ตอนที่แล้วบทที่ 163: การปฏิบัติตามหน้าที่ของคู่ครอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 165: อับอายต่อหน้าหลงโม่

บทที่ 164: เผ่านี้น่าสนใจ (มีคำเตือน)


**คำเตือน มีเนื้อหาในส่วนของการกักขังหน่วงเหนี่ยว, ตัดอวัยวะ หากผู้อ่านรับไม่ไหว สามารถข้ามเนื้อหาส่วนที่ดอกจันไว้ได้เลยนะคะ**

“10 คนรึ?”

นอกจากคนเป็นหัวหน้าจะไม่โกรธแล้ว ความขี้เล่นในแววตาของเขากลับชัดเจนยิ่งขึ้น และเขาก็สะบัดใบไผ่ที่อยู่ระหว่าง 2 นิ้วทิ้งก่อนจะใช้นิ้วแตะเบา ๆ ไปที่ผิวไหม้เกรียมของหลางเมี่ย

“น่าสนใจ… ภูตทั้ง 10 คนนั้นแข็งแกร่งหรือไม่?”

ภูตหมาป่าลูกน้องส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แล้วเล่าให้ผู้เป็นนายฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ ยกเว้นภูตมังกรคนหนึ่งที่เคยล้มเหลวในการแปลงร่าง ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเพียงภูตธรรมดา ภูตมังกรคนนั้นขว้างบางอย่างใส่หลางเมี่ย มันเผาหลางเมี่ยจนมีสภาพเป็นแบบนี้”

“นอกจากนี้ พวกมันยังมีผงสีขาวที่ทำให้พวกเราหมดแรงอีกด้วย”

พอได้ฟังคำพูดทั้งหมดของลูกกะจ๊อก ชายที่เป็นผู้นำของเผ่าก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น

“อะไรที่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรงเช่นนี้?”

เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ 2 สิ่งที่ว่ามาก่อนในชีวิต

“พวกเราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน หนำซ้ำยังไม่เคยมีใครเห็นมันมาก่อนด้วย ...” ลูกน้องหมาป่าตอบ

ต่อมา หัวหน้าเผ่ามองไปยังหลางเมี่ยที่กำลังจะตายแหล่มิตายแหล่ ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิดรอยยิ้มอันชั่วร้าย

“ดูเหมือนว่าเผ่านี้จะน่าสนใจ ข้าอยากได้ 2 สิ่งนี้”

สิ้นเสียงของผู้เป็นนาย ภูตทุกคนก็หมอบลงกับพื้นไม่กล้าส่งเสียงอีก

มีเพียงภูตคนเดิมที่เล่าเรื่องในตอนนี้ที่ถามขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ

“หัวหน้า หลางเมี่ยเขาจะ—”

“ส่งเขาไปให้หมอผีดูสิว่าเขาจะมีทางรอดไหม” ผู้นำของเผ่าโบกมือลวก ๆ ส่งสัญญาณให้พวกลิ่วล้อแบกหลางเมี่ยลงไป

สภาพของอีกฝ่ายช่างทุเรศทุรังและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาตลอดเวลา

“ขอบคุณท่านหัวหน้า!” ภูตคนนั้นตอบรับแบบมีความสุข

เขารีบก้มคำนับขอบคุณผู้เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเรียกภูตอีก 2-3 คนมาช่วยแบกหลางเมี่ยไปหาหมอผี

แม้ว่าหัวหน้าจะป่าเถื่อนไปหน่อย แต่เขาก็ดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี และแม้แต่หมอผีเพียงคนเดียวในเผ่าก็ยังเต็มใจที่จะช่วยรักษาทุกคน

หลังจากที่หลางเมี่ยถูกแบกออกไป ชายร่างเตี้ยหลังค่อมซึ่งสูงเพียงครึ่งเดียวของภูตธรรมดาก็เดินออกมา

“อูหลิว เจ้าเห็น 2 สิ่งที่ว่าด้วยตาตัวเองหรือไม่?” ผู้นำสูงสุดของเผ่ามองไปที่ชายหลังค่อมด้วยความสนใจ

เจ้าของชื่อนั้นเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย และรอยย่นรูปกากบาทเหมือนรากไม้ก็ปรากฏขึ้น

ชายชราพยักหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าตามวัย

“หัวหน้า ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“แม้แต่เจ้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนงั้นรึ?” หัวหน้าเผ่าหรี่ตาลงพลางแสดงรอยยิ้มที่แฝงอันตราย ก่อนจะค่อย ๆ กำมือแน่น

ตอนนี้เขาต้องการไปที่เผ่านั้นจริง ๆ

ทว่า…

“ข่าวจากนังนั่นส่งไปไม่ถึงเจ้าพวกนั้นใช่ไหม?”

ดวงตาของผู้นำสูงสุดเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขณะมองคนที่ชื่ออูหลิว

“ใช่ หัวหน้าอยากให้นางเร่งมือหน่อยไหม?”

“ไม่ ให้แม่นั่นอยู่เงียบ ๆ ไปก่อน แล้วบอกนางว่าถ้าภูตของเผ่านั้นจับได้ว่านางคือไส้ศึก ไอ้เด็กเวรนั่นตาย”

คนเป็นหัวหน้าเผ่าพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

“ข้าอยากจัดการพวกมันให้หมดตอนที่พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัว นี่คือสิ่งที่ตระกูลนังนั่นสอนข้า”

ความเกลียดชังสามารถทำให้ผู้คนเรียนรู้อะไรได้อย่างรวดเร็ว

อูหลิวก้มศีรษะตอบว่า “รับทราบ” จากนั้นเขาหันหลังกลับเพื่อไปดำเนินการตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

ก่อนที่ชายตัวเตี้ยจะจากไป เขาก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าเผ่าดังขึ้นอีกครั้ง

“ช้าก่อน นังนั่นทำงานของนางไม่สำเร็จ และข้ายังไม่ได้ลงโทษนางเลย”

“ในเมื่อเสียกำลังภูตไป 1 คน ตัดนิ้วของเจ้าเด็กนั่นออกแล้วส่งไปให้นางซะ”

เสียงที่เกรี้ยวกราดและชั่วร้ายเต็มไปด้วยความอาฆาตจงเกลียดจงชัง

“รับทราบ”

อูหลิวหันหลังเดินออกไปอีกครั้งโดยที่ไม่มีเสียงใดเอ่ยรั้งเขาไว้อีก

……

ในถ้ำที่มืดมิดจนไม่มีแม้แต่แสงสว่างเล็ดลอดเข้าไป มีร่างผอม ๆ กำลังนอนขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง

ยามนี้แขนเรียวที่ผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกกอดเข่าไว้แน่น พร้อมกับที่ขดร่างกายของตัวเองเข้าหากันให้มากที่สุด

เนื้อตัวของเขานั้นสกปรกมาก มีแม้กระทั่งเห็บหมัดกระโดดขึ้นลงจากผมที่ยุ่งเหยิง ซึ่งสิ่งมีชีวิตพวกนี้น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเขา

ปัง ๆ!

เสียงเปิดปากถ้ำดังขึ้น

ตามด้วยลำแสงสีขาวจากช่องว่างที่ถูกเปิดส่องลงบนใบหน้ามอมแมมของเขา เผยให้เห็นสภาพของคนที่มีผมยาวกระเซอะกระเซิงจนผูกเป็นปมปกคลุมใบหน้าส่วนใหญ่ ประกอบกับดวงตาคู่หนึ่งที่แสดงถึงความหวาดกลัวปนสิ้นหวัง

แต่เมื่อเจ้าของร่างอันน่าเวทนามองเห็นแสงสว่าง ความคาดหวังก็ฉายแววในดวงตาสีดำบริสุทธิ์คู่นั้น

ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าจากข้างนอกก้าวเข้ามา

ในขณะที่เขายังคงขดตัวไว้แน่นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

แปะ...

เนื้อเน่าที่เต็มไปด้วยหนอนขนาดเท่าฝ่ามือถูกโยนลงบนพื้น

กลิ่นเหม็นของเนื้อผสมกับกลิ่นเหม็นของอุจจาระตลบอบอวลในถ้ำ ทำให้ภูตที่กำลังเดินเข้าไปข้างในแทบจะอาเจียนออกมา

“ไอ้หนู กินเร็วเข้า ข้าเหม็นจะตายห่าอยู่แล้ว”

ภูตคนนั้นปิดจมูกด้วยความขยะแขยง

เมื่อคนที่อยู่ภายในถ้ำได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาก็ตะเกียกตะกายไปข้างหน้าโดยไม่สนใจแสงที่ตกกระทบครึ่งใบหน้า เขายกมือขึ้นปิดกั้นแสง ก่อนจะรีบหยิบเนื้อเน่าบนพื้นด้วยอีกมือหนึ่ง

ตอนนี้มีหนอนดิ้นไปมาบนมือของเขา แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ และยัดเนื้อเข้าปากเพื่อเริ่มกิน

แต่เนื่องจากเขาไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานานจึงกระเสือกกระสนกินเร็วเกินไป ทำให้สำลักหนอนเข้าไปในจมูกของตัวเอง

จากนั้นร่างผอมกุมคอไออย่างรุนแรง

“น้ำ… แค่ก ๆๆ! น้ำ...”

ภูตอีกคนที่นำอาหารมาให้แสดงท่าทางขยะแขยงต่อภาพที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังใจดียื่นกระบอกไม้ไผ่เทน้ำลงบนหัวของอีกฝ่าย

เจ้าของร่างซูบผอมไม่รอช้า เขาเปิดปากดื่มน้ำที่รินออกมาอย่างหิวกระหาย แต่ก่อนที่เขาจะได้ดื่มเพิ่มอีกสักหน่อย น้ำที่เทลงมาก็หายไปแล้ว

เมื่อภูตชายที่มาส่งอาหารเห็นท่าทางน่าสมเพชปนขยะแขยงของคนตรงหน้า เขาก็ดูเหมือนจะคิดเรื่องไม่ดีและพูดกับฝ่ายตรงข้ามว่า

“กินเร็ว ๆ เข้า ข้าจะพาไปพบพี่สาวเจ้าหลังกินข้าวเสร็จ”

“พี่สาว? จริงหรือ เจ้าจะพาข้าไปพบนางจริง ๆ หรือ?” ร่างผอมโซชะงักไปชั่วครู่ ในขณะที่ดวงตาสีเข้มแสดงความประหลาดใจก่อนจะยื่นมือออกไปแตะเท้าของภูตคนนั้น

แต่อีกฝ่ายกลับเตะเขาออกไปด้วยความรังเกียจ

“ไม่ต้องพูดมาก กินเร็ว ๆ เข้า เจ้าไม่อยากเจอนางแล้วหรือไง”

********************************************************

เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ก็ไม่กล้าเสียเวลาอีก เขาจึงยัดเนื้อเน่าที่มีหนอนยั้วเยี้ยเข้าไปในปาก ก่อนที่เขาจะกลืนมันลงคอโดยไม่เสียเวลาเคี้ยวอย่างยากลำบาก

แม้ว่าตอนนี้ชายผู้น่าเวทนาจะรู้สึกเจ็บคอ แต่เขาก็ไม่มีเวลามาสนใจมันมากนัก

“ขะ-ข้ากินข้าวเสร็จแล้ว เจ้าจะพาข้าไปหาพี่สาวเลยไหม?”

ต่อมา เขานอนหมอบลงบนพื้นโดยยกศีรษะขึ้นสูง ใบหน้าสกปรกของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังราวกับสุนัขที่รอคอยเจ้าของ

หลังจากที่ร่างผอมแห้งพูดจบ จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงปัดผมยุ่ง ๆ ของตน 2-3 ครั้งอย่างประหม่า แล้วถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือเพื่อเอามาเช็ดหน้าแบบระมัดระวัง

ตอนนี้เขาคงจะสกปรกมาก ถ้าพี่สาวมาเห็นเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ นางจะต้องเป็นห่วงแน่ ๆ…

เขาต้องการที่จะทำความสะอาดตัวเองเพื่อให้พี่สาวของเขาสบายใจและไม่ทำให้นางเดือดร้อน

“หึ” เมื่อภูตคนนั้นเห็นคนที่ผอมจนมีแต่กระดูกเป็นเช่นนี้ เขาก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ครู่ต่อมา เขาก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือซ้ายของอีกฝ่ายก่อนจะใช้เท้าบดเหยียบมันอย่างแรง

ไม่นานมือข้างหนึ่งของชายร่างใหญ่ก็กลายเป็นอุ้งเท้าหมาป่าเผยให้เห็นกรงเล็บที่แหลมคม จากนั้นเขาก็เอามันไปวางไว้บนนิ้วโป้งซ้ายของอีกคน

“อ๊ากกกกกกกก!!”

จากนั้นเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ

ตอนนี้สภาพของคนที่น่าสังเวชบนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหมด ในขณะที่เขามองชายที่ทำร้ายตนด้วยสายตาหวาดกลัว และเอ่ยถามน้ำเสียงตื่นตระหนก

“เจ้าบอกข้าไม่ใช่หรือว่าจะพาข้าไปหาพี่สาว ข้าทำอะไรผิด ปล่อยข้าไปเถอะ…”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าไปเจอพี่สาว โดยให้นิ้วของเจ้าสัมผัสได้นางแทน ฮ่า ๆๆๆ!”

ภูตคนนั้นยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเขาก็ใช้กรงเล็บหมาป่าตัดนิ้วของคนตรงหน้าออก

แล้วเสียงกรีดร้องโหยหวนน่าขนลุกก็ดังไปทั่วบริเวณถ้ำอีกครั้ง

********************************************************

อีกด้านหนึ่ง

หัวใจของหวงเยว่เต้นแรง ในตอนที่นางก็ถูกปลุกด้วยเสียงนกร้อง

เมื่อนางมาถึงประตูและเปิดออก นางเห็นขนนกสั้น ๆ พร้อมห่อหนังสัตว์เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งวางนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู

หนังสัตว์ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยบางสิ่ง

พอหญิงสาวเห็นคราบเลือดบนหนังสัตว์ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดลงทันที นางรีบหยิบสิ่งของปริศนาขึ้นมา ก่อนจะหันกลับเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตู

บัดนี้หงส์สาวกำห่อหนังสัตว์แน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว

หลังจากที่หวงเยว่ทำใจอยู่สักพัก นางก็ยกมุมของหนังสัตว์เพื่อเปิดออกด้วยมือสั่นเทา จากนั้นนางก็ได้กลิ่นคาวเลือดโชยออกมา และเผยให้เห็นบางสิ่งที่มีเลือดสีดำแห้งเกรอะอยู่ข้างใน...

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ตอนนี้บีบหัวใจมากจริง ๆ  T_T

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด