดก็โดนตามจับ”

"ปล้นธนาคารเป็นคดีใหญ่ ไม่ว่านายจะมีแผนการอย่างไร ก็จะต้องได้รับผลกระทบมากอย่างแน่นอน” อาชญากรรมหุนหันพลันแล่นมักถูกดูหมิ่น เขามักจะชอบวิเคราะห์ วิเคราะห์แล้ว วิเคราะห์อีก วางแผนแล้วลงมือทำ

“แล้วจะพูดเพื่ออะไร!” ความอดทนของหยูเชียนหายไป เขาตบโต๊ะด้วยฝ่ามือ และโต๊ะที่เปราะบางก็แทบจะพังลงมา

“เฮ้ นี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเหรอ?” หยางเซี่ยวเฉินยิ้ม แล้วสาดแก้วน้ำใส่หน้าหวางฮั่น "อย่ามั่วแต่แกล้งตาย อย่าให้ฉันต้องตีนาย ฉันบอกไว้ก่อนหน้านี้ใช่ไหม ว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวคุณมาเพื่อเรียกค่าไถ่? ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"

หวางฮั่นเปิดตาของเขา เมื่อเขารู้ว่าเขาสามารถอยู่รอดได้แล้ว เขาก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลได้ ตลอดชีวิตของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะกลัวตายมากขนาดนี้มาก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด